Maldives ; Let Me Dream A While รีวิว มัลดีฟส์ ครั้งหนึ่งในชีวิต

ไม่ว่าจะเป็นเสียงคลื่นซัดที่ฟังคล้ายคำว่า “สู้สู้” หรือ เพราะแสงสุดท้าย ณ ปลายเส้นขอบฟ้าที่สวยงามราวกับจะบอกเราว่า “ยังมีพรุ่งนี้เสมอ” หรือจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เราก็รู้สึกมาเสมอว่า “ทะเล” แม่งเหมือนมีมนต์สะกดบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ทุกครั้งเวลาที่ชีวิตมันเหนื่อยล้าเกินไป

Maldives

“มัลดีฟส์” คือ Dream Destinations แรกในชีวิตที่เราเคยบอกกับตัวเองมาตั้งแต่เด็กว่า ต้องไปให้ได้!! แล้วเมื่อถึงวันที่สามารถทำงานหาเงินเพื่อมาชดเชยความฝันวัยเด็กได้แล้ว แน่นอนว่าเราไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะควักกระเป๋าสตางค์ยอมจ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อบินไปสัมผัสน้ำทะเลสีเทอร์คอยซ์ที่ไม่เหมือนทะเลที่ไหน แล้วมันก็โคตรจะคุ้มค่าเลยกับทริปในฝันทริปนี้ : )

Maldives

ลงทุนกับความฝันวัยเด็กทั้งที มันก็ต้องจัดพร็อพแน่นๆ สักหน่อย ก่อนเดินทาง เราก็เลยช้อปปิ้งอย่างหนักหน่วง จัดแจงซื้อทุกอย่างที่จะทำให้ทริปนี้กลายเป็นทริปที่เพอร์เฟคที่สุด! ไม่ว่าจะเป็นบิกินีที่ขาดไม่ได้ ห่วงยางสับปะรดเอาไว้ไปนอนลอยคออาบแดดกลางมหาสมุทรอินเดีย รวมไปถึงกระเป๋าเดินทางใบใหม่ที่สามารถยัดสมบัติบ้าทุกอย่างใส่ลงไปได้ครบ! แล้วสาวยุคโซเชียลอย่างเราก็ไม่ต้องออกจากบ้านไปไหนให้เปลืองแรง แค่กดจิ้มเข้าไปเลือกซื้อออนไลน์จากเว็บไซต์ >  Robinson Online < ก็ช้อปได้เลยทันที เพราะเดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ช้อปได้ แม้แต่อยู่บ้านก็ช้อปได้ แถมถ้าใครไม่สะดวกไปรับที่ร้านก็ยังนั่งจิบชารอที่โซฟาตัวโปรดได้เลย เพราะเขามีบริการส่งตรงถึงบ้านด้วย ที่สำคัญยังมีโปรลดราคา สามารถใช้แต้ม the one ลดราคาให้ถูกลงไปได้อีก แหมะ! เกิดมาเป็นสาวยุคนี้นี่ดีจริงๆ




Maldives
Maldives
Maldives

เมื่อพร็อพพร้อมก็ได้เวลาออกเดินทางตามความฝัน! สำหรับการเดินทางไปประเทศมัลดีฟส์นั้นมีให้เลือกทั้งไฟลท์บินตรงและเปลี่ยนเครื่องค่ะ อันที่จริงมีอยู่หลายสายการบิน แต่เราเลือกบินกับ SriLankan Airlines ซึ่งต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศศรีลังกาแต่ราคาถูกกว่าสายการบินอื่นๆ อยู่นีสนึง แล้วเวลาบินก็สวยหรูกว่า ไปถึงมัลดีฟส์เช้าและบินกลับช่วงค่ำ ฉะนั้นจึงมีเวลาอยู่บนเกาะนาน เพราะรีสอร์ทส่วนใหญ่ที่มัลดีฟส์ สามารถเช็คอินเข้าห้องพักได้ตั้งแต่ตอนเดินทางไปถึง (แม้จะระบุเวลาเช็คอินไว้ตอน 14.00 น. ก็ตาม) และถึงแม้จะต้องเช็คเอาท์ตอน 12.00 น. แต่ถ้ามีไฟลท์บินกลับช่วงค่ำ ก็สามารถเตร็ดเตร่อยู่บนเกาะได้จนถึงเวลาออกจากเกาะเลย

Maldives

Don’t listen to what they say. Go See!

