หนาวนี้ที่ “เกาหลี” เช็คอินที่ไหนดีให้หายหนาว
Winter in Seoul
- November, 2017 -

ใกล้เข้าเดือนธันวาคมทีไร มันยากจะหักห้ามใจไม่ให้เดินไปทุบกระปุกหมูแล้วเอาตังค์ไปเที่ยวทู้กที บางครั้ง Passion ที่มากระตุกต่อมเดินทางก็ไม่ใช่อะไรซับซ้อน แต่เป็นเรื่องง่ายๆ อย่าง “ช่วงนี้อากาศดี น่าไปเที่ยวว่ะ” แค่เนี่ย! ยิ่งได้ข่าวแว่วเข้าหูว่าหิมะแรกเพิ่งตกที่ กรุงโซล เกาหลีใต้ ไปเมื่ออาทิตย์ก่อน ใจมันก็พลันคิดถึงเกาหลีขึ้นมาทันใด เออ .. หน้าหนาวเกาหลีนี่มันก็ได้ฟีลนะ โดยเฉพาะใครที่อยากอ้อนแฟนให้พาไปเดินจับมือ ซบไหล่ ให้หายหนาว เกาหลีใต้ ประเทศแห่ง Couple เนี่ยโคตรเหมาะ! หรือจะไปกลุ่ม ไปเดี่ยว ก็เที่ยวมันส์ เที่ยวง่าย เอาเป็นว่าธันวาคมนี้ใครยังไม่มีแพลน ลองเล็งเกาหลีเป็นตัวเลือกดูดีมั้ย เดี๋ยวเราจะมากระซิบบอกให้ว่า หนาวนี้ที่ “เกาหลี” ไปเช็คอินที่ไหนดีให้หายหนาว : )

ตะกายสวนสวรรค์ ชวนคนข้างๆ ไปเดินจับมือให้หายหนาวที่ “Haneul Park”


Haneul (하늘) แปลว่า ท้องฟ้า เติมเข้าไปหน้าคำว่า “Park” หรือ สวน ก็แปลได้ตรงตัวว่า “สวนท้องฟ้า” หรือถ้าจะแปลอ้อมๆ สักนิดให้ฟังดูสวยหรูหน่อยๆ จะเรียกว่า “สวนสวรรค์” ก็ได้นะ เราว่าบรรยากาศช่วงเย็นของฤดูหนาวที่สวนสาธารณะแห่งนี้คล้ายสวรรค์จริงๆ มีแสงทองจากพระอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับมาช่วยเติมกลิ่นอายความโรแมนติกให้เพิ่มขึ้นไปอี๊ก ถึงแม้จะต้องใช้ความพยายามเล็กๆ ในการตะกายขึ้นไปให้ถึง เพราะที่นี่ตั้งอยู่บนยอดเขาขนาดย่อมภายใน “World Cup Park” ต้องเดินขึ้นบันไดไปประมาณ 290 ขั้น แต่ก็เป็นการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายนะ ส่วนใครที่รู้สึกว่ามันไม่ไหว ไม่ได้จริงๆ หรืออายุอานามมากจนเริ่มมีปัญหาที่หัวเข่าแล้ว (แบบเรา ; p) เขาก็มีบริการรถรับ – ส่ง ขึ้นไปยังสวนฮานึลสำหรับคนขี้เกียจเดินด้วย แต่เสียค่าบริการประมาณ 3,000 วอน และถ้าไปช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ อาจต้องรอคิวนานหน่อย เพราะมีคนขี้เกียจเดินกันเยอะเหมือนกัน 555 เอาเป็นว่า .. ถ้าไปเกาหลีช่วงหน้าหนาว แล้วยิ่งเป็นทริปพรีฮันนีมูนที่ไปกับแฟนด้วยแล้ว “Haneul Park” เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ต้องตรงปรี่ไปเช็คอินนะ ^^
ปล่อยใจให้ล่องลอยไปในแสงสีทองยามอาทิตย์ลับลาจากขอบฟ้าของเมืองโซล


✍️ วิธีการเดินทาง : รถไฟใต้ดินสาย 6 (สีน้ำตาล) สถานี World Cup Stadium (619) ทางออก 1 ขึ้นมาจะเจอ World Cup Stadium เดินเลียบ Stadium ไปเรื่อยๆ จนเจอถนนใหญ่ เดินข้ามถนนและเดินต่อไปอีกประมาณ 5-10 นาที จะเจอขั้นบันไดสำหรับเดินขึ้นไปบนสวน ส่วนใครต้องการใช้บริการรถรับ – ส่ง จะมีซุ้มขายตั๋วอยู่ระหว่างทางเดินไปสวน ค่าบริการ 3,000 วอน
? พิกัด : 37.567455, 126.885455
แวะจิบโกโก้ร้อนให้อุ่นกายที่ร้าน “Mobssie”


