ร้อนนี้ คงร้อนอีกนาน (แต่ยัง) อยากจะชวนเธอไปทะเลด้วยกันนนน
ให้ลมฤดูร้อนพัดคอยนำทาง พาเราไป ไปให้ถึง “เกาะกูด” ~♪

ฮาโหลฮา เพิ่งกลับมาจากเกาะที่เรารักมากที่สุดฮะ ไม่รักได้ไง นี่เป็นการมา “เกาะกูด” ครั้งที่ 3 ในชีวิตของเราแล้ว! ทั้งที่ปกติ เราจะเป็นคนที่ไม่ชอบทำอะไรเดิมๆ นะ เพราะอยากให้ความรู้สึกครั้งเดียวนั้นมีค่ามากที่สุด แต่ไม่ใช่กับเกาะกูด เพราะการกลับไปเกาะกูดแต่ละครั้งมันเกิดความรู้สึกไม่ซ้ำกันเลย สิ่งที่เราชอบมากที่สุดคือที่นี่ยังคงมีความเงียบสงบให้เสมอ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม แถมน้ำทะเลก็ใสแจ๋ว ระดับน้องๆ มัลดีฟส์ กิจกรรมก็มีให้ทำเยอะ จะดำน้ำ ว่ายน้ำเล่นหน้ารีสอร์ต หรือจะพายคายัค แพดเดิ้ลบอร์ด นั่งเล่นอูคูเลเล่ ถ่ายรูปชิคๆ ริมหาดทราย ก็ชิลเวอร์

แน้ะ! อย่าเพิ่งร้อง เออเห้อออ ร้อนขนาดนี้ยังจะให้ตูออกไปล่าท้าแดดกลางทะเลอีกเหร๊อ .. เราอยากจะบอกว่าบนเกาะนี่อากาศดีกว่ากรุงเทพฯ อีกนาจา อุณหภูมิแต่ละวันแค่ 29-31 องศาเท่านั้น ในขณะที่กรุงเทพฯ บางวันนี่แทบจะเฉียด 40 องศา! ฉะนั้นเลิกกลัวแดด กลัวร้อน แล้วเก็บกระเป๋าพร้อมชุดว่ายน้ำตัวเก่งออกไปติดเกาะเติมความชิคให้ฤดูร้อนนี้มีแต่สีสันกันดีกว่า ไม่มีเวลาไหนจะเหมาะกับการเที่ยวทะเลไปมากกว่าเวลานี้อีกแล้ว อย่าปล่อยให้ซัมเมอร์ลอยนวลเด้อออ!

Cham’s House Koh Kood


ทริปนี้เราพักที่ Cham’s House Koh Kood เป็นรีสอร์ตที่มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมากกกก ตั้งอยู่ที่หาดคลองหิน ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะกูด เกือบๆ จะใต้สุดของเกาะแล้ว น้ำทะเลแถวนี้นี่ใสแจ๋วไม่แพ้มัลดีฟส์เลยทีเดียว โดยบริเวณหาดคลองหินนั้นรีสอร์ตจะค่อนข้างน้อย ฉะนั้นจึงค่อนข้างเป็นส่วนตัว ชายหาดด้านหน้าเป็นเวิ้งยาวโค้งประมาณ 300 เมตร ทรายค่อนข้างขาว ละเอียด นุ่มทรีนมากค่ะ 5555 เราออกมาเล่นน้ำช่วงบ่ายๆ ไม่มีใครเลย แทบจะกลายเป็นเกาะส่วนตัว ส่วนน้ำใสไม่ใสนั้น ขอให้รูปภาพเป็นคำตอบแทนแล้วกัน : )

สำหรับการเดินทางไปเกาะกูด เราเคยเขียนรายละเอียดเอาไว้ในรีวิวครั้งที่แล้ว > Koh Kood i Feel Good! เทชีวิต Bad Bad แล้วไปนอนอาบแดด โดดน้ำทะเลใสๆ กัน! < ลองคลิกไปอ่านดูได้น้า มีรายละเอียดตั้งแต่เดินทางจากกรุงเทพฯ ถึงท่าเรือแหลมศอก แล้วก็เรือแต่ละบริษัทที่ให้บริการพานักท่องเที่ยวข้ามไปยังเกาะกูด พร้อมราคาด้วยจ้า