“ไปให้เห็นกับตา” .. คือคำพูดที่เรามักบอกตัวเองอยู่เสมอก่อนตัดสินใจเดินทางไปที่ไหน ยิ่งมีโอกาสได้เดินทางบ่อยขึ้น เรายิ่งใช้หูฟังน้อยลง แต่ใช้ตามองและเปิดใจมากขึ้น เลิกตัดสินใจอะไรก่อนจะได้ไปเห็นกับตาและสัมผัสด้วยความรู้สึกของตัวเอง การมามัลดีฟส์ก็เช่นกันค่ะ บางคนบอกว่า “มัลดีฟส์แทบไม่ต่างอะไรจากทะเลบ้านเรา” บ้างก็บอก “ที่มันสวยเพราะแต่งรูป” .. แต่เราก็เลือกตัดสินใจมาให้เห็นด้วยตา และตัดสินด้วยความรู้สึกของตัวเอง ซึ่งมันพิสูจน์ได้ตั้งแต่ภาพแรกที่เห็น ณ สนามบินอิบราฮิม นาเชอร์ ซึ่งทำเอาอ้าปากค้าง! เพราะน้ำทะเลรอบเกาะของสนามบินใสมากกกกก ที่สำคัญมันเป็นสีเทอควอยซ์จริงๆ คือออกจะสวยกว่าที่เห็นในรูปด้วยซ้ำ!

Maldives
Maldives

สำหรับการเดินทางจากสนามบินไปยังเกาะของรีสอร์ทต่างๆ มีอยู่สามวิธี คือ Speed Boat, Sea plane และ Domestic Fight หรือเครื่องบินภายในประเทศซึ่งมีค่อนข้างน้อยค่ะ เพราะใช้กับรีสอร์ทที่มีระยะทางไกลตั้งแต่ 100 – 300 กิโลเมตร แต่รีสอร์ทดังๆ ส่วนมากไม่ได้อยู่ไกลขนาดนั้น ฉะนั้นส่วนใหญ่จึงเดินทางด้วย Speed Boat และ Sea plane เป็นหลัก ส่วนจะเดินทางแบบไหนนั้นขึ้นอยู่กับการเลือกรีสอร์ทด้วย เพราะถ้ารีสอร์ทอยู่ใกล้ก็สามารถนั่ง Speed Boat ไปได้โดยใช้เวลาไม่นาน แต่ถ้ารีสอร์ทอยู่ไกลก็จำเป็นต้องนั่ง Sea plane ซึ่งแน่นอนว่าราคาแพงกว่า แต่ก็นับเป็นสูตรของการเที่ยวมัลดีฟส์ที่ไม่ควรพลาด เพราะวิวจากบน Sea plane นั้นสวยงามและยากจะสัมผัสประสบการณ์นี้ได้จากที่อื่นใด

