– Maldives – Don’t worry, Beach happy!!

Maldives : Don't worry, Beach happy!!

- May, 2017 -

“มัลดีฟส์กำลังจะจม” .. แม้จะฟังดูเป็นคำพูดที่มีพลังดึงดูดให้ต้องรีบฉีกกระเป๋าสตางค์แล้วบินไปในทันใด แต่คำพูดนี้ไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้เรายอมกัดฟันจ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อไปใช้ชีวิตติดเกาะในราคาที่หนีไปเที่ยวญี่ปุ่นได้หลายวันหรือบินไปเที่ยวยุโรปได้แบบสบายๆ

แต่เพราะ “มัลดีฟส์” เป็น Dream Destinations แรกในชีวิตที่เคยบอกกับตัวเองไว้ว่า “ต้องไปให้ได้เว้ย!!” ซึ่งพูดไว้ตั้งแต่ตัวยังกะเปี๊ยกและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกาะสวรรค์ในฝันนี้มันอยู่ตรงส่วนไหนของโลกกลมๆ ที่กว้างใหญ่ใบนี้

จนกระทั่ง .. ร่างกายเริ่มรู้สึกได้ถึงความต้องการไอแดดและน้ำทะเลอย่างแรงกล้า ประกอบกับทนเสพติดการดูภาพน้ำทะเลสีเทอร์คอยซ์ของมัลดีฟส์จากใน Instagram ไม่ไหวแล้ว เราจึงตัดสินใจว่า “จะไม่ทำให้มัลดีฟส์เป็นแค่ Dream Destinations อีกต่อไป!!!”Don’t worry, Beach happy!! (กลับมาก็แค่จนเว้ย!)

อ่านข้อมูลเบื้องต้นของประเทศมัลดีฟส์ คลิก → All About Maldives

maldives-Veligandu-Island-Resort1

การเดินทางไปประเทศมัลดีฟส์มีให้เลือกทั้งไฟลท์บินตรงและเปลี่ยนเครื่อง ซึ่งอันที่จริงมีอยู่หลายสายการบิน แต่ที่ได้รับความนิยมมีอยู่ 2 สายการบิน คือ Bangkok Airways และ SriLankan Airlines – ความแตกต่างของสองทางเลือกนี้มีอยู่เล็กน้อยแต่ก็ให้ทำคิดหนักไม่น้อยคือ บางกอก แอร์เวย์ส ราคาแพงกว่าแต่ได้บินตรงในระยะเวลาประมาณ 4 ชั่วโมงเท่านั้น ส่วน ศรีลังกัน แอร์ไลน์ ต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศศรีลังกาแต่ราคาถูกกว่านีสนึง แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่เลือกบางกอก แอร์เวย์ส แต่เพราะเรามีเวลาพักผ่อนอยู่ที่มัลดีฟส์แค่ 3 วัน 2 คืน จึงตัดใจเลือกศรีลังกัน แอร์ไลน์ เพราะเวลาบินสวยหรูกว่า ไปถึงมัลดีฟส์เช้าและบินกลับช่วงค่ำ ฉะนั้นจึงมีเวลาอยู่บนเกาะนานกว่าบินกับบางกอก แอร์เวย์ส ซึ่งจะถึงมัลดีฟส์ตอนเที่ยงและต้องบินกลับตอนเที่ยงเช่นเดียวกัน

รีสอร์ทส่วนใหญ่ของมัลดีฟส์ สามารถเช็คอินเข้าห้องพักได้ตั้งแต่ตอนเดินทางไปถึง แม้จะระบุเวลาเช็คอินไว้ตอน 14.00 น. ก็ตาม และถึงแม้จะต้องเช็คเอาท์ตอน 12.00 น. แต่ถ้ามีไฟลท์บินกลับช่วงค่ำ ก็สามารถเตร็ดเตร่อยู่บนเกาะได้จนถึงเวลาออกจากเกาะ – นี่เป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมเราจึงเลือกบินกับศรีลังกัน แอร์ไลน์ (กิกิ)

