“เชียงราย” ครั้งที่สอง เป็นทริปที่ทำให้ใจฟูมาก ถึงแม้จะอยู่ที่นี่แค่ 2 วัน 1 คืน เชียงรายก็ยังคงต้อนรับเราด้วยความอบอุ่นน่ารักเสมอ โดยทริปนี้เราไม่ได้มาแบบเหงาๆ นาจา เพราะได้มาร่วมแก๊งกับ Thaication The Series Project 2020 ซึ่งเป็นการเดินทางแบบแรลลี่ที่ตอบโจทย์วิถีนักเดินทางในยุคนิวนอร์มอล

Thaication The Series Project 2020 จัดมา 5 ทริปแล้วค่ะ โดยมีเชียงรายเป็นทริปส่งท้าย ปิดซีรีย์ด้วยความอิ่มใจ เพราะเป็นทริปที่พาเราไป Retreat ความเหนื่อยล้าทุกสิ่งอย่างทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็น ..
🚩 ธรรมชาติบำบัดที่ไร่ชาฉุยฟง และพระตำหนักดอยตุง
🚩 พักโรงแรมวิวสวยริมแม่น้ำกก The Riverie by Katathani
🚩 ฟังเพลงแจ๊สให้รื่นรมย์สมใจ กับ Koh Mr.Saxman
🚩 ผ่อนคลายทั้งกายใจด้วยการโยคะกับ ครูเอก Yoga and Me
🚩 ฟื้นฟูจิตใจด้วยธรรมมะบำบัดที่ศูนย์วิปัสสนาไร่เชิญตะวัน

ปีนี้ทั้งปีเป็นปีที่เราต่างเหนื่อยล้า เราว่าทริปนี้เป็นทริปที่ทำให้เรารู้สึกได้ Retreat ตัวเองจริงๆ

“เมื่อเธอออกเดินทาง ..
มันไม่ได้หมายถึง การเดินออกจากบ้านเท่านั้น
หากแต่มันยังหมายถึง การเดินออกจาก
โลกทัศน์อันคับแคบของตัวเองด้วย”– ว. วชิรเมธ –

แรลลี่เชียงรายครั้งแรกในชีวิต
Thaication The Series Project 2020 คือการเดินทางในรูปแบบแรลลี่ที่ตอบโจทย์วิถีนิว นอร์มอลมาก เพราะสามารถใช้รถของตัวเองเข้าร่วมได้เลย อารมณ์เหมือนไปเที่ยวกับแก๊งเพื่อน แต่เป็นเพื่อนใหม่ที่จะได้รู้จักกันระหว่างทริป : )

ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นแรลลี่ แต่เขาก็ไม่ได้ฟิกซ์ว่าเราจะต้องขับรถตามๆ กันเป็นขบวนนะคะ จะเน้นให้ขับฟรีสไตล์ตามเวลาที่กำหนด เพราะระหว่างทริปจะมีการเล่นเกมเพื่อเก็บคะแนน ถ้ามาถึงจุดหมายช้าจะมีผลต่อคะแนนด้วย หลังจบทริป ใครได้คะแนนเยอะสุด ได้ถ้วยรางวัลกลับบ้านด้วยยย


Hacienda Coffee House & Restaurant
เริ่มต้นสถานที่แรกของวันที่หนึ่งกันแบบชิลๆ ด้วยการขับรถไปนั่งจิบกาแฟท่ามกลางวิวสวยๆ ที่ร้าน Hacienda Coffee House & Restaurant ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากเท่าไร แต่วิวงี้แจ่มว้าวไปเลย


ภายในร้านตกแต่งสไตล์วินเทจ มีที่นั่งทั้งอินดอร์ และเอาท์ดอร์ แนะนำให้ออกมานั่งเอาท์ดอร์รับลมเย็นๆ ดูวิวสวยๆ พลางจิบกาแฟสักแก้ว อื้อหือ รู้สึกว่าได้รีทรีตตัวเองตั้งแต่สถานที่แรกเลย