Maldives
Maldives
Maldives

รีสอร์ทที่เราเลือกคือ Veligandu Island Resort” ซึ่งตีลังกาเอาเท้าก่ายหน้าผากคิดมาหลายวันหลายคืนกว่าจะตัดสินใจได้ ด้วยเหตุผลว่าอยู่ในช่วงงบประมาณที่จ่ายไหว ได้นั่ง Sea plane และเป็นรีสอร์ทห้าดาวที่ราคาไม่เจ็บแสบมาก (แต่ก็เจ็บอยู่ดี 5555) ทริปนี้เราจ่ายค่าโรงแรม Veligandu Island Resort (All Inclusive) 3 วัน 2 คืน รวมค่า Sea plane ราคา 44,500 บาท/คน โอ้โห ราคานี้อยู่ญี่ปุ่นได้เป็นอาทิตย์เลยนะ แต่สำหรับคนรักทะเลอย่างเราแล้ว ไม่เคยรู้สึกเสียดายเงินที่เสียไปเลย เพราะราคาที่ต้องจ่ายเพื่อความฝันนั้นมันคุ้มค่าและคุ้มที่จะจ่ายมากจริงๆ




Maldives
Maldives
Maldives
Maldives
Maldives

ปล. คำว่า All Inclusive” เปรียบเสมือนบัตรผ่านสำหรับความสะดวกสบาย คล้ายป้ายห้อยคอว่า “คุณคือพระเจ้า” ตลอดระยะเวลาที่อยู่บนเกาะ เพราะสามารถสวาปามได้เกือบทุกอย่างที่อยู่ในเมนูอาหารโดยไม่ต้องมานั่งปวดขมองเรื่องค่าใช้จ่ายระหว่างอยู่ที่รีสอร์ท ยิ่งเป็นคอแอลกอฮอล์ยิ่งเปรมปรีดิ์แบบคูณสองเพราะแพ็กเกจนี้รวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ดริ้งก์กันแบบไม่อั้นด้วยจ้าแม่

Maldives

แน่นอนว่าถ้าเลือกแพ็กเกจ All Inclusive ก็จะต้องจ่ายหนักกว่าเป็นธรรมดา ฉะนั้นถ้าใครเน้นประหยัดก็ยังมีแพ็กเกจอาหารให้เลือกอีกสองแบบนะ คือ Half Board รวมอาหารเฉพาะมื้อเช้าและอาหารค่ำ และ Full Board ที่รวมอาหารทุกมื้อแต่ไม่รวมเครื่องดื่มต่างๆ ค่ะ

Maldives

ที่นี่มีห้องพักทั้งหมด 81 ห้องค่ะ เป็นรีสอร์ทบนเกาะขนาดกลางๆ ไม่ใหญ่มาก เป็น Beach Bungalow 17 ห้อง และ Water Bungalow 64 ห้อง ซึ่งการเลือกพัก Water Bungalow ดูเหมือนจะถูกฝังลงในสูตรสำเร็จของการเที่ยวมัลดีฟส์สำหรับคนไทยอย่างเรา ก็นะ .. มาถึงมัลดีฟส์ทั้งทีก็ต้องพักบ้านกลางน้ำสิเนาะ 

Maldives
Maldives
Maldives
อ้อ! ความพิเศษอีกอย่างของรีสอร์ทเวลิกันดูคือห้องพักที่นี่มี Jacuzzi ทุกหลัง! การได้แช่น้ำนอนดูวิวทะเลพลางจิบไวน์ไปพลางนี่มันคือความสุขที่เหนือคำบรรยายจริงๆ นะ
Maldives
Maldives
Maldives
Maldives

สำหรับ Water Bungalow ของเวลิกันดูจะแบ่งออกเป็น 3 โซน คือ ฝั่งพระอาทิตย์ขึ้นและตก และโซนท้ายเกาะซึ่งจะเป็นบ้านพักสองฝั่งหันหลังชนกัน โซนที่แนะนำคือฝั่งพระอาทิตย์ตกดินซึ่งได้รับการการันตีผ่านเว็บไซต์ TripAdvisor แล้วว่าสวยงามที่สุด เพราะฝั่งพระอาทิตย์ขึ้นจะมีแนวกั้นน้ำ มองออกไปอาจทำให้รู้สึกว่ามีอะไรมาขวางตา ส่วนโซนท้ายเกาะก็เป็นบ้านพักสองฝั่งชนกัน จึงอาจจะดูแออัดไปสักนิด ฉะนั้นฝั่งพระอาทิตย์ตกนี่แหละเหมาะเหม็ง! นอกจากวิวจะสวยที่สุดแล้วยังได้นอนตีพุงดูพระอาทิตย์ตกดินหน้าบ้านด้วย ฟินเวอร์ ~