อ่านวิธีการวางแผนเที่ยวมัลดีฟส์ คลิก → How to plan a trip to Maldives

maldives-Veligandu-Island-Resort14
ทริปในฝันบนโลกแห่งความจริง

พูดถึงข้อดีของศรีลังกัน แอร์ไลน์ไปแล้ว มาจะกล่าวบทไปถึงความซวยที่เจอจากการเลือกบินกับศรีลังกัน แอร์ไลน์บ้าง – นอกจากความไร้ระเบียบของแขกที่ทำเอาเซอร์ไพรส์อยู่ไม่น้อยแล้ว ไฟลท์นี้เราโดนยกเลิกไฟลท์!!! ซึ่งแม้จะเจ็บใจในความซวยของตัวเองอยู่บ้าง แต่ก็นับว่าการแก้ปัญหาของสายการบินค่อนข้างโอเคและมีความรับผิดชอบพอสมควร ประกอบกับยังมีความโชคดีแอบแฝงอยู่ในความโชคร้ายบ้าง เพราะแต่เดิมเราต้องแวะนอนค้างที่สนามบินโคลัมโบหนึ่งคืน เนื่องจากบินไปถึงประเทศศรีลังกาตอนประมาณเที่ยงคืนและต้องต่อเครื่องไปมัลดีฟส์ในตอนเช้า ก็กลายเป็นว่าสายการบินขอรับผิดชอบด้วยการเลื่อนไฟลท์ของเราไปตอนตี 5 พร้อมห้องพักโรงแรมให้นอนพักระหว่างรอเวลาออกเดินทาง ซึ่ง!!!! อย่าเรียกว่านอนพักเลยจะดีกว่าเพราะกว่าจะเดินทางถึงโรงแรม Ambassador Bangkok แถวสุขุมวิทก็ปาไปประมาณเที่ยงคืนแล้ว และเราต้องกลับไปเช็คอินขึ้นเครื่องตอนตี 3 – เอาช้านมาทำมายย T T

มาเล เมืองหลวงของประเทศมัลดีฟส์

maldives-Veligandu-Island-Resort2

กว่าทริปนี้จะสดใสก็สะบักสะบอมพอสมควร เพราะรถรับส่งจากโรงแรมไปสนามบินสุวรรณภูมิมาเลทจนหวั่นใจ แถมเครื่องบินยังดีเลย์ ทำให้ถึงสนามบินโคลอมโบช้าเข้าไปอี๊ก และเรามีเวลาเปลี่ยนเครื่องแค่ 45 นาทีเท่านั้น! – ไม่ต้องบอกว่าวิ่งป่าราบขนาดไหน แต่สุดท้ายก็ทันแบบเส้นยาแดงผ่าแปด

เครื่องบินจากโคลัมโบไปมัลดีฟส์ใช้เวลาแค่อึดใจเดียว ประมาณไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น หลังจากถึงสนามบินอิบราฮิม นาเชอร์ (Ibrahim Nasir Airport) ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัดจนสามารถเห็นเครื่องบิน Landing และ Take off ได้แบบชิดติดขอบสนามแล้ว ขั้นตอนการผ่าน ตม. ที่นี่ยังไม่ยุ่งยากเท่าไร ที่สำคัญคนไทยอย่างเราไม่ต้องใช้วีซ่าจ้า และยังสามารถเดินผ่าน ตม. ได้พร้อมกันทั้งครอบครัวอีกด้วย บรรยากาศจึงดูสบายๆ แตกต่างจากเกาหลีหรือญี่ปุ่นที่มีแต่ความมาคุพอสมควร ยิ่งได้กลิ่นลมทะเลพัดโชยมาเพราะสนามบินที่นี่เป็นแบบ Open Air ยิ่งย้ำให้เรารู้สึกว่า น้ำทะเลสีเทอควอยซ์อยู่ตรงหน้าเราแล้วจริงๆ – แม้จะเจออุปสรรคมามากมาย แต่พี่มาถึงแล้ว มัลดีฟส์จ๋าาา!!

Sea plane หรือ เครื่องบินน้ำ อีกหนึ่งประสบการณ์ไม่ควรพลาดของทริปมัลดีฟส์

maldives-Veligandu-Island-Resort15
maldives-Veligandu-Island-Resort12
Don’t listen to what they say. Go See!

“ไปให้เห็นกับตา” .. คือคำพูดที่เรามักบอกตัวเองอยู่เสมอก่อนตัดสินใจเดินทางไปที่ไหน ยิ่งมีโอกาสได้เดินทางบ่อยขึ้น ยิ่งใช้หูฟังน้อยลง แต่ใช้ตามองและเปิดใจมากขึ้น เลิกตัดสินใจอะไรก่อนจะได้ไปเห็นกับตาและสัมผัสด้วยความรู้สึกของตัวเอง — มัลดีฟส์ก็เช่นกัน บางคนบอกว่า “มัลดีฟส์แทบไม่ต่างอะไรจากทะเลบ้านเรา” บ้างก็บอก “ที่มันสวยก็เพราะเขาแต่งรูป” .. คำพูดพวกนี้อาจรบกวนความรู้สึกเราได้บ้าง แต่สุดท้ายแล้วคนตัดสินใจก็คือตัวเราเอง

แน่นอนว่าเราเลือกตัดสินใจมาให้เห็นกับตา ..