ใครเป็น Chocolate Lover ห้ามพลาดร้านนี้! นอกจากจะมีช็อกโกแลตรสเข้มข้นให้เลือกหลายเมนูแล้ว ภายในร้านยังตกแต่งได้ฟีลยุโรปมากกก ที่สำคัญตั้งอยู่ในย่านฮงแด แดนสวรรค์ของวัยรุ่น ย่านที่คนไปเกาหลีทุกคนต้องแวะไปช็อป ไปแชะ กันแน่นอน เมนูเด็ดคือ “Molten Lava Chocolate Cake” หรือ “เค้กช็อกโกแลตลาวา” เสิร์ฟมาในถ้วยเล็กๆ ที่ดูผิวเผินเหมือนจะมินิ แต่ด้วยความที่ช็อกโกแลตเข้มข้นมากกก เราว่าถ้วยเดียวจบเอาอยู่เลย แต่ถ้ายังรู้สึกต้องการความอบอุ่นเพิ่ม สั่ง Hot Chocolate มาอีกแก้วก็ยังไหวนะ ทีเด็ดคือเขาเสิร์ฟมาพร้อมมาชเมลโล่ไว้ให้จุ่มกินเพิ่มความฟินด้วย เวลาอากาศหนาวๆ เนี่ย ได้โกโก้ร้อนมาจิบสักแก้ว มันฟินสุดๆ รู้สึกเหมือนกันมั้ย : )
“Molten Lava Chocolate Cake” เมนูเด็ดของร้าน




✍️ วิธีการเดินทาง : รถไฟใต้ดินสาย 2 (สีเขียว) สถานี Hongik University ทางออก 8 ออกมาปุ้บ จิ้มพิกัดใน Google Map แล้วเดินตามได้เลย
? พิกัด : 37.554526, 126.926660
เดินป่า ขึ้นเขา ชมวิวเมืองโซลจากมุมธรรมชาติที่ “อุทยานแห่งชาติพูกันซาน (Bukhansan)”



คนเกาหลีชอบเดินป่ามากกก เรียกว่าแทบจะเป็นกิจกรรมยอดฮิตช่วงวันหยุด ทั้งวัยหนุ่มสาว และเหล่าอาจุมม่า ฮาราบอจีกันเลย ถึงแม้จุดขายของเกาหลีอาจเทไปในทางตามรอยซีรีย์หรือเหล่าไอดอลซะมาก แต่ถ้าใครอยากสัมผัสเกาหลีในอีกหนึ่งมุมมอง ลองเข้าหาธรรมชาติที่นี่ดู จะพบว่าประเทศนี้ไม่ได้มีดีแค่ตามรอยซีรีย์นา ธรรมชาติเขาก็สวยงามไม่น้อย โดยเฉพาะภายในอุทยานแห่งชาติพูกันซาน หนึ่งในภูเขาที่เราสามารถไปพิชิตได้ด้วยการเดินทางจากโซลไปแบบโคตรง่าย เพราะแค่นั่งรถไฟก็ถึงแล้ว ไม่ต้องต่อบง ต่อบัส อะไรให้ยุ่งยาก ไฮไลท์คือวิวทิวทัศน์ที่จะได้เห็นไม่ใช่แค่ท้องฟ้าหรือผืนป่าแบบธรรมดาทั่วไป แต่สามารถมองเห็นกรุงโซลเกือบทั้งเมืองได้จากบนภูเขาท่ามกลางธรรมชาติกันเลยทีเดียว อ้อ ถ้าใครปักหมุดมาช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คนเกาหลีนิยมมาดูใบไม้เปลี่ยนสีกันนะ ระดับความยากของการพิชิตก็จัดอยู่ในขั้นปานกลาง เดินขึ้นไปจะพบเหล่าอาจุมม่า ฮาราบอจี ตะกายขึ้นมานั่งปิกนิคหรือนอนอาบแดดกัน ส่วนคนไทยชาวกรุงที่ไม่ค่อยมีป่าเขาให้เดินอย่างเรา แนะนำว่าควรฟิตร่างกายสักนิด แล้วก็เตรียมรองเท้าดีๆ หน่อย เพราะด้านบนเป็นเขาหินแกรนิต ค่อนข้างลื่นและปีนยากพอสมควร แต่ถ้าใครเป็นสายแอดแวนเจอร์แล้ว แนะนำว่าไปเช็คอินเถอะ มันโคตรดี!



