จิบมอคเทลชมแสงสุดท้ายของกรุงเทพบนไวน์บาร์สุดชิคย่านสีลม
Scarlett Wine Bar & Restaurant @ Pullman Bangkok Hotel G
- July, 2019 -
เป็นคนชอบดูพระอาทิตย์ตกและชอบถ่ายรูปแสงสุดท้ายมาก เคยคิดว่าถ้าอยากดูแสงเย็นสวยๆ ต้องออกเดินทางไปไกลๆ แต่ที่ไหนได้ ‘กรุงเทพมหานคร’ เมืองหลวงฟ้าอมรของบ้านเรากลับเป็นหนึ่งในจุดชมแสงเย็นที่สวยไม่แพ้ที่อื่นใดเลย สารภาพตามตรงว่าเกิดมา 31 ปี เพิ่งมีโอกาสได้สบตากับกรุงเทพแบบเต็มๆ ก็ที่นี่แหละ ‘Scarlett Wine Bar & Restaurant’ รูฟท็อปบาร์บนชั้น 37 ของโรงแรม Pullman Bangkok Hotel G ซึ่งตั้งอยู่ตรงใจกลางย่านสีลมนี่เอง



เราเป็นคนชอบอากาศหนาวค่ะ ฉะนั้นฤดูร้อน ฤดูฝนอย่างช่วงกลางปีแบบนี้ จะทำตัวจำศีล ขดอยู่แต่ในบ้าน ไม่ค่อยมีแพลนไปเที่ยวต่างประเทศหรือที่ไหนไกลๆ เพราะไม่ค่อยชอบอากาศร้อน เรียกว่าเป็นช่วงทำเงินกักตุนเอาไว้สำหรับเที่ยวช่วงปลายปีที่อากาศดีๆ ทีเดียวไปเลย แต่เวลาทำงานเหนื่อยๆ แล้วมันอยากพาตัวเองไปนั่งโง่ๆ ดูพระอาทิตย์ตกดินที่ไหนสักแห่ง ฉะนั้นก็เลยลองมองหาสถานที่ใกล้ๆ ที่มีมุมให้ถ่ายรูปแสงทไวไลท์สวยๆ แล้วก็พบว่าบนชั้น 37 ของโรงแรม Pullman Bangkok Hotel G มีรูฟท็อปบาร์วิวดีอย่าง ‘สการ์เล็ต – SCARLETT’ ที่สามารถถ่ายรูป Skyline ของกรุงเทพได้ แถมยังเป็นหนึ่งในรูฟท็อปบาร์ที่มีมุมนั่งดูแสงสุดท้ายสวยติดอันดับต้นๆ ของกรุงเทพอีกด้วย เราก็เลยหาเวลาว่างๆ ช่วงเย็นไปนั่งจิบมอคเทลพลางเสพแสงสุดท้ายที่นี่ ซึ่งมันดีมาก เป็นความสุขใกล้ตัวที่ไม่ต้องตะเกียกตะกายไขว้คว้าเลย


ร้านเปิดตั้งแต่ 5 โมงเย็นนะคะ ถ้าใครขับรถมาก็สามารถขับรถเข้าไปจอดในโรงแรม Pullman Bangkok Hotel G แล้วกดลิฟท์ไปที่ชั้น 37 ได้เลย ด้วยความที่เราอยากเก็บภาพแบบคนน้อยๆ และอยากได้ทั้งแสงเย็น แสงทไวไลท์ และแสงไฟตอนกลางคืน ก็เลยไปถึงตั้งแต่ 5 โมงเย็น ซึ่งเป็นช่วงที่ร้านโล่งและคนน้อย เพราะเพิ่งเปิด กว่าบรรยากาศจะเริ่มคึกครื้นก็ตั้งแต่ 6 โมงเย็นเป็นต้นไป ยิ่งเข้าช่วงทุ่มนึงนี่คนเต็มร้านเลย ลูกค้าส่วนใหญ่มีทั้งคนไทยและฝรั่ง แต่ที่เห็นส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่งค่ะ


มีรางวัลการันตีความอร่อยหล

ภายในร้านตกแต่งสไตล์ Vogue ชิคมากกกก ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ใจกลางกรุงนิวยอร์ค ร้านค่อนข้างกว้างขวางพอสมควรเลย ที่นั่งมีให้เลือกทั้ง Indoor และ Outdoor ถ้าเน้นดื่ม เน้นกิน นั่งข้างในก็จะเย็นสบาย เพราะเป็นห้องแอร์ค่ะ