.. และแค่ภาพแรกที่เห็น ณ สนามบินอิบราฮิม นาเชอร์ ก็ทำเอาอ้าปากค้างได้แล้ว เพราะน้ำทะเลรอบเกาะของสนามบินใสมากกกกก! ที่สำคัญมันเป็นสีเทอควอยซ์จริงๆ! นึกดีใจว่าอย่างน้อยที่นี่ก็ไม่เหมือนพัทยาบ้านเราแล้ว เงินทองที่อุตส่าห์ตรากตรำทำงานหนักมาไม่สูญเปล่าแล้ว (โว้ยย!)

การเดินทางจากสนามบินไปยังเกาะของรีสอร์ทต่างๆ มีอยู่สามวิธี คือ Speed Boat, Sea plane และ Domestic Fight หรือเครื่องบินภายในประเทศซึ่งมีค่อนข้างน้อยเพราะใช้กับรีสอร์ทที่มีระยะทางไกลตั้งแต่ 100 – 300 กิโลเมตร แต่รีสอร์ทดังๆ ส่วนมากไม่ได้อยู่ไกลขนาดนั้น ฉะนั้นส่วนใหญ่จึงเดินทางด้วย Speed Boat และ Sea plane เป็นหลัก ส่วนจะเดินทางแบบไหนนั้นขึ้นอยู่กับการเลือกรีสอร์ทด้วย เพราะถ้ารีสอร์ทอยู่ใกล้ก็สามารถนั่ง Speed Boat ไปได้โดยใช้เวลาไม่นาน แต่ถ้ารีสอร์ทอยู่ไกลก็จำเป็นต้องนั่ง Sea plane ซึ่งแน่นอนว่าราคาแพงกว่า แต่ก็นับเป็นสูตรของการเที่ยวมัลดีฟส์ที่ไม่ควรพลาด เพราะวิวจากบน Sea plane นั้นสวยงามและยากจะหาประสบการณ์นี้สัมผัสได้จากที่อื่น

สีน้ำทะเลบริเวณสนามบินอิบราฮิม นาเชอร์ สวยใสจนใจสั่น

maldives-Veligandu-Island-Resort13

จุดจอด Sea plane ของ Veligandu Island Resort

maldives-Veligandu-Island-Resort21

รีสอร์ทที่เราเลือกคือ Veligandu Island Resort” ซึ่งตีลังกาเอาเท้าก่ายหน้าผากคิดมาหลายวันหลายคืนกว่าจะตัดสินใจได้ ด้วยเหตุผลว่าอยู่ในช่วงงบประมาณที่จ่ายไหว ได้นั่ง Sea plane และเป็นรีสอร์ทห้าดาวที่ราคาไม่เจ็บแสบมาก (แต่ก็เจ็บอยู่ดี T T)

เราว่าการวางแผนเที่ยวมัลดีฟส์ ขั้นตอนที่ยากที่สุดคือตอนเลือกรีสอร์ท เพราะงบประมาณของแต่ละคนไม่เท่ากัน ความต้องการไม่เหมือนกัน บางรีสอร์ทตอบโจทย์ได้แค่บางอย่าง เช่น ราคาถูกแต่รอบเกาะไม่มีปะการัง ในขณะที่บางรีสอร์ทราคาแพงกว่าแต่ก็ดันไม่มีแพ็กเกจแบบ All Inclusive

ข้อมูลรีสอร์ทต่างๆ ของมัลดีฟส์ คลิก → How to choose your Maldives Resort

maldives-Veligandu-Island-Resort39

All Inclusive” คำนี้จะว่าไปก็เปรียบเสมือนบัตรผ่านสำหรับความสะดวกสบาย คล้ายป้ายห้อยคอว่า “คุณคือพระเจ้า” ตลอดระยะเวลาที่อยู่บนเกาะ เพราะสามารถสวาปามได้เกือบทุกอย่างที่อยู่ในเมนูอาหารโดยไม่ต้องมานั่งปวดขมองเรื่องค่าใช้จ่ายระหว่างอยู่ที่รีสอร์ท ยิ่งเป็นคอแอลกอฮอล์ยิ่งเปรมปรีดิ์แบบคูณสองเพราะแพ็กเกจนี้รวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ดริ้งก์กันแบบไม่อั้นด้วย!

