บันทึกถึง 'สุโขทัย' อิ่มท้อง อุ่นใจในเมืองประวัติศาสตร์
– August, 2017 –
เยือนหัวใจรุ่งอรุณแห่งความสุข
ตามรอยความทรงจำของพ่อหลวง
ชิมต้นฉบับก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย
จิบกาแฟในท้องทุ่งนา
พาใจกลับไปหาวันวาน

ว่ากันแบบตามตรง “สุโขทัย” ไม่เคยอยู่ในสารบบความคิดที่ผ่านมาค่อนชีวิตของเราเลย
ถ้าถามรายชื่อจังหวัดที่อยากไปเที่ยว แน่นอนว่าไม่มีสุโขทัยอยู่ในนั้นแน่ๆ ล่ะ
วันที่ขับรถเข้ามาถึงเขตจังหวัดสุโขทัย ยังขำและถามตัวเองอยู่เลยว่า “กูมาทำไมวะ”
แม้กระทั่ง “อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย” เรายังไม่รู้เลยว่าเป็นมรดกโลกด้วย
สุโขทัยในความรู้สึกเราเลยเหมือนแผ่นดิสก์เปล่าๆ ไม่มีข้อมูลหรือความรู้สึกใดๆ
วินาทีแรกที่สัมผัสสุโขทัย คือ เฮ้ย ฝรั่งเที่ยวจังหวัดนี้เยอะจัง
นั่งกินข้าวในร้านอาหาร มีอยู่โต๊ะเดียวที่เป็นคนไทย รู้สึกเหมือนไม่อยู่บ้านตัวเองซะงั้น
บริเวณเมืองเก่า นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะฝรั่ง นิยมเช่าจักรยานปั่นชมเมือง
บ้างก็เดินเตร็ดเตร่กันเต็มถนนไปหมด เฮ้ย มันเป็นภาพวิถีที่คอนทราสต์แต่น่ารักชิพ


สุโขทัย เป็นจังหวัดที่ร้อนที่สุดในภาคกลาง อันที่จริงคือร้อนที่สุดในประเทศไทย
และทุบสถิติจนติดอันดับ 9 เมืองร้อนที่สุดของโลกด้วย (44.3 องศา เมื่อเดือนเมษาที่ผ่านมา)
เราเลยได้สัมผัส และรู้ ณ ตอนนั้น ที่นั่นอีกนั่นแหละว่า ที่นี่แม่มร้อนเอาโล่ไปเลย
แต่ข้อดีของอากาศร้อนคือ ฝรั่งหนุ่มๆ หุ่นเปรี๊ยะๆ จะถอดเสื้อปั่นจักรยานกัน อือหือ พรีเมียมมากก
ปั่นจักรยานชมเมือง กับ อากาศร้อน — คอนทราสต์อีกแล้ว แต่กลับลงตัว มีความสุขแบบไม่น่าเชื่อ


เช้าๆ คนที่นี่ตื่นมาใส่บาตรกันเป็นปกติ ที่ไม่ปกติสำหรับคนกรุงฯ อย่างเราคือ พระบิณฑบาตกันหนาตา
แลดูเป็นวิถีชีวิตที่ไม่ประดิดประดอย หรือพยายามทำให้มันเป็นแบบนั้น หรือให้เราเห็นแบบนี้
ของกินที่ตลาด ถูก และอร่อยมาก ที่สำคัญคือให้ในปริมาณที่ไม่ทรมาณกะเพาะเหมือนในกรุงเทพ
แค่น้ำเต้าหู้ (ถุงละ 5 บาท) กับปาท่องโก๋ (ชิ้นละ 1 บาท) หมูปิ้ง ข้าวเหนียว ก็อิ่มเป็นมื้อเช้าได้สบาย
ไม่ใช่แค่ของกินที่ตลาด แต่อาหารที่สุโขทัยอร่อยแบบเกินความคาดหมายไปหลายเบอร์
เราเดินทางไปมาหลายจังหวัด ยังไม่เคยเจอจังหวัดที่กินทุกร้าน อร่อยทุกร้านแบบนี้
อาจจะถูกปากเฉพาะเรา แต่ที่ถูกใจกว่า คือ ราคาถูกแบบคุ้มค่ามาก อือหือ ค่าครองชีพต่ำจนน่าอิจฉา
ที่สำคัญ ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย อร่อยมากเหอะ รสชาติไม่เหมือนที่เคยกินในกรุงเทพเลย



รูปด้านล่างคือร้าน ‘ไม้กลางกรุง’ อีกหนึ่งร้านดังของสุโขทัยที่ตกแต่งร้านด้วยบรรยากาศพื้นเมือง
เมนูเด็ดคือ ข้าวเกรียบปากหม้อสูตรโบราณ เรียกว่าเป็นซิกเนเจอร์ ทุกโต๊ะต้องสั่ง
นอกจากนี้ยังมี ขนมเบื้องไข่ ผัดไทยเกี๊ยวกรอบ และข้าวผัดปลาทู ที่อยากแนะนำ
ร้านอยู่ติดริมถนนจรดวิถีถ่อง จอดรถริมถนนได้ ควรไปก่อนเที่ยง เพราะคนแยะพอตัว





