แผนเที่ยว “หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอก” แบบ One Day Trip จากโตเกียว

แผนเที่ยว "หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอก" แบบ One Day Trip จากโตเกียว

One Day Trip in Zao Fox Village

- September, 2017 -

เชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นภาพความน่ารักมุ้งมิ้งของเหล่าสุนัขจิ้งจอกที่นั่งยิ้มนอนยิ้มอยู่ท่ามกลางหิมะ แล้วอาจจะนึกสงสัยไปว่าถ้าอยากถ่ายรูปกับสุนัขจิ้งจอกแบบนั้นบ้าง เราต้องบุกป่าฝ่าดงกันเลยหรือเปล่า ขอตอบแบบสั้นๆ ง่ายๆ แล้วกันว่า “ไม่!” เราไม่จำเป็นต้องบุกป่าฝ่าดงเข้าไปในป่าลึกก็มีโอกาสได้สัมผัสความน่ารักของสุนัขจิ้งจอกนับร้อยที่อาศัยอยู่ใน “Zao Fox Village” หรือหมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเซ็นได จังหวัดมิยะงิ อีกทั้งยังสามารถทำแผนเป็น One Day Trip จากโตเกียวไปเที่ยวได้แบบชิลๆ แถมมีเวลาเหลือกลับมาเดินเที่ยวที่โตเกียวต่ออีกด้วยอ่ะ! รู้แบบนี้แล้วจะรออะไร สะพายเป้ แบกกล้องไปผูกมิตรกับสุนัขจิ้งจอกกันเลย!!

Plan-fox-village-resize2
Plan-fox-village-resize

มาทำความรู้จัก “Zao Fox Village” กันสักเล็กน้อยก่อนนะ : )

❤️  Zao Fox Village หรือหมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะ ตั้งอยู่ที่เมืองเซ็นได (Sendai) จังหวัดมิยะงิ (Miyagi) ซึ่งสามารถจัดทริป One Day Trip จากโตเกียวไปได้ แต่อาจต้องยอมกัดฟันจ่ายค่าเดินทางในราคาที่สูงสักหน่อยนะ
❤️  ใครอยากเที่ยวแบบสบายๆ ไม่ต้องเร่งรีบ แนะนำว่านอนเซ็นไดสักคืนสองคืนก็ได้ เพราะเมืองเซ็นไดเนี่ยมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจเยอะแยะมากมายเลย
❤️  หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะ เป็นสวนสัตว์เปิดที่เลี้ยงสุนัขจิ้งจอกไว้นับร้อยตัวแบบปล่อยตามธรรมชาติ ที่นี่จึงถูกเรียกว่าหมู่บ้านสุนัขจิ้งจอก โดยวิธีการเข้าชมนั้น เราสามารถเดินเล่นและดูวิถีชีวิตของเจ้าสุนัขจิ้งจอกได้ในพื้นที่ที่เขาอาศัยอยู่ได้เลยโดยไม่ต้องผ่านซี่กรงเหมือนสวนสัตว์อื่นๆ แต่ก่อนเข้าต้องมีการอ่านกฎระเบียบของเขา และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยด้วยนะ
❤️  สุนัขจิ้งจอกที่นี่ได้รับการตรวจโรคและป้องกันเอคิโนะคอกซ์ หรือเห็บหมัดที่อยู่ในตัวของสุนัขจิ้งจอกแล้วทุกตัว แต่ก็ไม่ควรจับหรือเอามือไปแหย่เล่นกับสุนัขจิ้งจอกตามใจ ถ้าอยากแตะตัวหรืออุ้มควรติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อน เพราะสัตว์ป่ายังไงเสียก็เป็นสัตว์ป่า มีสัญชาตญาณแตกต่างจากสุนัขเลี้ยงนะจ้ะ
❤️  เจ้าหน้าที่จะแจกรายละเอียดเรื่องกฎระเบียบเบื้องต้นของการเข้าชมสุนัขจิ้งจอกให้เป็นภาษาอังกฤษตอนจ่ายตังค์ โดยข้อควรระวังหลักๆ ก็คือ ต้องเก็บของใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย ไม่ควรมีเครื่องประดับ หรือผ้าพันคอที่ห้อยลงมาล่อตาล่อใจให้สุนัขจิ้งจอกวิ่งเข้ามากระชากหรือรุมแย่ง แต่ปกติน้องๆ เขาจะใช้ชีวิตของเขาโดยไม่มาสนใจอะไรเราอยู่แล้วนะ ไม่ต้องกังวลไป แค่เราไม่ไปทำอะไรที่ผิดจากสิ่งที่เขาห้ามก็พอ
❤️  มีอาหารสำหรับสุนัขจิ้งจอกและกระต่ายขายตรงทางเข้า ถ้าจะซื้ออาหารให้สุนัขจิ้งจอก (เดาว่าน่าจะเป็นไส้กรอก) ต้องเก็บใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย อย่าเดินถือเข้าไปเพราะน้องจะกรูกันเข้ามาตามกลิ่น สามารถให้อาหารสุนัขจิ้งจอกได้ตรงที่ที่เขากำหนดไว้เท่านั้น
❤️  ราคาค่าเข้าชม คนละ 1,000 เยน เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี เข้าฟรี ส่วนค่าอาหารสำหรับสุนัขจิ้งจอกหรือกระต่าย ถุงละ 100 เยน