แต่ทริปนี้เราพักที่ Cham’s House ซึ่งรีสอร์ตมีบริการ Speed Boat ไปส่งที่ด้านหน้ารีสอร์ตเลย ราคา 850 บาท/เที่ยว โดยออกจากท่าเรือแหลมศอกตอน 12.00 น. รอบนี้เราก็เลยเลือกใช้บริการ Speed Boat ของรีสอร์ต เพราะจากท่าเรืออ่าวสลัดไปถึงหาดคลองหินค่อนข้างไกล นั่งรถต่อไปประมาณ 30-40 นาทีได้ อารมณ์ว่าอยากไปถึงรีสอร์ตเร็วๆ จะได้มีเวลาอยู่บนเกาะนานๆ ถ้าใครสนใจจอง Speed Boat ของรีสอร์ตก็สามารถติดต่อไปจองผ่าน Facebook Cham’s House ได้เลย หรือจะโทรไปก็ได้ที่เบอร์ 0816514744, 0948291965 ค่ะ

จากท่าเรือแหลมศอก จังหวัดตราด จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยเรือจะไปจอดส่งที่ชายหาดด้านหน้ารีสอร์ตเลย ในกรณีที่น้ำนิ่งพอ แต่ถ้าคลื่นแรง เขาจะพาไปส่งที่ท่าเทียบเรือของ Koh Kood Resort ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกันเท่าไร แล้วนั่งรถสองแถวต่อไปรีสอร์ตอีกประมาณ 10 นาที ซึ่งวันที่เราไปอากาศดี น้ำนิ่ง เรือก็เลยไปจอดส่งด้านหน้าเลย แต่ขากลับต้องเดินไปขึ้นเรือที่ท่าเรือด้านหน้าเกาะกูดรีสอร์ต เพราะคลื่นค่อนข้างแรง ส่วนอากาศทั้ง 3 วัน 2 คืนที่เราไปนั้น ถือว่าดีมากๆ สำหรับการมาเที่ยวทะเล จะมีฝนตกนิดๆ ก็แค่ช่วงเช้าของวันกลับเท่านั้น อ้อ Speed Boat ขากลับของรีสอร์ตคือรอบ 10.00 น. ฉะนั้นต้องเช็คเอาท์ออกแต่เช้าจ้า

สำหรับห้องพักของ Cham’s House จะมีอยู่ทั้งหมด 6 ไทป์ค่ะ แบ่งออกเป็นห้องพักที่อยู่บนอาคาร แล้วก็บ้านพักแบบ Tropical Villa ซึ่งก็จะแยกย่อยออกเป็น Pool Villa ที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัวแล้วก็ไม่มี ส่วนห้องพักไทป์ใหญ่สุดของรีสอร์ทคือ Presidential Pool Villa 2 Bedroom ราคาแพงสุด เหมาะสำหรับเข้าพักหลายคนค่ะ ส่วนตัวทริปนี้เราเลือกพัก 2 แบบเลย เพราะอยากสัมผัสทั้งสองบรรยากาศ โดยเลือกพักแบบ Tropical Pool Villa ในคืนแรก และย้ายไปพักห้อง Grand Deluxe Jacuzzi Ocean View ในคืนที่สอง ม้ะ เดี๋ยวจะรีวิวความแตกต่างของห้องพักทั้งสองแบบนี้ให้ไว้เป็นข้อมูลเผื่อตัดสินใจนะ
Tropical Pool Villa




บ้านพักสีขาวสไตล์โมเดิร์นทรอปิคัล มีสระว่ายน้ำส่วนตัวทรงครึ่งวงกลมตั้งอยู่ด้านหน้า ซึ่งดูในรูปเหมือนจะไม่ใหญ่โตอะไรใช่ไหมคะ แต่เอาเข้าจริงค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว สามารถว่ายน้ำเล่นได้ ไม่ได้มีไว้แช่ตัวอย่างเดียว แถมยังสามารถสั่งอาหารใส่ถาดลอยน้ำ (Floating Brunch) มากินในสระ แล้วก็ถ่ายรูปชิคๆ อวดเพื่อนๆ ในโซเชียลได้โดยที่ไม่ต้องบินไปไกลถึงบาหลีอีกด้วย 555


