5 จุดชมอาทิตย์อัสดงในไทยที่น่าไปนั่งปล่อยใจให้เป็นอิสระ

รู้สึกเหมือนกันมั้ยว่าโลกทุกวันนี้หมุนเร็วจนแทบจะวิ่งตามไม่ทัน หยุดเสาร์ อาทิตย์ ยังไม่ทันได้ปล่อยใจให้พักอย่างเต็มอิ่มก็วันจันทร์อีกละ ต้องรีบตื่นแต่เช้าไปทำงาน แข่งขันกันตั้งแต่ที่นั่ง ที่ยืนบนรถโดยสารสาธารณะไปจนถึงที่จอดรถ แล้วก็ยังต้องมาอดทนเจอรถติดทั้งเช้าและเย็น เฮ้อ… เป็นคนกรุงฯ นี่เหนื่อยจังเล้ย! — ไม่เอาหน่า ปัญหาหัวใจนี้จะซาลง แค่ลองปลงแล้วโยนทิ้งทุกสิ่งไว้ที่บ้าน แล้วชวนกันออกไปนั่งเสพความงามจากธรรมชาติบ้าง นั่งมองพระอาทิตย์ตกดินแบบโง่ๆ สมองโปร่งๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรบ้างสักวัน เชื่อมั้ยว่านี่เป็นวิธีการเติมพลังใจที่ใช้การได้จริงๆ — และนี่คือ 5 จุดชมอาทิตย์อัสดงในไทยที่น่าไปนั่งปล่อยใจให้เป็นอิสระสักวัน

มีเวลาแค่ 2-3 ชั่วโมง ก็มากพอจะเอาใจไปพักที่สถานตากอากาศบางปู ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กรุงเทพฯ แค่เอื้อมก้าว ที่สำคัญยังไม่เสียค่าเข้าชมอีกต่างหาก ฉะนั้นทุกวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่พักใจของคนที่อยากทิ้งวันยุ่งๆ เพื่อมุ่งไปชมพระอาทิตย์ตกดินให้ใจผ่อนคลาย กิจกรรมยอดฮิตของบางปูคือดูนก โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายน – เมษายนของทุกปี ที่นี่จะเต็มไปด้วยฝูงนกนางนวลที่พากันอพยพหนีหนาวมาเป็นแบบให้บรรดาช่างภาพทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นกระหน่ำกดชัตเตอร์กันจนนิ้วล็อค #ถ่ายนกให้หยุดมันก็จะยากยากหน่อย : p หรืออีกหนึ่งกิจกรรมที่ถูกอกถูกใจลูกเด็กเล็กแดงอย่างการให้อาหารนก ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความอบอุ่นขึ้นในครอบครัวได้เป็นอย่างดี ไฮไลท์อีกอย่างที่ต้องขีดเส้นใต้ไว้หนาๆ คือการชมพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งให้บรรยากาศสวยงามไม่แพ้นั่งชมแสงสุดท้ายของวันอยู่ริมชายหาดเลย ฉะนั้นถ้ามีเวลาสักครึ่งวันแล้วเกิดรู้สึกอยากพักใจ ลองขับรถออกไปสถานตากอากาศบางปูดูสิ แค่ชั่วโมงนิดๆ จากกรุงเทพฯ ก็ถึงแล้ว





ช่วงเวลาแนะนำ : ขับรถออกจากกรุงเทพฯ สักประมาณ 3-4 โมง เพื่อจะได้มีเวลาให้อาหารนก เดินเล่นชิลๆ ก่อนชมพระอาทิตย์ตกดิน แล้วถ้าอยากได้บรรยากาศแบบมีนกเยอะๆ ควรไปช่วงเดือน พ.ย. – เม.ย. ถ้าไปเดือนอื่นๆ อาจมีนกให้เห็นแค่ประปรายจ้า

พิกัด : 13.513327, 100.653957 (มีที่จอดรถอยู่ด้านหน้า)

ลองพูดชื่อ “ระยอง” ทำไมใครๆ ชอบนึกถึงแต่เกาะเสม็ด เฮ้ย จริงๆ แล้วระยองมีหลายสถานที่ที่สวยสะเด็ดเสร็จทุกรายโดยไม่ต้องข้ามเรือไปถึงเกาะเสม็ดเลยนะ! หนึ่งในนั้นคือ “อุทยานแห่งชาติ เขาแหลมหญ้า” อีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิตของเหล่าฮิปสเตอร์นั่นไง การเดินทางจากกรุงเทพก็ไม่ยุ่งยากอะไร ขับรถชิลๆ แค่ 2-3 ชั่วโมงก็ถึง จะจัดเป็นวันเดย์ทริป หรือพักให้เต็มอิ่มสักคืนก็ย่อมได้ เพราะภายในอุทยานเขามีพื้นที่สำหรับกางเต้นท์ด้วย จะนำเต้นท์มากางเองหรือเช่าเต้นท์ของอุทยานก็ง่ายดายและไม่แพง ที่นี่บรรยากาศดีและมีมุมให้ถ่ายรูปหลายจุด มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ต้องบอกว่าเด็ดเมิ๊กก! เพราะเป็นเส้นทางเลียบทะเล อากาศร้อนแค่ไหนก็มีลมเย็นๆ จากทะเลพัดโชยมาตลอดเวลา เดินไปจนถึงบริเวณแหลมซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินแล้วหามุมเหมาะๆ นั่งชมแสงสุดท้าย ปล่อยใจให้เป็นอิสระสักพัก เชื่อมั้ยว่าการได้นั่งชมวิวสวยๆ ยามอาทิตย์อัสดงหลังจากเดินผ่านเส้นทางที่ค่อนข้างยากลำบากมา มันเป็นความรู้สึกที่เกินบรรยายจริงๆ ส่วนจะเป็นความรู้สึกแบบไหน แนะนำให้ลองไปสัมผัสด้วยตัวเองนะจ๊ะ