แผนที่ Hacienda Coffee House & Restaurant
พระตำหนักดอยตุง
จิบกาแฟให้ร่างกายตื่นตัวกระกระปรี้กระเปร่าแล้ว เราก็ขับรถขึ้นดอยแบบพอกรุบๆ เพื่อไปยัง “ดอยตุง” ซึ่งเป็นเส้นทางขึ้นดอยที่ไม่ยากเท่ากับดอยอื่นๆ แน่นอนว่าจุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่ “พระตำหนักดอยตุง” หนึ่งในแลนด์มาร์คของจังหวัดเชียงรายนั่นเอง

พระตำหนักดอยตุงเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญของโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ก่อตั้งโดยสมเด็จย่าที่มีพระราชกระแสรับสั่งว่า จะไปปลูกป่าบนดอยสูง รวมถึงยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวเขาบนดอยตุง จนกลายเป็นอาชีพติดตัวมาถึงปัจจุบัน แล้วพื้นที่บนดอยตุงก็ไม่เคยเงียบเหงาอีกเลย เพราะมีนักท่องเที่ยวไปเยือนอย่างไม่ขาดสายตลอดทั้งปี

สามารถเข้าไปเยี่ยมชมภายในอาคารพระตำหนักดอยตุงได้นะคะ แต่ด้านในห้ามถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอค่า

ขึ้นมาบนนี้มีทุกอย่างพร้อม ทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟดอยตุง รวมถึงมีวิวสวยๆ ให้ชมด้วย


มาแอ่วเจียงฮายก็ต้องกินน้ำพริกหนุ่มสิเนอะ


แผนที่ พระตำหนักดอยตุง
ไร่ชาฉุยฟง
ถึงแม้จะเคยมาไร่ชาฉุยฟงแล้วครั้งนึง แต่พอได้มาอีกครั้งก็ยังชอบอยู่เหมือนเดิม เพราะยังทึ่งเสมอว่าไร่ชาที่เมืองไทยนั้นใหญ่โตโอ่อ่าไม่แพ้ไร่ชาที่ญี่ปุ่นเลย อาจเพราะที่ตั้งซึ่งอยู่สูง 1,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ก็เลยทำให้อากาศในไร่ชาแห่งนี้เย็นสดชื่นตลอดทั้งปี เดินถ่ายรูปได้เพลินๆ จนลืมทุกสิ่ง เพราะมีมุมถ่ายรูปเยอะมาก



ใครอยากจะนั่งพาขา จิบชารสชาติดีที่คาเฟ่ของเขาก็ได้ ชาของที่นี่เขาเด็ดดวงสมเป็นไร่ชาชื่อดังของจังหวัดเชียงราย!

แผนที่ ไร่ชาฉุยฟง
The Riverie by Katathani
ดื่มด่ำกับธรรมชาติสวยๆ พร้อมจิบชารสชาติดีๆ ที่ไร่ชาฉุยฟงเสร็จ เราก็ขับรถไปยังที่พักในคืนนี้ “The Riverie by Katathani” โรงแรมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำกก ตอนเย็นมองเห็นวิวพระอาทิตย์ตก ฟ้าระเบิดสวยงาม ส่วนตอนเช้าตื่นมาพร้อมสายหมอกลอยละมุนอยู่เหนือลำน้ำ แค่บรรยากาศก็พรีเมียมเกินบรรยาย

ห้องพักมองเห็นวิวภูเขาด้วยค่ะ วิวดีมากกกก ห้องใหญ่โตกว้างขวาง เตียงนอนนุ่ม หลับสบายทั้งคืนเลย



ดินเนอร์ที่โรงแรมมื้อนี้พิเศษยิ่งกว่าพิเศษ เพราะเราได้กินข้าวเคล้าเสียงแซกโซโฟนจากวง The Jazz Brothers โดยคุณโก้ Mr.Saxman และคุณโซ ETC. มาเล่นดนตรีเพราะๆ ให้ฟังก่อนนอน หลับฝันหวานแน่นวล คืนนี้ : )





ไฮไลท์ของทริปนี้อยู่ที่อยู่ช่วงเย็นกับช่วงเช้าค่ะ เพราะเราจะได้เรียนโยคะกับครูเอก Yoga&Me โอ๊ย ดีมากกก ไม่เคยคิดว่าการโยคะแบบเอาท์ดอร์ริมแม่น้ำมันจะได้ฟีลขนาดนี้ ทริปนี้เขาจัดให้เราได้เล่นโยคกับครูเอกทั้งช่วงเย็นท่ามกลางแสงสุดท้าย แล้วก็ช่วงเช้าท่ามกลางสายหมอกเลย ฟินสุดอะไรสุดจริงๆ