อาหารมีหลายเซ็ตให้เลือกค่ะ ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 1,250 บาท แล้วแต่เมนู ส่วนตัวเราเลือกเซ็ตราคา 1,950 บาท ในเซ็ตจะมี Spaghetti Penne, Calamari, Smoke salmon, Fruit platter พร้อมด้วยไวน์ขาวหรือไวน์แดงอีก 1 ขวด โอ๊ย คุ้มมาก โดยเขาจะยกมาเสิร์ฟให้ถึงหน้าห้องเลย เราเพียงโทรสั่ง Room Service แล้วเปลี่ยนชุดว่ายน้ำรอประมาณ 30 นาที เตรียมกล้อง เตรียมหน้าให้ดีๆ งานนี้มีกดแชะรัวๆ แน่นวล!


อีกมุมนึงของบ้านพักแบบ Tropical Pool Villa ที่สาวๆ จะต้องหลงรักก็คือ อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่มากกก เปิดน้ำเตรียมแช่แต่ละทีนี่ใช้เวลาเฉียดชั่วโมงกว่าจะเต็ม 5555 แต่มันชิคเวอร์ เพราะอ่างอาบน้ำจะตั้งอยู่แยกออกมาจากห้องน้ำอีกที เป็นเอาท์ดอร์ มองขึ้นไปจะเห็นต้นมะพร้าว ได้ฟีลใกล้ชิดธรรมชาติมาก ถ่ายรูปก็สวย สาวไหนชอบถ่ายรูปหรือมีแฟนเป็นช่างภาพ เตรียมชุด เตรียมพร็อพไปเยอะๆ นะ เพราะแค่อยู่ในบ้านพักนี่ก็ได้มุมถ่ายรูปไปเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ได้เป็นเดือนแล้ววววว


ห้องน้ำแบ่งเป็นสัดเป็นส่วน แยกโซนแห้ง โซนเปียกชัดเจน ห้องใหญ่และกว้างขวาง เรียกว่าสามารถจัดสรรเนื้อที่ของบ้านทรงกลมนี้ได้อย่างลงตัวมากๆ เลย

มินิบาร์ฟรีทุกอย่าง! เติมใหม่ทุกวัน แถมมีเครื่องชงกาแฟตั้งไว้ให้ในห้องเลยอีกด้วย คอกาแฟอย่างข้าก็เปรมเลยจ้าา

Grand Deluxe Jacuzzi Ocean View

ห้องพักแบบแกรนด์ดีลักซ์ มีอ่างจากุซซี่ตั้งอยู่ตรงระเบียง สามารถแช่จากุซซี่แล้วนั่งดูวิวทะเลชิลๆ ได้ตลอดทั้งวัน ซึ่งห้องพักแบบนี้จะตั้งอยู่บนอาคารใกล้ๆ Reception ค่ะ แต่จะค่อนข้างไกลจากชายหาด ต้องออกแรงเดินกันเหนื่อยหน่อย ผ่านโซน Tropical Villa ไป แต่ข้อดีคืออยู่ใกล้ห้องอาหารเช้า แล้วห้องก็ค่อนข้างโปร่ง และกว้างขวาง เราพักชั้นบนสุดก็เลยเห็นวิวได้โดยรอบเลย อารมณ์จะแตกต่างจาก Tropical Pool Villa แต่คอนเฟิร์มว่าเริ่ดทั้งสองแบบจ้า!


วิวที่มองเห็นจากห้องพักบนอาคาร จะเห็นว่าโซน Tropical Villa ค่อนข้าง privacy พอสมควรเลย แถมยังรู้สึกผ่อนคลายสายตาด้วยวิวต้นมะพร้าวสีเขียวตัดกับท้องฟ้าและน้ำทะเลสีคราม นี่ละ ข้อดีของการพักอยู่บนอาคาร ถ้าใครชอบมองวิวกว้างๆ แนะนำเลือกห้องพักแบบนี้เลย : )

ถ้าอากาศข้างนอกยังร้อนก็นอนแช่จากุซซี่อยู่ในห้องก่อน แล้วค่อยออกไปเล่นน้ำทะเลตอนเย็นๆ ก็ได้ ชิลเวอร์