เริ่มต้นวางแผนเที่ยว!

ขอเกริ่นเล็กน้อยเพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นให้กับคนที่กำลังสนใจวางแผนของทริปนี้ ก่อนอื่นเราอยากบอกให้ทำใจเรื่องค่าเดินทางสักหน่อยนะ เพราะถ้าจะเอาสะดวกและง่ายต่อชีวิตจริงๆ วิธีการเดินทางก็คือนั่งชินคันเซ็นจากโตเกียวไปถึงเซ็นไดแล้วต่อแท็กซี่ขึ้นไปยังหมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขา อันที่จริงมีรถบัสให้บริการแต่มีรอบวิ่งน้อยมาก แถมไม่ได้วิ่งทุกวันอีกต่างหาก ฉะนั้นยังไง๊ยังไงก็ต้องขึ้นแท็กซี่อยู่ดี แต่มันก็พอมีวิธีประหยัดอยู่ ตามไปดูได้ในแผนเที่ยวจากประสบการณ์ของเราได้เลย!

Plan-fox-village-resize4
Step 1

เดินทางจากโตเกียวสู่เมืองเซ็นได

07.00 – 08.00 น.

(แนะนำให้ออกเดินทางแต่เช้า)

Plan-fox-village-resize9
Plan-fox-village-resize8
✍️ วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟชินคันเซ็น Yamabiko จากสถานี Tokyo หรือ Ueno (แล้วแต่สะดวก รถไฟจะเริ่มตั้งแต่สถานี Tokyo ก่อนแล้วค่อยมาจอดที่ Ueno) ลงสถานี Shiroishizao
⌚ ใช้เวลา : 1.40 - 2 ชั่วโมง
⌨️ ค่าเดินทาง : ขึ้นจากสถานี Tokyo ไม่จองที่นั่ง 9,830 เยน จองที่นั่ง 10,150 เยน
ขึ้นจากสถานี Ueno ไม่จองที่นั่ง 9,620 เยน จองที่นั่ง 9,940 เยน

