ใกล้จะครบปีที่เราไม่ได้ย่างกรายออกนอกประเทศเลย ทั้งที่ปกติช่วงนี้จะต้องเช็คอินอยู่ที่เมืองนอกแล้ว อาการคิดถึงการเดินทางมันก็เลยออกมากหน่อย เริ่มรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว! เราต้องพาตัวเองไปปลดปล่อยที่ไหนสักแห่งในประเทศไทย ยิ่งลมหนาวเริ่มพัดโชยมาแบบนี้ คงจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ นอกจากเชียงใหม่! จังหวัดในใจใครหลายคนที่ต้องกลับไปเที่ยวซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ก็อย่าเพิ่งเมินรีวิวนี้นะ เพราะเราจะพาไปปักหมุด 5 พิกัดสวยๆ ในเชียงใหม่ ที่ถ่ายรูปออกมาได้ชิคเวอร์ แถมได้ฟีลเหมือนอยู่เมืองนอกกัน!

การเดินทางไป “เชียงใหม่”
ถูกยกยอให้เป็น “ประเทศเชียงใหม่” ขนาดนี้ แน่นอนว่ามีเที่ยวบินมากมายที่พาเราบินลัดฟ้าถึงเชียงใหม่ได้ในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง ถึงแม้ช่วงไฮซีซั่นแบบนี้ ราคาตั๋วเครื่องบินอาจจะขยับขึ้นสูงหน่อย แต่ไม่ใช่ปัญหาเลย เพราะเราจะเสิร์ชหาตั๋วราคาถูกจากเว็บ Traveloka ก่อน ซึ่งในเว็บก็จะขึ้นตั๋วเครื่องบินมาให้จิ้มเลือกตามงบประมาณ เราก็แค่เล็งเอาไฟลท์ที่ถูกใจ พร้อมคลิกจองผ่านทราเวลโลก้าได้โดยง่าย!
จองตั๋วเครื่องบินไปเชียงใหม่กับ Traveloka

ทริปนี้เราบินกับสายการบิน Thai Smile เพราะราคาถูกที่สุดแล้วในช่วงที่เราเดินทาง ไป – กลับ ราคาแค่ 4,700 บาท / 2 คนเท่านั้นเอง นี่คือหนึ่งข้อดีในการจองตั๋วเครื่องบินผ่านเว็บทราเวลโลก้า เพราะระบบจะลิสต์สายการบินที่ราคาถูกสุดในช่วงที่เราเดินทาง ซึ่งไม่ได้โชว์แค่เพียงสายการบินโลว์คอสเท่านั้น เพราะบินโลว์คอสก็ไม่ได้ถูกเสมอไปน้า ฉะนั้นถ้าอยากได้ตั๋วราคาดีที่สุด อย่าลืมจองผ่านทราเวลโลก้านะ : )
ดอยแม่โถ
จะบอกว่าเป็นที่เที่ยวที่กำลังมาแรงของเชียงใหม่ก็คงไม่เกินไปนัก เพราะตอนนี้ใครๆ ก็อยากปักหมุด “ดอยแม่โถ” เพื่อไปถ่ายรูปวิวทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ได้ฟีลเหมือนยืนสวยๆ อยู่ท่ามกลางธรรมชาติของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยดอยแม่โถนั้นอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 164 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถแบบแวะเข้าห้องน้ำประมาณ 3 ชั่วโมงค่ะ


ทริปนี้เราเช่ารถผ่านเว็บไซต์ Traveloka เช่นกัน เพราะเห็นในแอพมีระบบการจองเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแบบครอบคลุมทุกเรื่องเลย ไม่ว่าจะเป็น ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก รถรับ – ส่งสนามบิน รวมถึงรถเช่าด้วย ฉะนั้นเข้าแอพเดียวก็หมดกังวลทุกเรื่องเที่ยวไปเลยจ้า
จองรถเช่าเชียงใหม่กับ Traveloka
พอถึงแล้วก็ใช่ว่าจะถึงเลย เพราะต้องต่อรถกระบะ (4WD) ของชาวบ้านขึ้นไปยังจุดถ่ายรูปที่รู้จักกันในนาม “ทุ่งหญ้าสะวันนา” อีกประมาณ 20 – 30 นาที ฉะนั้นถ้าไม่ตั้งใจมา คงไม่มีวันได้มาสัมผัสความกว้างใหญ่ของดอยแม่โถแห่งนี้แน่นอน