นอกจากแพ็กเกจ All Inclusive ยังมีแพ็กเกจอาหารให้เลือกอีกสองแบบสำหรับการมาพักผ่อนบนเกาะสวรรค์ คือ Half Board รวมอาหารเฉพาะมื้อเช้าและอาหารค่ำ และ Full Board ที่รวมอาหารทุกมื้อแต่ไม่รวมเครื่องดื่มต่างๆ

ตอนแรกเราสับสนเรื่องแพ็กเกจอาหารอยู่เหมือนกัน แอบเข้าไปใจไปเองว่ามีแต่แพ็กเกจแบบ All Inclusive เท่านั้น แต่ความจริงเราสามารถจองเฉพาะห้องพักที่รวมแต่อาหารเช้าอย่างเดียวเหมือนการเข้าพักในรีสอร์ททั่วๆ ไปก็ได้ เพียงแต่จะต้องเสียค่าอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มเติมระหว่างอยู่บนเกาะ ซึ่งก็เป็นราคาแบบเก๊าะเกาะ ฉะนั้นจึงไม่อาจควบคุมงบประมาณได้ดีเท่าการจองแพ็กเกจแบบ All Inclusive ที่เหมาะสำหรับคนง่ายๆ และขี้เกียจคิดมากอย่างเราเป็นที่ซู้ดดด

maldives-Veligandu-Island-Resort7
maldives-Veligandu-Island-Resort5
maldives-Veligandu-Island-Resort4
maldives-Veligandu-Island-Resort6

การเดินทางสู่ Veligandu Island Resort จะต้องนั่ง Sea plane หรือเครื่องบินน้ำ ซึ่งใช้เวลาเดินทางแค่ 15 นาที แต่ก็เป็น 15 นาทีที่คุ้มค่าเพราะวิวจากบน Sea plane สวยงามอร่ามตามากกก .. เป็นวิวที่ตอบคำถามคาใจก่อนมาของเราได้อย่างไร้ข้อกังขา เพราะสงสัยมานานแล้วว่า สีน้ำทะเลที่มัลดีฟส์มันเป็นสีอะไรกันแน่ ใสเหมือนรูปสวยๆ ในอินเทอร์เน็ตหรือเปล่า แล้วก็เห็นด้วยตาตัวเองจนได้ว่า เออ! มันใสจริง เทอควอยซ์จริง ไม่อิงฟิลเตอร์ใดๆ 

เลนส์อะไรที่มีอยู่ในโลก ต่อให้ราคาแพงแค่ไหนก็ไม่สวยสมใจเท่ากับเลนส์นัยน์ตาจริงๆ

maldives-Veligandu-Island-Resort35
maldives-Veligandu-Island-Resort25
Don’t worry, Beach happy. สิ่งที่ดีที่สุดอาจมาในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด

พนักงานที่รีสอร์ทเวลิกันดูพูดทักทายเป็นภาษาไทยว่า “สวัสดี” แสดงว่าเคยมีคนไทยมาพักที่นี่อยู่พอสมควร (แต่คงไม่ฮิตเท่า Centara Ras Fushi หรือ Club Med Kani แน่นอน) — สำหรับเรา สิ่งที่งดงามที่สุดของการเดินทางคือการทักทาย เพราะชีวิตประจำวันทุกวันนี้เรามีโอกาสพูดคำว่า “สวัสดี” น้อยเหลือเกิน ยังไม่นับการสื่อสารทางเดียวในโลกเสมือนจริงที่บางครั้งก็ไม่ได้รับการตอบกลับ ฉะนั้นคำทักทายไม่ว่าจะเป็นภาษาอะไรระหว่างการเดินทางจึงเปรียบเสมือนน้ำเย็นๆ ที่พร่างพรมลงกลางหัวใจ โดยเฉพาะบนเกาะรีสอร์ทที่มัลดีฟส์ ไม่ว่าจะเดินผ่านพนักงานหรือนักท่องเที่ยวก็มักจะได้รับคำทักทายแลกเปลี่ยนกลับมาเสมอ

Beach Bungalow น่าพักไม่แพ้ Water Bungalow แถมราคาถูกกว่าด้วยนะ

maldives-Veligandu-Island-Resort32

Water Bungalow โซนท้ายเกาะของรีสอร์ท ค่อนข้างแออัดกว่าโซนพระอาทิตย์ขึ้นและตก

maldives-Veligandu-Island-Resort23

ที่นี่มีห้องพักทั้งหมด 81 ห้อง เป็น Beach Bungalow 17 ห้อง และ Water Bungalow 64 ห้อง ซึ่งการเลือกพัก Water Bungalow ดูเหมือนจะถูกฝังลงในสูตรสำเร็จของการเที่ยวมัลดีฟส์สำหรับคนไทยอย่างเรา แต่อันที่จริงเราว่า Beach Bungalow ก็น่าพัก เพราะนอกจากจะได้วิ่งลงทะเลแล้ว ยังได้นอนเกลือกกลิ้งบนหาดทรายด้วย แต่ก็นะ .. คนไทยอย่างเราจะหาห้องพักที่ยื่นลงไปในทะเลพักได้จากที่ไหนในประเทศไทย มาถึงมัลดีฟส์ทั้งทีก็ต้องพักบ้านกลางน้ำสิ!