พอถึงสถานี Shiroishizao ซึ่งอยู่ในเขตเมืองเซ็นไดแล้วก็เดินออกมานอกสถานีได้เลย สถานีนี้จะค่อนข้างเงียบเหงาเพราะไม่ใช่สถานีหลักอะไร เดินออกมาอาจจะรู้สึกโหวงเหวงหน่อยๆ อย่าเป็นกังวล 555 เดินไปด้านหน้าสถานีจะมีรถแท็กซี่จอดรอรับผู้โดยสารอยู่ เดินเข้าไปบอกคนขับว่า “Zao Fox Village” หรือ “คิ-สึ-เนะ มู-ระ [Kitsune Mura]” Kitsune แปลว่า สุนัขจิ้งจอก ส่วนคำว่า Mura หมายถึงหมู่บ้าน ถ้ากังวลเรื่องการสื่อสาร แนะนำว่าพริ้นต์หรือ Copy ที่อยู่ตามนี้ใส่ไว้ในสมาร์ทโฟน ⇨ “Zao Fox Village (Miyagi Zao Kitsune Mura) Address: 11-3 Kawarago, Fukuokayatsumiya Shiroishi-shi, Miyagi-ken” ยื่นให้คนขับดูก็ได้ แต่ส่วนใหญ่แค่พูดว่า “Kitsune Mura” คนขับแท็กซี่ก็ร้อง อ๋อ! แล้ว เพราะมีนักท่องเที่ยวเรียกแท็กซี่จากที่นี่ไปที่หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกบ่อย




Step 2

เดินทางสู่หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอก

Plan-fox-village-resize5
Plan-fox-village-resize6
Plan-fox-village-resize7
Plan-fox-village-resize3
Plan-fox-village-resize11
Plan-fox-village-resize13
✍️ วิธีการเดินทาง : นั่งแท็กซี่จากหน้าสถานีรถไฟ Shiroishizao
⌚ ใช้เวลา : ประมาณ 15 – 20 นาที
⌨️ ค่าเดินทาง : ค่าแท็กซี่ประมาณ 3,300 - 3,800 เยน (เฉพาะขาไป)

ระหว่างทางขณะนั่งแท็กซี่ ส่วนใหญ่คนขับแท็กซี่จะถามเราว่าขากลับจะกลับยังไง ซึ่งแน่นอนว่าขาไปนั่งแท็กซี่ ขากลับก็ต้องกลับแท็กซี่อยู่แล้ว ไม่มีตัวเลือกอื่นสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเรา เว้นแต่จะเช่ารถขับขึ้นไปเอง เพราะหมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกตั้งอยู่บนยอดเขา อากาศข้างบนเย็นกว่าข้างล่างพอสมควรเลยนะ ยิ่งถ้าเป็นช่วงหน้าหนาวที่มีหิมะตก แนะนำว่าควรเตรียมอุปกรณ์กันหนาวไปแบบเต็มสตรีม ฉะนั้นก่อนจะลงจากรถ คนขับจะฝากนามบัตรเอาไว้ให้เราด้วยหนึ่งใบพร้อมบอกใบ้เป็นภาษาญี่ปุ่นปนอังกฤษนิดๆ ว่า ถ้าจะกลับก็ให้โทรเรียกที่เบอร์นี้นะ เพราะข้างบน รถแท็กซี่ไม่ขับผ่านเหมือนในเมือง ต้องโทรเรียกเท่านั้น ซึ่งสามารถยื่นนามบัตรให้เจ้าหน้าที่ที่หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกโทรเรียกแท็กซี่ให้ได้ แต่ตอนที่เราไป แอบมีความโชคดีนิดๆ คือ ตอนที่กำลังจะกลับเจ้าหน้าที่วิ่งมาหาแล้วถามว่า จะกลับไปที่สถานีรถไฟ Shiroishizao ใช่หรือเปล่า ตอนนี้มีฝรั่งอีกสองคนกำลังจะกลับเหมือนกัน จะหารค่าแท็กซี่ลงไปด้วยกันเลยไหม จะได้จ่ายราคาถูกลง ซึ่งเราต้อง Say Yes! แน่นอนอยู่แล้ว เพราะตอนขาไปเราหารค่าแท็กซี่กัน 2 คน แทบอ้วก คราวนี้ขากลับได้หารตั้ง 4 คน จ่ายถูกลงกว่าตั้งเยอะ ฉะนั้นแนะนำว่าใครที่ไปกันน้อยๆ เช่น 2 หรือ 3 คน ตอนกลับ ลองให้เจ้าหน้าที่ถามหาตัวหารเพิ่มดู หลังจากได้คนครบแล้วเขาก็จะโทรเรียกแท็กซี่ให้มารับเราถึงที่ แล้วก็ไปหารจ่ายกันที่สถานี Shiroishizao โดยราคาขากลับก็จะพอๆ กับตอนขามาเลย