ด้านบนมีอาหารง่ายๆ เช่น ลูกชิ้นทอด ข้าวไข่เจียว ขายนะคะ ใครหิ้วท้องมาจากเมืองเชียงใหม่ ก็มาหาอะไรกินแก้หิวด้านบนได้จ้า

ความคล้ายคลึงสวิตเซอร์แลนด์ของที่นี่คือทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ มองไกลๆ เห็นภูเขาที่สลับซับซ้อน มีชาวบ้านพาวัว พาควายออกมาเดินกินหญ้า เราว่าธรรมชาติบนดอยแม่โถยังค่อนข้างเฟรชมาก มีมุมให้ถ่ายรูปแบบแปลกตาได้ฟีลเมืองนอกเยอะ แถมขึ้นไม่ยาก ไม่ต้องออกแรงเดินมากมายก็ไปถึงจุดสวยๆ ที่สามารถถ่ายรูปได้เลย ฉะนั้นถ้าใครรักธรรมชาติ ชอบสูดอากาศบริสุทธิ์ ชอบถ่ายรูป ไปเถอะค่ะ ไม่ผิดหวังหรอก ทุกๆ การเดินทางมักมีเรื่องราวให้เราได้จดจำเสมอ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น เราว่าทุกคนมีนิยามในการออกเดินทางที่ต่างกัน แต่ไม่ว่ายังไง ทุกรอยเท้าที่ก้าวไป มันก็คือ “เส้นทางของเราเอง” : )



วิธีการเดินทางไปดอยแม่โถ : ห้ามปักหมุดใน Google Map ว่า “ดอยแม่โถ” เด็ดขาด! ให้พิมพ์ว่า “จุดบริการรถขนส่งนักท่องเที่ยวทุ่งหญ้าสะวันนาและดอย360°แม่โถ” แทน ถึงจะพาเราไปยังจุดขึ้นรถต่อไปยังทุ่งหญ้าสะวันนาดอยแม่โถที่ถูกต้อง เมื่อถึงแล้วต้องต่อรถกระบะของชาวบ้านขึ้นดอย ราคาไป – กลับ 500 บาท/คัน (ไม่ใช่ต่อคน ฉะนั้นยิ่งไปเยอะก็หารกันถูกค่ะ) รถยนต์ส่วนตัวไม่สามารถขับขึ้นดอยได้นะคะ แต่ถ้าขับได้ก็ไม่แนะนำ ทางมันโหดจริง ราคา 500 บาทนี่คือไม่แพงเลย แถมยังเป็นการช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในชุมชนด้วย เพราะถือเป็นรายได้เสริมให้ชาวบ้านนอกเหนือจากการปลูกผักส่งร้านซิสเลอร์ที่เป็นอาชีพหลักของชาวแม่โถเขาล่ะจ้า ~