เกสต์เฮาส์ที่นี่ ห้องเดี่ยวราคา 590 บาทต่อคืน สิ่งอำนวยความสะดวกครบ
ทั้งแอร์ ทีวี ตู้เย็น ห้องน้ำในตัว แถมทำความสะอาดให้ทุกวันด้วยเอ้า
เราพักที่เกสต์เฮาส์ชื่อ ‘เวียงตะวัน’ เล็กๆ แต่อบอุ่น แถมพนักงานยังน่ารัก
เดินไปไม่ไกลจากที่พักจะมีร้านเช่าจักรยาน สามารถเช่าปั่นเที่ยวในเมืองได้
ส่วนเราเช่าปั่นไป ‘อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย’ ปั่นไปไม่ไกลก็ถึง ชิลๆ
แนะนำว่าควรปั่นไปแต่เช้าหรือช่วงเย็น เพราะกลางวันร้อนมากกกก



คนสุโขทัยมีความอินดี้โดยสายเลือด ดูได้ชัดจากวิธีการตั้งชื่อร้านแต่ละร้าน
เช่น ร้าน “…ดีจร้า” ร้าน “พ่อกู” หรือแม้กระทั่งเวลาเปิดปิดร้านก็เขียนแปะเอาไว้ว่า
“พร้อมก็เปิด เหนื่อยก็ปิด” แล้วแต่ละร้านก็เปิด ปิด ได้ไม่ตรงกับเวลาที่แปะเอาไว้เล้ย
แต่คนสุโขทัยใจดี และน่ารัก ยิ้มน้อยๆ แต่เป็นมิตร พูดน้อยๆ แต่จริงใจ
ทำให้รู้สึกสบายใจ และอบอุ่นใจแปลกๆ ที่รู้สึกได้ว่า เรากำลังอยู่ใน “บ้าน” ของเราจริงๆ


บ้านหอมกลิ่นดิน คือ คาเฟ่กลางท้องทุ่งนา สบายท้อง สบายตา
ยิ่งไปช่วงหน้าฝน มองไปทางไหนก็เขียวขจี บรรยากาศชิลมาก
คาเฟ่ตั้งอยู่ถนนเส้นทุ่งเสลี่ยม – เถิน ต้องขับรถไปไกลพอสมควร


เอ้อ สุโขทัย มีทะเลด้วยนะ แถมยังเป็นทะเลหลวงรูปหัวใจซะด้วย
ถ้ามองลงมาจากด้านบน จะเห็นเป็น “เกาะรูปหัวใจ” เฮ้ย โรแมนติกซะมิมี
ต้องโรแมนติกแน่นอนสิ เพราะนอกจากพระอาทิตย์ตกดินที่นี่จะสวยสุดๆ แล้ว
หนุ่มสาวสุโขทัยยังแว๊นมอ’ ไซต์มานั่งจีบกันตอนเย็นๆ ด้วย แหม สมเป็นเกาะหัวใจ
แต่ก็เป็นหัวใจที่มีประโยชน์นะ เพราะที่นี่คือ ‘โครงการแก้มลิงทุ่งทะเลหลวง’ ของในหลวง
ถูกสร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง เสาไฟฟ้ายังเป็นเสาไฟพลังงานแสงอาทิตย์เลย
ขับรถไปตอนเย็นๆ เปิดเพลงฟังชิลๆ ท้องฟ้าสวยๆ เฮ้ย เรากำลังวนอยู่ในหัวใจว่ะ





พระอาทิตย์ที่สุโขทัยขยันทำงานมาก ขึ้นเร็ว ตรงเวลา ขึ้นฉับๆ วินาทีต่อวินาที
เล่นเอาตั้งตัวไม่ทัน เพราะที่อื่นแค่ตื่นก่อนพระอาทิตย์ขึ้น 10 – 15 นาทีก็นั่งรอสบาย
แต่ที่นี่ไม่ถึง 5 นาทีก็สว่างโล่ไปทั้งจังหวัด แหม สมฉายา “รุ่งอรุณแห่งความสุข”
แต่เราหลงรักห้วงเวลาแห่งความสุขนี้แบบไม่ทันตั้งตัว เฮ้อ ไม่รู้ทำไมใจง่ายนัก
ชอบช่วงเวลาที่ได้ตื่นแต่เช้ามาใส่บาตรที่ตลาด ขับรถเลียบทุ่งนาเขียวๆ
สัมผัสวิถีชีวิตไทยๆ แบบที่ไม่ต้องประดิษฐ์ใดๆ เพื่อเรียกแขกให้กลายเป็นกระแส
คิดในใจว่า “ลำบากแล้วกู” เพราะจากนี้ไปกินอะไรที่ไหนคงอดนึกถึงอาหารที่สุโขทัยไม่ได้



ว่ากันแบบตามตรง เราไป “สุโขทัย” แบบแผ่นดิสก์ที่ว่างเปล่า
แต่กลับมาด้วยความรู้สึก และความทรงจำที่เต็มแผ่นมากๆ
จากเคยเป็นแค่จังหวัดนอกสารบบความคิดก็กลายมาเป็นจังหวัดในใจซะงั้น
เสียอย่างเดียวอากาศร้อนไปหน่อย แต่คนสุโขทัยยืนยันว่าหน้าหนาว อากาศเย็นนะ
เห็นทีคงต้องยอมขับรถอีกสัก 5-6 ชั่วโมง กลับไปซ้ำอีกซะแล้วละ
เพราะยังไม่มีโอกาสได้ไปขึ้น “เขาหลวง” เลย เขาว่าที่นั่นแจ่มทีเดียว


สุดท้ายเขาบอกมาว่า .. .
สุขขะ + อรุโณทัย รวมกันได้ผลลัพธ์คือ “รุ่งอรุณแห่งความสุข”
ไม่มีอะไรจะเถียง เพราะเมืองนี้เต็มไปด้วยความสุขจริงๆ นะ เชื่อเรา
: )