ตรงนี้แหละ สถานที่สำหรับให้อาหารสุนัขจิ้งจอก
Plan-fox-village-resize14
Plan-fox-village-resize15
Plan-fox-village-resize12




Step 3

เดินทางกลับโตเกียวไปเที่ยวต่อ เย้!

13.00 - 14.00 น.

Tokyo-Station4
Tokyo-Station3
✍️ วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟชินคันเซ็น Yamabiko จากสถานี Shiroishizao ลงสถานี Tokyo
⌚ ใช้เวลา : 1 ชั่วโมง 50 นาที
⌨️ ค่าเดินทาง : ไม่จองที่นั่ง 9,830 เยน จองที่นั่ง 10,150 เยน

ถ้าออกเดินทางตั้งแต่เช้า ประมาณ 7 – 8 โมง เราจะไปถึงที่หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกประมาณ 10 โมง ซึ่งเอาจริงๆ พื้นที่ในหมู่บ้านนั้นไม่ได้ใหญ่โตมากมายจนต้องใช้เวลาเดินนานๆ และที่นั่นก็ไม่มีอะไรให้ทำนอกจากถ่ายรูปและดูความน่ารักของสุนัขจิ้งจอก ฉะนั้นใช้เวลาอยู่ที่นั่นแค่ประมาณ 2-3 ชั่วโมงก็เพียงพอค่ะ แผนนี้เราเลยขอแถมพาไปเที่ยวต่อในย่านมารุโนะอุชิ (Marunouchi) ซึ่งอยู่แถวๆ สถานี Tokyo ด้วย เพราะไหนๆ ก็ต้องนั่งชินคันเซ็นมาลงที่นี่อยู่แล้ว ไปดูกันดีกว่าว่าย่านนี้มีที่ไหนให้เที่ยวบ้าง ^^

Tokyo Station

Tokyo-Station1-2
Tokyo-Station2-2

อีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์กของโตเกียว เป็นจุดเช็คอินที่ใครต่อใครก็ต้องมาถ่ายรูปแล้วโพสลงโซเชียลเพื่อประกาศก้องอย่างเป็นทางการว่า “มาถึงโตเกียวแล้วนะ!” โดยสถานีรถไฟโตเกียวแห่งนี้เก่าแก่จนมีอายุผ่านหลัก 100 ปีไปเป็นที่เรียบร้อย ทั้งยังเป็นชุมทางที่มีรถไฟหลายสายวิ่งผ่านมากกว่า 3,000 เที่ยวต่อวัน จนทำให้มีจำนวนผู้โดยสารคับคั่งติดอันดับท็อปห้าของประเทศด้วย เสน่ห์ที่เด่นชัดคงจะเป็นการออกแบบสไตล์ยุโรปซึ่งสวยงามอลังการทั้งภายนอกและภายใน ไม่ว่าใครผ่านไปผ่านมาก็ต้องประทับใจในความคลาสสิกอย่างแน่นอน

✍️ วิธีการเดินทาง : สถานี Tokyo ทางออก Marunouchi North Exit



Marunouchi Brick Square

Marunouchi4
Marunouchi5

อยากสัมผัสบรรยากาศที่มีกลิ่นอายความเป็นยุโรป แนะนำว่าต้องไปเดินเล่นแถว “Marunouchi Brick Square” และ “Marunouchi Naka Dori” ซึ่งสองจุดนี้ตั้งอยู่ห่างจากกันนีสเดียว เอาเป็นว่าเดินเล่นเพลินๆ ในย่านนี้ ยังไง๊ยังไงจะต้องเจอทั้งสองจุดอย่างแน่นอน ช่วงฤดูหนาว บริเวณ Marunouchi Naka Dori จะมีการประดับประดาตกแต่งด้วยไฟหลากสีสันหรือที่คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า “Illumination” ด้วยนะ ใครไปช่วงใกล้วันคริสต์มาสหรือวันปีใหม่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะมันโรแมนติกมว๊าก!