สวนสนบ่อแก้ว
สัมผัสความงามปานประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่ดอยแม่โถแล้ว ระหว่างทางกลับตัวเมืองเชียงใหม่ ถ้าพอมีเวลา สามารถแวะถ่ายรูปสวยๆ ที่ “สวนสนบ่อแก้ว” ได้อีกนะคะ เพราะเป็นทางผ่าน สามารถจอดรถแล้วเดินเข้าไปถ่ายรูปสวนสนสูงใหญ่ ได้ฟีลเหมือนอยู่ในป่าสนที่ยุโรปหรือเกาะนามิของประเทศเกาหลีได้เลย ไม่ต้องเสียค่าเข้าใดๆ แนะนำว่าเตรียมผ้าปูปิกนิกไปสักผืน ใครมีเวลาก็เตรียมพร็อพอื่นๆ ไปเพิ่มเติมสักหน่อย จะถ่ายรูปออกมาได้ฟีลมากเลย เพราะเราเห็นส่วนมากคนจะถ่ายแต่ตรงทางเข้าที่เป็นเส้นทางรถผ่านกัน ลองเปลี่ยนมุมเข้าไปถ่ายรูปภายในดงต้นสนบ้าง รับรองรูปออกมาสวยชิคเหมือนเช็คอินอยู่เมืองนอกเลยทีเดียวเชียวล่ะค่า


สวนดอกไม้ป้านกเอี้ยง
ไปเชียงใหม่ช่วงปลายปี ถ้าไม่แวะไปถ่ายรูปกับทุ่งดอกไม้นี่คงโดนครหาว่ามาไม่ถึงเชียงใหม่แน่ๆ ที่สำคัญ สวนดอกไม้หลายแห่งในเชียงใหม่ก็เป็นหนึ่งในพิกัดที่ถ่ายรูปออกมาสวยได้ฟีลเหมือนนอกไม่แพ้ที่อื่นใด! และถึงแม้จะมีให้เราเลือกไปกันอยู่หลายสวน แต่ที่เราอยากแนะนำก็คือ “สวนดอกไม้ป้านกเอี้ยง” แห่งนี้นี่ล่ะค่ะ เพราะมีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก โดยเฉพาะพร็อพเปียโนกลางสวนมากาเร็ต โอ๊ย ถ่ายรูปออกมาสวยชิคอย่าบอกใคร




สวนที่นี่ค่อนข้างกว้างใหญ่เลยนะคะ แบ่งโซนดอกไม้หลายสายพันธุ์ แถมมีดนตรีสดให้ฟังระหว่างเดินชมดอกไม้สวยๆ อีกต่างหาก อ่อ ใกล้ๆ กับสวนป้านกเอี้ยงจะเป็น “สวนดอกไม้ลุงรน” สามารถเดินถึงกัน หรือนั่งรถสามล้อของชาวบ้าน (20 บาท) ไปมาระหว่างสองสวนนี้ก็ได้ จอดรถที่เดียวเที่ยวได้สองสวนเลยยย


Hillsborough The English Country House Hotel & Leisure
อีกหนึ่งสถานที่ที่เปิดวาร์ปบรรยากาศเมืองผู้ดีอังกฤษมาให้ถ่ายรูปกันถึงเชียงใหม่โดยไม่ต้องบินลัดฟ้าไปไกลถึงยุโรป โดย Hillsborough นั้นเป็นทั้งคาเฟ่ และที่พัก ถึงไม่ได้เข้าพักก็สามารถเข้าไปถ่ายรูปหรือนั่งจิบชาขิลๆ ได้ค่ะ เราแอบรู้สึกว่าเครื่องดื่มรสชาติธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาคือมุมถ่ายรูปในสวนยอดฮิตที่ไม่ว่าใครแวะเวียนมาก็ต้องมาถ่ายรูป เช็คอินตรงนี้ละ เพราะบรรยากาศและมุมมองช่างละม้ายคล้ายคลึงวิวยุโรป เรียกว่าเป็นอีกที่ที่ได้ฟีลเมืองนอกมาก อ่อ Hillsborough ตั้งอยู่ที่อำเภอหางดง ขับรถจากตัวเมืองเชียงใหม่ออกไปประมาณ 40 นาที ช่วงนี้อากาศกำลังดี ถ่ายรูปกันเพลินแน่นวลจ้า