Water Bungalow ของเวลิกันดูแบ่งออกเป็น 3 โซน คือ ฝั่งพระอาทิตย์ขึ้นและตก และโซนท้ายเกาะซึ่งจะเป็นบ้านพักสองฝั่งหันหลังชนกัน โซนที่แนะนำคือฝั่งพระอาทิตย์ตกดินซึ่งได้รับการการันตีผ่านเว็บไซต์ TripAdvisor แล้วว่าสวยงามที่สุด เพราะฝั่งพระอาทิตย์ขึ้นจะมีแนวกั้นน้ำ มองออกไปอาจทำให้รู้สึกว่ามีอะไรมาขวางตา ส่วนโซนท้ายเกาะก็เป็นบ้านพักสองฝั่งชนกัน จึงอาจจะดูแออัดไปสักนิด ฉะนั้นฝั่งพระอาทิตย์ตกนี่แหละเหมาะเหม็ง! นอกจากวิวจะสวยที่สุดแล้วยังได้นอนตีพุงดูพระอาทิตย์ตกดินหน้าบ้านด้วย ฟินนนน!!

maldives-Veligandu-Island-Resort26
maldives-Veligandu-Island-Resort37

ความพิเศษอีกอย่างของรีสอร์ทเวลิกันดูคือห้องพักที่นี่มี Jacuzzi ทุกหลัง! แต่ก็นำมาซึ่งความผิดหวังบางอย่างของเราเพราะตั้งใจเอาโดรนไปบินที่เกาะ แต่เพราะ Jacuzzi ทางรีสอร์ทจึงไม่อนุญาตให้นำโดรนขึ้นได้เพราะจะละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้เข้าพักหลังอื่นๆ ฉะนั้นใครตั้งใจจะเอาโดรนไปบินที่มัลดีฟส์ควรสอบถามรายละเอียดหรือศึกษากฎระเบียบให้ดีก่อน เนื่องจากทุกรีสอร์ทเป็นเกาะส่วนตัวและนักท่องเที่ยวทุกคนตั้งใจมาพักผ่อน การคำนึงถึงสิทธิส่วนบุคคลจึงต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง

ไม่ได้ใช้โดรนก็ไม่เป็นไร! .. Don’t worry, Beach happy! อยู่แล้ว เพราะที่เกาะยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้ทำอีกมาก แค่กระโดดลงน้ำกับ Snorkeling ก็เพลินไปทั้งวัน! ยังไม่นับรวมเรือคายัคหรือกิจกรรมทางน้ำอื่นๆ ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีก แน่นอนว่าคนงกอย่างเราไม่สนใจอยู่แล้ว (ฮาา) แค่มีหนังสือสักเล่ม ได้นอนอาบแดด และกระโดดน้ำเล่นเป็นพอ! — แม้หลายคนจะบอกว่ามัลดีฟส์ไม่เหมาะสำหรับคนไทยเพราะคนไทยส่วนใหญ่ไม่ชอบอยู่เงียบๆ หรืออยู่ในสถานที่ที่ไม่มีอะไรให้ทำ แต่สำหรับเรา การพักผ่อนคือการชาร์จแบตให้ชีวิตที่ดีที่สุด ได้ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติบ้าง ออกห่างจากโลกโซเชียลบ้าง ช่วงเวลาแบบนี้ เป็นช่วงเวลาดีๆ ที่ทำให้เราได้นั่งลงทักทายกับตัวเอง แล้วก็บอกกับตัวเองว่า จะมีอะไรดีไปกว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอีกล่ะ นี่มันมหาสมุทรอินเดียในพื้นที่ของประเทศมัลดีฟส์เลยนะเว้ย!!

เสียแอร์ในห้องเงียบมากก .. เงียบจนแอบสงสัยว่าเปิดอยู่หรือเปล่า แต่ก็เย็นฉ่ำสบายใจ

maldives-Veligandu-Island-Resort31

วิวจากอ่างจากุชชี่ แช่น้ำ จิบไวน์ มองวิวทะเล สุขใดจะเท่า!!

maldives-Veligandu-Island-Resort27
maldives-Veligandu-Island-Resort30
maldives-Veligandu-Island-Resort22
maldives-Veligandu-Island-Resort28

กิจกรรมต่างๆ ของรีสอร์ทสามารถติดต่อได้ที่นี่ มีทั้งฟรีและเสียตังค์จ้า

maldives-Veligandu-Island-Resort24

เรือคายัคมีให้บริการฟรี แต่อุปกรณ์ Snorkel ต้องเสียตังค์ค่าเช่านะ

maldives-Veligandu-Island-Resort33

อีกหนึ่งกิจกรรมของเวลิกันดูที่แถมมากับแพ็กเกจ All Inclusive คือ Sunset Cruise ซึ่งพิเศษกว่าการนั่งเรือออกไปดูพระอาทิตย์ตกดินธรรมดาคือเรือจะพาเราออกไปล่าโลมากันด้วย!