✍️ วิธีการเดินทาง : เดินจาก สถานี Tokyo ทางออก Marunouchi South Exit ประมาณ 10 นาที
? พิกัด : Marunouchi Brick Square 35.679000, 139.763057 / Marunouchi Naka Dori 35.680149, 139.762551
Marunouchi1
Marunouchi Brick Square5
Marunouchi Brick Square4
Plan-fox-village-resize10
Marunouchi3
Marunouchi2
Marunouchi Brick Square

ทิ้งท้ายคำแนะนำ

อย่างที่เกริ่นไว้ตั้งแต่ต้นว่า ทริปนี้ต้องจ่ายค่าเดินทางสูงพอสมควร เพราะแค่ค่าชินคันเซ็นแบบไป – กลับ ก็ปาเข้าไป 19,660 เยน หรือประมาณเกือบ 6,000 บาท แล้ว ฉะนั้นเราอยากแนะนำว่า คนที่ตัดสินใจวางแผนไปตามทริปนี้ควรมี JR Pass เป็นอย่างยิ่ง โดยจะเป็น JR Rail Pass แบบครอบคลุมทั่วประเทศญี่ปุ่น 7 วัน ราคา 29,110 เยน หรือ JR East Pass (Tohoku Area) 5 วัน ราคา 19,000 เยน (ซื้อจากประเทศไทย) ก็ได้ ขึ้นอยู่กับแผนโดยรวมในวันอื่นๆ เพราะนอกจากใช้นั่งชินคันเซ็นได้แล้ว ยังสามารถใช้นั่งรถไฟ JR ในโตเกียวหรือวางแผนไปเมืองอื่นๆ ได้อีก คุ้มค่ากว่าจ่ายเป็นเที่ยวๆ แน่นวล! ดูรายละเอียดของ JR Pass เพิ่มเติมได้ที่นี่เลย Click




Niichiiz *
Niichiiz *https://movearound-journey.com
IG : https://www.instagram.com/niichiiz13

Related Stories

Discover

รวม 10 พิกัด ที่เที่ยวเซี่ยงไฮ้ ถ่ายรูปสวยชิค

หลังจากจีนฟรีวีซ่าก็ทำเอาเราหยุดเที่ยวจีนไม่ได้เลย หลงเสน่ห์ประเทศนี้เข้าเต็มเปา! ใครที่กำลังลังเลใจ กล้าๆ กลัวๆ ว่าจะไปเที่ยวจีนด้วยตัวเองครั้งแรกดีมั้ย? แนะนำลองจองตั๋วบินไปเที่ยว “เซี่ยงไฮ้” ก่อนเป็นที่แรกเลยค่ะ เพราะเที่ยวง่าย การเดินทางสะดวกสบาย มีรถไฟใต้ดินไปถึงทุกที่ บ้านเมืองสะอาดสะอ้าน ไฮเทค...

วิธีขึ้นรถไฟความเร็วสูงประเทศจีน สำหรับเดินทางข้ามเมือง

หลังจากจีนฟรีวีซ่าให้คนไทยได้เข้าไปเที่ยวประเทศจีนอย่างสะดวกโยธินมากยิ่งขึ้นแล้ว เชื่อว่ามีสายเที่ยวหลายคนที่กำลังเมียงมองประเทศจีนไว้เป็นหนึ่งใน Destination List อาจจะตั้งคำถามว่า เที่ยวจีนด้วยตัวเองยากมั้ย? เราอยากจะย้ำความมั่นใจให้ว่า "เที่ยวจีนด้วยตัวเองไม่ยากอย่างที่คิด" เลยค่ะ โพสนี้เราก็เลยอยากมาแชร์ วิธีขึ้นรถไฟความเร็วสูงประเทศจีน ไว้ให้เป็นข้อมูล สำหรับคนที่มีแพลนอยากไปเที่ยวจีนด้วยตัวเอง อยากจะบอกว่าการเดินทางไปเมืองใกล้เคียงด้วยรถไฟความเร็วสูงนั้นเป็นวิธีที่คนจีนใช้กันเป็นเรื่องปกติมากๆ...