Maldives

อีกหนึ่งกิจกรรมของเวลิกันดูที่แถมมากับแพ็กเกจ All Inclusive ก็คือ Sunset Cruise ซึ่งพิเศษกว่าการนั่งเรือออกไปดูพระอาทิตย์ตกดินธรรมดาค่ะ เพราะเรือจะพาล่องเรือออกไปดูฝูงโลมาตามธรรมชาติแหวกว่ายมาขนาบข้างกับเรือท่ามกลางแสงสีทองก่อนอาทิตย์จะลับลาขอบฟ้าด้วย




Maldives
Maldives
Maldives
Maldives

สารภาพตามตรงว่าเกิดมาในชีวิตเคยเห็นโลมาใกล้สุดก็ที่อควาเรียม แต่การได้มาเห็นโลมาแหวกว่ายอยู่ในมหาสมุทรตามธรรมชาติแบบนี้มันรู้สึกได้ถึงความแตกต่างจริงๆ มันดูสวยงาม อิสระ และสัมผัสได้ว่าโลมาเป็นสัตว์ที่น่ารักมาก คนนำทริปบอกทุกคนบนเรือว่าให้ตะโกนเสียงดังๆ หรือทำเสียงวี้ดว้ายกรี๊ดกร๊าดเพราะโลมาชอบเสียงดัง ยิ่งมีเสียงดังจากบนเรือ ฝูงโลมาก็ยิ่งว่ายมาขนาบข้างคล้ายจะเป็นการทักทายหรือล้อเล่นกับเราอยู่นานเชียว เป็นการจบวันที่สวยงามตราตรึงและคงคิดถึงไปอีกนาน : )

Maldives
Niichiiz *
Niichiiz *http://www.movearound-journey.com
IG : https://www.instagram.com/niichiiz13

Related Stories

Discover

เที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ 3 วัน 2 คืน ในนางาซากิ คิวชู

เราเคยไปเที่ยวคิวชูมาทั้งหมดสามครั้ง แต่ไม่เคยเห็นนางาซากิอยู่ในสายตา ล่าสุดเลยลองแวะไปนอนเล่นสัก 2-3 คืน ไปแบบไม่มีแผนเที่ยว อะไรในหัว นอนตื่นสายๆ เดินเล่นไปเรื่อยๆ เปื่อยๆ เมื่อยก็ขึ้นรถราง กระโดดขึ้นรถเมล์บ้าง ถ่ายรูปบ้านเมืองที่ลดหลั่นเป็นเอกลักษณ์ หาคาเฟ่นั่งพักกินกาแฟแล้วเดินเล่นต่อ...

ไอเดียเที่ยวเกียวโต 2 วัน 1 คืน เดินทางชิลๆ เปลี่ยนฟีลจากโอซาก้า

เกียวโต เมืองหลวงเก่าแห่งวัฒนธรรมของภูมิภาคคันไซ ได้ลองไป เที่ยวเกียวโต อีกครั้งก็ยังชอบ เพราะเป็นเมืองที่มีเสน่ห์มากจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักท่องเที่ยวถึงแน่นมหาศาลตลอดกาล เพราะมีดีทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรมเลย เรามีโอกาสได้ลองไปเที่ยวเกียวโตมาสองฤดู คือ ช่วงซากุระ และใบไม้เปลี่ยนสี สวยได้ฟีลคนละแบบเลยค่ะ แต่อากาศใกล้เคียงกันอยู่นะ...

นั่งรถไฟเที่ยว Kamakura-Enoshima อีกหนึ่งที่เที่ยวใกล้โตเกียวที่มองเห็นฟูจิซัง!