บรรยากาศยามเช้า อากาศเย็นสบาย เหมาะกับการโยคะท่ามกลางสายหมอกค่า

เราเคยเล่นโยคะเมื่อนานมากแล้ว พอได้กลับมาเล่นอีกทีก็รู้สึกว่าเป็นกิจกรรมที่ได้รีทรีตทั้งร่างกายและจิตใจจริงๆ อาการปวดหลังที่พักหลังมานี้กำเริบหนักก็หายไปเป็นปลิดทิ้งเลย ใครไม่เคยเล่น ต้องลองเล่นดูสักครั้งนะคะ รับรองว่าได้ออกกำลังกายทั้งภายนอกและภายในเลย : )

แผนที่ The Riverie by Katathani
ศูนย์วิปัสสนาไร่เชิญตะวัน
โปรแกรมของวันที่สองเราจะไปอยู่ที่ศูนย์วิปัสสนาไร่เชิญตะวันกันเกือบทั้งวันเลยค่ะ แอบตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะจะได้ฟังเทศน์และร่วมพิธีบวชป่าพันปี และบายศรีสู่ขวัญผูกข้อมือเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยท่าน ว.วชิรเมธีด้วย



บรรยากาศของไร่เชิญตะวันนั้นให้ฟีลคล้ายๆ วัดที่ญี่ปุ่นเหมือนกันนะเนี่ย โดยเฉพาะอุโมงค์วิสทีเรียที่ท่าน ว.วชิรเมธี ตั้งใจทำขึ้นมาเพราะไปเห็นที่ญี่ปุ่นแล้วชอบมาก แต่ดอกวิสทีเรียที่นี่เป็นดอกไม้ปลอมนะคะ ท่าน ว. บอกว่า ที่ญี่ปุ่นต้องไปดูตามฤดูกาล มาที่นี่ดูได้ ถ่ายรูปได้ทั้งปี เริ่ดไปเลยยย



พิธีบวชป่าพันปี เป็นพิธีที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เรานึกถึง “ธรรมชาติ” เพราะต้นไม้นั้นมีบุญคุณกับเรามากกว่าการให้ร่มเงานะคะ เรามีออกซิเจนที่ใช้ในการหายใจ ดำรงชีวิตอยู่ก็เพราะมีต้นไม้ ฉะนั้น ท่าน ว. ก็เลยตั้งใจหาต้นไม้ที่มีอายุหลายร้อยปีมาปลูกไว้ที่นี่ พร้อมให้ญาติโยมได้มาร่วมพิธีบวชป่าพันปี เพื่อเรียนรู้ธรรมมะจากธรรมชาติค่ะ




ที่นี่มีหอศิลป์ด้วยนะคะ เราเองก็เพิ่งทราบว่า ท่าน ว. เป็นศิลปินโดยแท้เลย โดยหอศิลป์ที่นี่จะรวบรวมผลงานศิลปะไว้ให้ชมมากมาย บางภาพนี่หาดูยากมาก มีมูลค่ามากถึง 50 ล้านทีเดียวเชียว



สิ่งที่เราสัมผัสได้จากการอยู่ที่นี่ครึ่งวัน คือ “ธรรมมะนั้นอยู่รอบตัวเราจริงๆ” ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ไหนภายในไร่เชิญตะวัน ก็จะแฝงธรรมมะดีๆ ให้เราได้เรียนรู้อยู่ทุกแห่งหน เรียกว่าเป็นการปิดทริป Retreat-cation ที่ชาร์จพลังให้หัวใจกลับมาพองโตได้แบบเต็มเปี่ยมทั้งกายและใจจริงๆ ค่า : )

ถึงแม้โปรเจคการเดินทางแบบแรลลี่ของ Thaication ในซีรีย์นี้จะจบลงแล้ว แต่ถ้าใครอยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆ หรือเจอเพื่อนใหม่จากการออกเดินทาง กดติดตามเพจ Thaication : The Series Project 2020 ไว้นะคะ อีกไม่นานเกินรอ คงมีทริปดีๆ ออกมาชวนเราไปเที่ยวด้วยกันอีกแน่นอน