รีวิว ซัวเถา (Shantou) กิน เที่ยว มู รับเฮงปีมังกร 3 วัน...

ยินดีกับนักท่องเที่ยวไทยทุกคนที่กำลังจะมีประเทศฟรีวีซ่าให้เที่ยวเพิ่มอีกหนึ่งประเทศแล้ววว นั่นก็คือ “ประเทศจีน” นั่นเอง โพสนี้ก็เลยจะขอพาไปเปิดม่านเมือง "ซัวเถา" บ้านเกิดของคนไทยเชื้อสายจีนในอดีตที่โล้สำเภาเดินทางแบบเสื่อผืนหมอนใบมาตั้งรกรากในประเทศไทย จะขอพาไป กิน เที่ยว มู ในเมืองซัวเถา และแต้จิ๋ว หนึ่งในที่เที่ยวเมืองจีนที่เหมาะสำหรับคนที่เริ่มต้นเที่ยวเมืองจีนด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกแบบเราที่สุด...

รีวิว Sea Season Pool Villas ที่พักสวยติดทะเลพัทยา

วันหยุดว่างๆ ทีไร เราล่ะชอบพาตัวเองไปพักผ่อนชิลๆ ที่พัทยามากจริงๆ อาจเพราะเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปไม่ไกล ก็ได้นั่งมองทะเลสวยๆ แล้ว โพสนี้ก็เลยอยากมารีวิวที่พักติดทะเลพัทยาที่เพิ่งไปมาแล้วชอบมากอย่าง Sea Season Pool Villas Pattaya...

รีวิว เซี่ยงไฮ้ (Shanghai) อัพเดทมุมถ่ายรูปชิค

นี่คือการมาเที่ยว “เซี่ยงไฮ้” ประเทศจีน เป็นครั้งแรกในชีวิตของเรา อยากจะบอกว่าเปิดมุมมองมากกก เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองไวบ์ดีกว่าที่คิด ไลฟ์สไตล์ของที่นี่ก็ชิลสุดอะไรสุด บ้านเมืองสะอาดสะอ้าน มีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะ ที่สำคัญคือเป็นประเทศจีนที่เที่ยวง่ายมากค่ะ มีรถไฟใต้ดินหลายสาย การเดินทางไม่ซับซ้อน คนจีนที่นี่ส่วนใหญ่สื่อสารภาษาอังกฤษง่ายๆ...

แผนเที่ยวฟุกุอิ (Fukui) ดื่มด่ำธรรมชาติ ย่ำรอยประวัติศาสตร์ ในเมืองสุดอันซีนของญี่ปุ่น

แผนเที่ยวฟุกุอิ เล่มนี้ จะพาคุณนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปสูดกลิ่นอายอดีต ย่ำรอยประวัติศาสตร์ที่น่าค้นหาของแดนปลาดิบ พร้อมดื่มด่ำกับธรรมชาติให้ฉ่ำปอด ในจังหวัดสุดอันซีนที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทรงเสน่ห์อย่าง ‘ฟุกุอิ’ ฟุกุอิ เป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์หลายหลากซุกซ่อนไว้อย่างคาดไม่ถึง ที่นี่เป็นที่ตั้งของศูนย์กลางการวิจัยฟอสซิลไดโนเสาร์ ซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง ‘Fukui Prefectural Dinosaur Museum’...

Popular Categories

Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่