Take a Walk (เตวแอ่ว) House & Coffee
เราก็เพิ่งรู้ว่า “เตวแอ่ว” ภาษาเหนือแปลว่า “เดินเล่น” ฉะนั้นชื่อ “Take a Walk (เตวแอ่ว)” ก็ช่างตั้งได้ตรงกับคอนเซปต์ของคาเฟ่ฟีลน่ารักอบอุ่นซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอดอยสะเก็ตแห่งนี้จริงๆ เพราะเมื่อเราจอดรถเสร็จ จะต้องเดินผ่านเส้นทางและลำธารเล็กๆ ก่อนจะถึงตัวคาเฟ่ เปรียบเสมือนการวอร์มอัพจิตนาการให้ตื่นขึ้น หลังจากเดินข้ามสะพานแขวนไปแล้ว เธอจะได้พบกับอีกหนึ่งบรรยากาศที่สวยแปลกตาราวกับหลุดเข้าไปในโลกเทพนิยายเลยทีเดียว



อันที่จริงที่นี่เขาเป็นทั้งที่พัก และคาเฟ่ ตอนเปิดใหม่ๆ ได้ข่าวว่าคนเยอะจนต้องจองคิวก่อนไปกันเลยทีเดียว แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องจองก่อนแล้วนะคะ สามารถ Walk-in เข้าไปได้เลย โดยไฮไลท์ของเตวแอ่วก็คือ “บ้านฮอบบิท” ที่ตั้งอยู่ภายในสวน ให้อารมณ์เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในภาพยนตร์เรื่อง Lord of the Ring โดยไม่ต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปตามรอยถึงประเทศนิวซีแลนด์เลย




ที่นี่ขายทั้งเครื่องดื่ม เบเกอรี่ และอาหาร เราไปถึงช่วงเย็น (ประมาณเกือบ 4 โมง) คนไม่ค่อยเยอะแล้วค่ะ นั่งกินข้าวกันคนละจาน แล้วก็เดินย่อย ถ่ายรูปภายในร้านสักพักเพราะมีมุมให้ถ่ายรูปเยอะเลย นอกจากบ้านฮอบบิทแล้วก็ยังมีบ้านต้นไม้สูงใหญ่ ชั้นบนสุดเป็นห้องอ่านหนังสือ น่ารักมากๆ บริเวณสวนตรงบ้านต้นไม้นี้ยังมีมุมผจญภัยเล็กๆ ให้เด็กๆ ได้ออกกำลังกาย เรียกว่าเป็นคาเฟ่ที่เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัยเลยล่ะค่า : )


เขื่อนแม่กวงอุดมธารา


ปิดท้ายด้วยวิวสวยๆ สบายตาซึ่งสามารถปักหมุดเป็นสถานที่สุดท้ายของวันได้ เพราะแสงสุดท้ายยามเย็นที่ “เขื่อนแม่กวงอุดมธารา” นั้นสวยงามตรึงตาตรึงใจจริงๆ โดยเขื่อนแม่กวงนั้นตั้งอยู่ที่อำเภอดอยสะเก็ต ฉะนั้นถ้าใครแวะไปคาเฟ่ Take a Walk (เตวแอ่ว) สามารถแวะดูพระอาทิตย์ตกที่นี่ก่อนกลับเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ได้นะคะ เขาว่ากันว่าที่นี่เป็นเขื่อนที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเชียงใหม่รองจากเขื่อนแม่งัดเลยทีเดียว


เขื่อนแม่กวงนั้นจะแบ่งเป็นสองฝั่งนะคะ จะไปนั่งดูวิวที่สันเขื่อนก็ได้ หรือถ้าขับรถมาอีกฝั่งก็จะเจอ “สะพานแขวนเชื่อมใจ” ที่สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมระหว่างบ้านป่าสักงามกับฝั่งดอยสะเก็ต เพื่อให้ชาวบ้านได้เดินทางไปมาได้สะดวกมากขึ้น แน่นอนว่าปัจจุบันได้กลายมาเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ถ่ายรูปได้สวยขึ้นกล้องไม่แพ้ที่อื่นใดเลยทีเดียวเชียวล่ะจ้า ~