ใครกำลังมองหาที่เที่ยวใกล้โตเกียว ลองจัดแพลนชิลๆ สักครึ่งวัน นั่งรถไฟไปเที่ยวจังหวัดคานางาวะ (Kanagawa) กันดีกว่า ฟังจากชื่ออาจจะไม่ค่อยคุ้นหูใช่ไหมคะ แต่อันที่จริง คานางาวะคือจังหวัดที่หลายคนคุ้นเคยมากเลยนะ เพราะคานางาวะเป็นจังหวัดที่ตั้งของเมืองฮาโกเน่ (Hakone) และโยโกฮามา (Yokohama) สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของญี่ปุ่นนั่นเอง...

Mojiko Retro เมืองท่าบรรยากาศยุโรป อีกหนึ่งเมืองถ่ายรูปสวยในคิวชู

ใครที่กำลังมองหาแพลนเที่ยว One Day Trip ชิลๆ จากฟุกุโอกะ แนะนำให้ปักหมุดที่เมืองนี้เลยค่ะ Mojiko Retro เมืองท่าที่บรรยากาศโรแมนติกแบบเกินเบอร์! ตั้งอยู่ในเมืองคิตะคิวชู (Kitakyushu) ซึ่งอยู่ห่างจากฟุกุโอกะเพียงนิดเดียวเท่านั้น สามารถนั่งรถไฟมาเที่ยวแบบเช้า...

รวม 9 มุมถ่ายรูปภูเขาไฟฟูจิ แบบสวย Unseen ไม่ซ้ำใคร

เคยมีคำถามกับตัวเองตอนไปญี่ปุ่นครั้งแรกว่า “ทำไมคนเขาถึงตื่นเต้นกับภูเขาไฟฟูจินักหนานะ” ถึงกับพูดกันปากต่อปากว่า ถ้าไปญี่ปุ่นครั้งแรกแล้วได้เห็นฟูจิซัง ก็จะได้ไปญี่ปุ่นซ้ำอีก ทำไมภูเขาไฟลูกนี้ถึงสำคัญกับคนญี่ปุ่นมากขนาดยกให้เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่เปรียบเสมือนศูนย์รวมพลังใจของประเทศญี่ปุ่น .. เราไม่เคยเข้าใจ จนกระทั่งได้ไปเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วยตาตัวเอง จากคนที่เคยมีคำถามมากมายในวันนั้น รู้สึกตัวอีกที เราก็กลายมาเป็นคนที่ตามล่าหามุมถ่ายรูปภูเขาไฟฟูจิแบบ Unseen เหมือนช่างภาพคนญี่ปุ่นบางคนที่ทุ่มเททั้งชีวิตถ่ายแต่รูปฟูจิซังแล้วล่ะโพสต์นี้ก็เลยอยากมาแชร์...

วิธีลงทะเบียน Visit Japan Web แบบละเอียด พร้อมอัพเดทขั้นตอนเข้าประเทศญี่ปุ่น

กลับมาทวงบัลลังก์ "ประเทศในฝันของคนไทย" หลังจากเริ่มกลับมาเปิดประเทศและเปิดฟรีวีซ่าให้คนไทยอีกครั้ง "ญี่ปุ่น" ก็กลายเป็นประเทศที่หลายคนปักหมุดไว้อย่างรวดเร็ว! แต่ถึงแม้ว่าจะกลับมาเปิดฟรีวีซ่าให้คนไทย 15 วัน เหมือนเดิม แต่ก็มีอะไรที่เพิ่มเติมมาจากเดิมเยอะเลยนะ โพสต์นี้เราก็เลยจะมาอัพเดทมาตรการการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นหลังกลับมาฟรีวีซ่าให้แบบละเอี๊ยดละเอียด ทุกขั้นตอนแบบ Step by...

Popular Categories

Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่