ซื้อตอนก่อนขึ้นเป็นกาแฟร้อนแล้วลืมกิน ตอนลงมากลายเป็นกาแฟเย็นเฉ๊ย

✍️ วิธีการเดินทาง : รถไฟใต้ดินสาย 4 (สีฟ้า) ลงสถานี Chang-dong ต่อสาย 1 (สีน้ำเงิน) ลงสถานี Dobongsan ทางออก 1 แล้วเดินข้ามถนนไปจะถึงจุดสตาร์ท (อันที่จริงสามารถเริ่มได้จากหลายเส้นทางนะ แต่ถ้าไปเริ่มที่เส้นทางอื่นจะต้องต่อรถบัส เราเลยว่าวิธีนี้แหละง่ายที่สุดแล้ว ^^)
? พิกัด : 37.689209, 127.045514
เดินช็อปปิ้งให้เลือดลมสูบฉีดที่ "Common Ground"


เวลาไปเกาหลีทีไร กระเป๋าเดินทางขาไปจะโล่งงง หนักไม่ถึง 10 กิโล แต่ขากลับเนี่ยเกือบจะเต็มพิกัดทู๊กที เพราะเราจะเอาเสื้อผ้าไปแค่ประมาณ 2-3 ตัว นอกนั้นจะไปหาซื้อที่เกาหลีแล้วใส่เลย! (ใครเป็นเหมือนกัน ยกมือขึ้นน ; p) ฉะนั้นแล้ว กิจกรรมที่ห้ามพลาดเวลาไปเกาหลีก็คือ “ช็อปปิ้งงงงงง” นั่นเอง โดยเฉพาะเวลาไปเที่ยวเมืองนอกช่วงฤดูหนาว เราชอบไปหาซื้อเสื้อกันหนาวที่ประเทศนั้นๆ เลยมากกว่า เพราะมันหนาแล้วก็กันหนาวได้จริง ที่สำคัญยังมีแบบให้เลือกเยอะกว่าที่เมืองไทย และถึงแม้สถานที่ช็อปปิ้งในเกาหลีจะมีให้เลือกเดินกันจนขาขวิด แต่ “Common Ground” เป็นอีกหนึ่งที่ที่อยากนำเสนอนะ เพราะนอกจากจะได้ช็อปปิ้งให้เลือดลมสูบฉีดจนหายหนาวแล้ว ที่นี่ยังมีมุมชิคๆ ให้ถ่ายรูปเก๋ๆ ไว้อัพขึ้น IG หรือเฟซบุ๊กได้อีกด้วย เก๋กู๊ด!


✍️ วิธีการเดินทาง : รถไฟใต้ดินสาย 2 (สีเขียว) ลงสถานี Konkuk Univ. ทางออก 6 แล้วเดินตามถนนไปเรื่อยๆ ประมาณ 5 นาที
? พิกัด : 37.541134, 127.066071
เดินชิม Street Food ร้อนๆ ที่ “มยองดง” แล้วไปตะโกนนับถอยหลังสู่ปีใหม่ที่ “Jonggak”




ขอส่งท้ายด้วยการเล่าประสบการณ์การเคาท์ดาวน์ที่เกาหลีเมื่อปีก่อน เผื่อมีใครอยากรู้ว่าบรรยากาศการนับถอยหลังสู่ปีใหม่ที่เกาหลีจะช่วยให้หายหนาวขึ้นมาบ้างหรือเปล่า อลังการน่าบินไปสัมผัสสักครั้งไหม แต่อย่าเพิ่งผิดหวังนะถ้าเราจะบอกว่า บรรยากาศเคาท์ดาวน์ที่เกาหลีนั้นสู้เมืองไทยไม่ได้เลยยย อันที่จริงทั้งเกาหลีและญี่ปุ่น เขาจะไม่ค่อยอินกับการจัดงานวันปีใหม่เท่าไร ไม่ค่อยมีงานเทศกาลสไตล์จุดพลุอลังการหลายดอกแบบบ้านเรา อย่างงานที่ “Jonggak” ข้างตึก Jongno Tower ที่เรามีโอกาสได้ไปสัมผัสเนี่ย นับเป็นงานใหญ่ของกรุงโซลแล้วนะ ยังจุดพลุแค่ไม่ถึง 1 นาที จนคนเกาหลีข้างๆ ยังอุทานว่า “แค่เนี๊ยะ!” แต่เราว่าก็เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ดีนะ ส่วนตัวเราพักที่ย่านมยองดง สักประมาณสี่ทุ่มก็ออกมาเดินเล่นหา Street Food ร้อนๆ ที่มยองดงเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายซะก่อน ถึงเวลาห้าทุ่มนิดๆ ก็ค่อยๆ เดินตามคนเกาหลีไปเรื่อยๆ ไม่ต้องกลัวหลง เพราะทุกคนมีจุดหมายเดียวกันคือการไปเคาท์ดาวน์ แต่ถึงแม้งานเขาอาจจะไม่ได้จุดพลุอลังการมากมาย แต่คนที่มาร่วมงานก็ล้านแปดมากๆ ถือว่าอบอุ่นหายหนาวกันเลยทีเดียว ฉะนั้นใครอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศไปเคาท์ดาวน์ท่ามกลางอากาศเย็นๆ ที่เกาหลีบ้าง ก็ถือว่าเป็นไอเดียที่ไม่เลวเลยนา : )
" .. Life is a journey, not a destination .. "