เดี๋ยวๆ .. ล่าโลมาในที่นี้ไม่ใช่ล่าเอาเนื้อมากิน แต่เป็นการพาล่องเรือออกไปดูฝูงโลมาตามธรรมชาติแหวกว่ายมาขนาบข้างกับเรือท่ามกลางแสงสีทองก่อนอาทิตย์จะลับลาขอบฟ้า — ฟังดูโรแมนติก แต่คนดวงกุดอย่างเราเหมือนถูกลิขิตมาให้ต้องพบเจอกับอุปสรรคก่อน เพราะเรือพาล่องออกไปไกลจนคนขับตัดสินใจหันหัวเรือกลับรีสอร์ทแล้วก็ยังไม่เจอโลมาสักกะตัว

จนกระทั่งเรือใกล้จะถึงรีสอร์ท คนขับก็หันหัวเรือกะทันหันพร้อมกับตะโกนว่า Dolphin!!! แล้วบอกให้ออกมาดูที่หัวเรือได้เลย

เกิดมาในชีวิตเคยเห็นโลมาใกล้สุดก็ที่อควาเรียม แต่การได้มาเห็นโลมาแหวกว่ายอยู่ในมหาสมุทรตามธรรมชาติแบบนี้มันรู้สึกได้ถึงความแตกต่างจริงๆ มันดูสวยงาม อิสระ และสัมผัสได้ว่าโลมาเป็นสัตว์ที่น่ารักมากกกก! คนนำทริปบอกทุกคนบนเรือว่าให้ตะโกนเสียงดังๆ หรือทำเสียงวี้ดว้ายกรี๊ดกร๊าดเพราะโลมาชอบเสียงดัง แหม .. นี่มันสัตว์บ้ายอชัดๆ เพราะยิ่งมีเสียงดังจากบนเรือ ฝูงโลมาก็ยิ่งว่ายมาขนาบข้างคล้ายจะเป็นการทักทายหรือหยอกล้อกับเราอยู่นาน

บางครั้งโอกาสอาจมาช้า แต่มันจะมักมาในช่วงเวลาที่เหมาะสมและสวยงามเสมอ ..  ก็บอกแล้วว่า Don’t worry, Beach happy ไง!!

maldives-Veligandu-Island-Resort19
maldives-Veligandu-Island-Resort20
maldives-Veligandu-Island-Resort18
maldives-Veligandu-Island-Resort17
maldives-Veligandu-Island-Resort16
No rain No flowers, ไม่มีอุปสรรคก็ไม่ใช่ชีวิต

ฤดูกาลของมัลดีฟส์แบ่งออกเป็นสองช่วงแบบง่ายๆ คือ Hi Season และ Low Season ไม่มีร้อน ฝน หนาว อะไรให้ซับซ้อน เพราะอากาศที่มัลดีฟส์อุณหภูมิคงที่แทบตลอดทั้งปี แตกต่างเพียงมีช่วงฝนตกเยอะกับน้อยเท่านั้น โดยช่วงไฮ ซีซั่น คือ เดือนพฤศจิกายน – เมษายน ส่วนโลว์ ซีซั่น คือ เดือนพฤษภาคม – กันยายน

คนไทยส่วนใหญ่จะเลือกเที่ยวกันช่วงโลว์เพราะราคาถูกกว่าเกือบเท่าตัว แต่เราเลือกเที่ยวช่วงไฮคือเดือนมีนาคม เพราะไม่มั่นใจในดวงของตัวเอง ไม่อยากเสียตังค์ก้อนใหญ่เพื่อไปเจอกับพายุฝนตลอดทั้งทริป อย่างน้อยไปช่วงไฮมันคงมีวันฟ้าใสบ้างแหละ แต่ก็ไม่วายเจอกับพายุฝนในวันสุดท้ายก่อนกลับจนได้

บรรยากาศวันฝนตก ถึงฟ้าจะครึ้มแต่น้ำทะเลก็ยังใสอยู่ดี

maldives-Veligandu-Island-Resort3

ฝนที่มัลดีฟส์เขาว่าตกสั้น ไม่ตกนาน เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลและรีสอร์ทก็ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ ฉะนั้นฝนจึงพัดผ่านมาแค่แป๊บเดียว คนส่วนใหญ่จึงเลือกไปช่วงโลว์กันเพราะราคาถูกกว่า แต่จากที่สังเกต แม้ฝนจะตกไม่นานมาก แต่เมื่อฝนหยุดแล้ว คลื่นลมในทะเลก็ยังดูแรงกว่าปกติ และท้องฟ้าก็ดูอึมครึมไม่ค่อยสดใสหรือมีแสงแดดให้สะท้อนสีน้ำใสๆ ของทะเลเท่าไร .. แต่ทะเลก็คือทะเล มีความสบายใจให้เสมออยู่ดี