ที่ร้านมีไวน์ให้เลือกมากกว่า 250 ชนิด ฉะนั้นสายไวน์มียิ้มกริ่มแน่นอนล่ะจ้า

ถ้าใครตั้งใจมาเพื่อดูพระอาทิตย์ตกหรือถ่ายรูปแสงเย็นแบบเรา แนะนำว่านั่งข้างนอกชิลกว่าเยอะ เพราะช่วงเย็นๆ อากาศไม่ค่อยร้อนแล้วค่ะ

ด้วยความที่เราอยากเก็บภาพแบบคนน้อยๆ และอยากได้ทั้งแสงเย็น แสงทไวไลท์ และแสงไฟตอนกลางคืน ก็เลยไปถึงตั้งแต่ 5 โมงเย็น ซึ่งเป็นช่วงที่ร้านโล่งและคนน้อย เพราะเพิ่งเปิด กว่าบรรยากาศจะเริ่มคึกครื้นก็ตั้งแต่ 6 โมงเย็นเป็นต้นไป ยิ่งเข้าช่วงทุ่มนึงนี่คนเต็มร้านเลย ลูกค้ามีทั้งคนไทยและฝรั่ง แต่ที่เห็นส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่งค่ะ

มุมนี้ฮ็อตสุด ใครมาเพื่อนั่งจิบเครื่องดื่มอย่างเดียว มุมนี้คือชิลมากกกก


เห็นวิวกรุงเทพแบบเต็มตา!


เชฟใหญ่ของที่นี่เป็นชาวฝรั่งเศสค่ะ ฉะนั้นที่นี่จึงเด่นเรื่องอ

จานนี้คือ Burgundy Snails ราคา 680 บาท เป็นเมนูไฮไลท์ประจำของที่ร้าน เพราะหอยทากเป็นเมนูขึ้นชื่

จานนี้คือ Fruité Tartare ราคา 520 บาท ทาร์ทาร์ปลาซีบรีม เพิ่มความสดชื่นด้วยแตงโม และน้ำสลัดส้มยูชุสูตรพิเศษ

ส่วนจานนี้คือ Le Jambon ราคา 480 บาท เป็นพาร์มาแฮมทานคู่กับเมลอ


มาถึง Main Course ขอจัดหนักมาแบบเบาๆ ก่อนด้วยเมนู Scallops d’Hokkaido ราคา 1,300 บาท ตัวหอยเชลล์จัดมาแบบไซส์บิ๊

Main Course จานต่อไปนี่จัดหนักของจริง จานนี้คือ La Côte de Boeuf 1 Kg. ราคา 2,550 บาท เป็นเนื้อออสเตรเลีย ซึ่งทางร้าน dry aged เอง ถ้าใครไปแล้วสังเกตตรงหน้าร้าน จะเห็นว่ามีเนื้อที่กำลัง dry aged ตั้งอยู่ในตู้เลยค่ะ

เสิร์ฟพร้อมซอสรสชาติดีมีให้เลือกถึง 3 ซอส คือ Béarnaise, Black pepper และ Blue cheese sauce ใครเป็นสายเนื้อเห็นแล้วมีหวั่นไหว


แอบไปดูเชฟ grill เนื้อก็ได้นะ ตรงที่เชฟปรุงจะเป็นกระจก สามารถดูและถ่ายรูปได้ หรือจะเชียร์ให้เชฟโรยเกลือ

อิ่มจาก Main Course แล้วก็ตบท้ายด้วยของหวาน เพื่อเพิ่มความอ้วนกันให้เต็มเหนี่ยว จานนี้คือ Chocolate Profiteroles ราคา 350 บาท เป็นพายที่มีเท็กเจอร์คล้าย

จานนี้ก็เด็ดไม่แพ้กันค่ะ Mille Feuille ‘Grands Augustins’ พัฟพายสอดไส้เลเยอร์ด้วยครี

ก่อนกลับสั่งมอคเทลมาตบท้าย


Pullman Bangkok Hotel G (ชั้น 37)
เวลาเปิดบริการ : ทุกวันจันทร์ – อาทิตย์ ตั้งแต่ 17.00 – 01.00 น.
ติดต่อสอบถามและสำรองที่โต๊
หรืออีเมล์ [email protected]
Facebook : Scarlett Bangkok
IG : ScarlettBangkok
Line : @ScarlettBKK