ใครพักห้องที่ไม่ใช่ Pool Villa ไม่มีสระว่ายน้ำส่วนตัวอยู่หน้าห้อง ก็แว่บไปเล่นสระว่ายน้ำส่วนกลางของรีสอร์ตแทนได้นะ สระว่ายน้ำจะตั้งอยู่ด้านหน้าของ Reception อยู่ข้างๆ โซนห้องพักแบบอาคาร สระว่ายน้ำกว้างและวิวดีมากๆ


กิจกรรมภายในรีสอร์ต
เราเป็นคนที่ไปทะเลทีไรจะรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมากกกก โดยเฉพาะเวลาไปติดเกาะแบบนี้ บางคนอาจจะบอกว่า โอ๊ย อยู่แต่บนเกาะ ไม่มีอะไรให้ทำ น่าเบื่อจะตาย 3 วัน 2 คืน ก็อืดจะแย่แล้ว แต่สำหรับคนรักทะเลแบบเรากลับไม่รู้สึกอย่างนั้นเลย เรารู้สึกว่าเวลา 3 วัน 2 คืน มันผ่านไปเร็วมาก ให้อยู่ต่ออีกสักอาทิตย์หรือสักเดือนก็ยังได้ โดยเฉพาะ Cham’s House ที่มีกิจกรรม และมุมถ่ายรูปเยอะมากๆ แบบนี้




นอกจากการดำน้ำเล่น และพายคายัคใสซึ่งทางรีสอร์ทมีให้บริการฟรีแล้ว ที่นี่เขายังมี Romantic Beach Picnic ไว้สำหรับนั่งชิลๆ ถ่ายรูปสวยๆ ด้วย ซึ่ง Beach Picnic นี้ ได้รับความนิยมจากสาวๆ มากนาจา เราเห็นมีคนจองเต็มทุกเย็นเลย


โดยอาหารก็มีให้เลือกเป็นเซ็ตเหมือน Floating Brunch ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 1,800 บาท/2 คน สามารถใช้เวลาถ่ายรูป กินอาหารในกระโจมชิคๆ ได้นาน 3 ชั่วโมง อ้ะ ถ่ายรูปกันให้ฉ่ำปอดไปเลย! ส่วนตัวเราสั่งเซ็ตราคา 1,800 บาท ในเซ็ตมี Pizza Salmon, Fresh Fruit Platter, Fresh Coconut และน้ำเปล่าให้อีกหนึ่งขวด สามารถโทรไปจองเวลาไว้ก่อนได้ ถึงเวลาเขาจะมาตั้งกระโจมพร้อมเซ็ตพร็อพไว้สำหรับถ่ายรูปให้เสร็จสรรพ นี่ก็เตรียมแค่ชุดสวยๆ หรือพร็อพเพิ่มเติมไปเอง แนะนำว่าให้นั่งช่วงเย็นๆ จะชิลกว่าช่วงบ่ายจ้า


ตกเย็นออกมานั่งโง่ๆ ดูพระอาทิตย์ตกริมชายหาดหน้ารีสอร์ต แล้วต่อด้วยดินเนอร์สุดโรแมนติกที่ห้องอาหารริมชายหาด อยากจะบอกว่าอาหารที่นี่อร่อยมากๆ ทุกเมนูเลย อาหารทะเลก็สดมาก กุ้ง หอย ปู ปลา ตัวโตๆ ชิ้นใหญ่ๆ ทั้งนั้น ดูดู๊ ได้ไปถ่ายรูปสวยๆ กินอาหารอร่อย เล่นน้ำทะเลใสๆ ใครมันจะกล้าปล่อยให้ซัมเมอร์นี้ลอยนวล!





สนใจจองห้องพักที่ Cham’s House Koh Kood คลิกไปจองผ่านเว็บไซต์โดยตรงได้เลย > Click < ราคาเริ่มต้นคืนละ 3,xxx บาทเท่านั้นเองค่ะ ถ้าเทียบกับบรรยากาศและความทรงจำที่จะได้รับนั้นถือว่าคุ้มค่ามาก ระวังไว้แค่อย่างเดียวเท่านั้น คือถ้าเผลอตกหลุมรักเกาะกูดขึ้นมาแบบเรา เตรียมตัวไว้เลยว่าอาจจะต้องกลับไปซ้ำอีกหลายๆ ที เกาะที่มีทะเลสวย น้ำใส และความเงียบสงบให้แบบนี้ ครั้งเดียวไม่พอหรอก เชื่อเรา : )