บริเวณห้องอาหารของรีสอร์ท อิ่มท้องด้วย อิ่มวิวอีกต่างหาก

maldives-Veligandu-Island-Resort36
maldives-Veligandu-Island-Resort40

เราลากกระเป๋าออกมาเตรียมเช็คเอาท์ตอนเที่ยงพอดีเป๊ะ แต่มีกำหนดการออกจากเกาะประมาณ 5 โมงเย็น เพราะบินกลับไฟลท์ดึก ซึ่งผิดแผนนิดหน่อยเพราะฝนดันตก จึงคิดว่าคงไม่ได้เดินเตร็ดเตร่รอบเกาะอย่างที่ตั้งใจไว้ — ไม่เป็นไร นั่งเล่นในบาร์ สั่งของว่างกินให้อิ่มท้องมองวิวทะเลแทนก็ได้ เพราะแพ็กเกจ All Inclusive สามารถใช้สั่งเครื่องดื่มและของว่างได้จนกว่าจะออกจากเกาะเลย .. แต่ก็ต้องเจอเซอร์ไพรส์! เพราะพนักงานที่ล็อบบี้แจ้งว่า เราสามารถใช้ห้องต่อได้จนถึง 4 โมงเย็น โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม .. ฮาเลลูยาห์!!  

maldives-Veligandu-Island-Resort11
maldives-Veligandu-Island-Resort9
maldives-Veligandu-Island-Resort10
maldives-Veligandu-Island-Resort8

ไม่รู้เพราะฝนตกหรือไม่มีคนใช้ห้องต่อ แต่ก็คิดว่าคงเป็นความโชคดีในความโชคร้ายที่เจอมาตลอดทริป ไม่สิ เจอมาตลอดทั้งชีวิตนี่หว่า .. หรือเพราะชีวิตคนเราคงต้องพบเจอกับอุปสรรคก่อนเพื่อจะได้เห็นคุณค่าของสิ่งที่ได้มา

                งั้นก็คงเข้าคอนเซปต์ No rain No flowers, ไม่มีอุปสรรคก็ไม่ใช่ชีวิต

                เขาก็บอกแล้วไงว่า Don’t worry, Beach happy!!

maldives-Veligandu-Island-Resort34
maldives-Veligandu-Island-Resort38
สรุปค่าใช้จ่ายทริปมัลดีฟส์
  1. ค่าตั๋วเครื่องบิน SriLankan Airlines ราคา 15,580 บาท ต่อคน
  2. ค่าโรงแรม Veligandu Island Resort (All Inclusive) 3 วัน 2 คืน รวมค่า Sea plane ราคา 44,500 บาท ต่อคน
  3. ค่าทิปพนักงานประมาณ $20

รวม 60,680 บาท ต่อคน

  • อ่านรายละเอียดของประเทศมัลดีฟส์ ข้อมูล และวิธีการวางแผนเที่ยวมัลดีฟส์แบบละเอียดแต่ง่ายสุดๆ ได้ที่ Be a Traveler : Maldives

AUTHOR

Nichikarn Chomratanadilok (Niichii)

อดีต บรรณาธิการ All About Japan E-magazine
หยุดพักบ้าง ฝันบ้าง อยู่กับความจริงบ้าง
แต่ไม่เคยหยุดเดินทาง


IG  /  Facebook

Niichiiz *
Niichiiz *http://www.movearound-journey.com
IG : https://www.instagram.com/niichiiz13

Related Stories

Discover

เที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ 3 วัน 2 คืน ในนางาซากิ คิวชู

เราเคยไปเที่ยวคิวชูมาทั้งหมดสามครั้ง แต่ไม่เคยเห็นนางาซากิอยู่ในสายตา ล่าสุดเลยลองแวะไปนอนเล่นสัก 2-3 คืน ไปแบบไม่มีแผนเที่ยว อะไรในหัว นอนตื่นสายๆ เดินเล่นไปเรื่อยๆ เปื่อยๆ เมื่อยก็ขึ้นรถราง กระโดดขึ้นรถเมล์บ้าง ถ่ายรูปบ้านเมืองที่ลดหลั่นเป็นเอกลักษณ์ หาคาเฟ่นั่งพักกินกาแฟแล้วเดินเล่นต่อ...

ไอเดียเที่ยวเกียวโต 2 วัน 1 คืน เดินทางชิลๆ เปลี่ยนฟีลจากโอซาก้า

เกียวโต เมืองหลวงเก่าแห่งวัฒนธรรมของภูมิภาคคันไซ ได้ลองไป เที่ยวเกียวโต อีกครั้งก็ยังชอบ เพราะเป็นเมืองที่มีเสน่ห์มากจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักท่องเที่ยวถึงแน่นมหาศาลตลอดกาล เพราะมีดีทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรมเลย เรามีโอกาสได้ลองไปเที่ยวเกียวโตมาสองฤดู คือ ช่วงซากุระ และใบไม้เปลี่ยนสี สวยได้ฟีลคนละแบบเลยค่ะ แต่อากาศใกล้เคียงกันอยู่นะ...

นั่งรถไฟเที่ยว Kamakura-Enoshima อีกหนึ่งที่เที่ยวใกล้โตเกียวที่มองเห็นฟูจิซัง!

ใครกำลังมองหาที่เที่ยวใกล้โตเกียว ลองจัดแพลนชิลๆ สักครึ่งวัน นั่งรถไฟไปเที่ยวจังหวัดคานางาวะ (Kanagawa) กันดีกว่า ฟังจากชื่ออาจจะไม่ค่อยคุ้นหูใช่ไหมคะ แต่อันที่จริง คานางาวะคือจังหวัดที่หลายคนคุ้นเคยมากเลยนะ เพราะคานางาวะเป็นจังหวัดที่ตั้งของเมืองฮาโกเน่ (Hakone) และโยโกฮามา (Yokohama) สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของญี่ปุ่นนั่นเอง...

Mojiko Retro เมืองท่าบรรยากาศยุโรป อีกหนึ่งเมืองถ่ายรูปสวยในคิวชู

ใครที่กำลังมองหาแพลนเที่ยว One Day Trip ชิลๆ จากฟุกุโอกะ แนะนำให้ปักหมุดที่เมืองนี้เลยค่ะ Mojiko Retro เมืองท่าที่บรรยากาศโรแมนติกแบบเกินเบอร์! ตั้งอยู่ในเมืองคิตะคิวชู (Kitakyushu) ซึ่งอยู่ห่างจากฟุกุโอกะเพียงนิดเดียวเท่านั้น สามารถนั่งรถไฟมาเที่ยวแบบเช้า...

รวม 9 มุมถ่ายรูปภูเขาไฟฟูจิ แบบสวย Unseen ไม่ซ้ำใคร

เคยมีคำถามกับตัวเองตอนไปญี่ปุ่นครั้งแรกว่า “ทำไมคนเขาถึงตื่นเต้นกับภูเขาไฟฟูจินักหนานะ” ถึงกับพูดกันปากต่อปากว่า ถ้าไปญี่ปุ่นครั้งแรกแล้วได้เห็นฟูจิซัง ก็จะได้ไปญี่ปุ่นซ้ำอีก ทำไมภูเขาไฟลูกนี้ถึงสำคัญกับคนญี่ปุ่นมากขนาดยกให้เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่เปรียบเสมือนศูนย์รวมพลังใจของประเทศญี่ปุ่น .. เราไม่เคยเข้าใจ จนกระทั่งได้ไปเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วยตาตัวเอง จากคนที่เคยมีคำถามมากมายในวันนั้น รู้สึกตัวอีกที เราก็กลายมาเป็นคนที่ตามล่าหามุมถ่ายรูปภูเขาไฟฟูจิแบบ Unseen เหมือนช่างภาพคนญี่ปุ่นบางคนที่ทุ่มเททั้งชีวิตถ่ายแต่รูปฟูจิซังแล้วล่ะโพสต์นี้ก็เลยอยากมาแชร์...

วิธีลงทะเบียน Visit Japan Web แบบละเอียด พร้อมอัพเดทขั้นตอนเข้าประเทศญี่ปุ่น

กลับมาทวงบัลลังก์ "ประเทศในฝันของคนไทย" หลังจากเริ่มกลับมาเปิดประเทศและเปิดฟรีวีซ่าให้คนไทยอีกครั้ง "ญี่ปุ่น" ก็กลายเป็นประเทศที่หลายคนปักหมุดไว้อย่างรวดเร็ว! แต่ถึงแม้ว่าจะกลับมาเปิดฟรีวีซ่าให้คนไทย 15 วัน เหมือนเดิม แต่ก็มีอะไรที่เพิ่มเติมมาจากเดิมเยอะเลยนะ โพสต์นี้เราก็เลยจะมาอัพเดทมาตรการการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นหลังกลับมาฟรีวีซ่าให้แบบละเอี๊ยดละเอียด ทุกขั้นตอนแบบ Step by...

Popular Categories

Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่