ช่วงเวลาแนะนำ : ใครที่อยากจัดเป็นวันเดย์ทริป ให้ออกจากกรุงเทพฯ เช้าๆ หน่อย แวะกินข้าวอร่อยๆ ที่ระยองแล้วค่อยขับรถมุ่งต่อไปให้ถึง อุทยานแห่งชาติ เขาแหลมหญ้า สักประมาณ 3-4 โมง เดินเล่นตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ถ่ายรูปให้จุใจจนถึงเวลาพระอาทิตย์ตกดินแล้วค่อยตีรถกลับกรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ – ระยองประมาณ 3 ชั่วโมง แต่ถ้าอยากชิล แนะนำว่านอนพักที่ระยองสักคืน จะเช่าเต้นท์ในอุทยานหรือหาที่พักริมทะเลในระยองก็ได้ มีให้เลือกเพียบ!

เวลาเปิด – ปิด : อุทยานเปิดประมาณ 08.30 น. ส่วนเวลาปิด จนท. แจ้งว่าขอให้ขับรถออกจากอุทยานไม่เกิน 19.00 น. (สอบถาม จนท. เพื่อความแน่ใจอีกทีได้นะ)

ค่าเข้าอุทยาน : ผู้ใหญ่ 40 บาท, เด็ก 20 บาท

พิกัด : 12.587674, 101.419977 (มีที่จอดรถ)

พูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เมืองกรุงฯ เชื่อว่า “พัทยา” ต้องติดโผอย่างแน่นอน ยิ่งใครเป็นคนรักทะเลด้วยแล้ว คงไม่แคล้วได้ดอดพาใจไปพักอยู่บ่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่ช่วงเวลาเย็นๆ หลายคนคงพักผ่อนอยู่ในโรงแรมหรือรีสอร์ท ไม่ก็นั่งกินข้าวอยู่ที่ร้านอาหารสักแห่ง แต่ถ้าเกิดอยากไปพัทยาแบบเช้า – เย็น กลับล่ะ? จะไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินสวยๆ ได้ที่ไหนที่ไม่ใช่ในรีสอร์ทหรือร้านอาหารหรู มามะ เราจะพาไป “จุดชมวิวชายหาดบ้านอำเภอ” อีกหนึ่งจุดนั่งชิลชมวิวพัทยาที่ชาวพัทยาเขามาเดินเล่นตอนเย็นๆ กัน จุดเด่นของที่นี่คือทางเดินหินที่ยื่นยาวออกไปในทะเล ซึ่งสามารถเลือกนั่งชิลชมพระอาทิตย์ตกดินตรงไหนก็ได้ มีลมเอื่อยๆ พัดเย็นสบาย ชวนผ่อนคลายแบบสุดๆ มองออกไปด้านหน้าจะเห็นวิวท้องทะเลสุดลูกหูลูกตา แต่ถ้าหันขวาจะเห็นวิวเมืองพัทยาอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ใครชอบถ่ายรูปรับรองว่าถูกอกถูกใจที่นี่อย่างแน่นอน




ช่วงเวลาแนะนำ : จัดเป็นวันเดย์ทริปจากกรุงเทพฯ โดยเที่ยวที่อื่นๆ ในพัทยาตอนกลางวันก่อนก็ได้ แล้วแวะมานั่งดูพระอาทิตย์ตกดินที่ชายหาดบ้านอำเภอช่วงเย็นๆ สักประมาณ 5-6 โมง เสร็จแล้วก็ตีรถกลับกรุงเทพฯ กลับดึกนิดหน่อย รถไม่ติด ขับฉิ่ว แปบเดียวถึงบ้านเลย ^^

พิกัด : 12.811892, 100.912460 (มีที่จอดรถ)

“ประจวบคีรีขันธ์” ชื่อนี้มีดีมากกว่าหัวหิน และจะดีต่อใจยิ่งกว่าถ้าคุณกำลังมองหาความเงียบสงบเอาไว้พักใจ เพราะแค่ขับรถเลยหัวหินไปอีกนิดหน่อยก็จะเจอทั้ง “ปราณบุรี” และ “สามร้อยยอด” อ้าแขนยื่นไหล่รอให้เอาใจมาซบจนหายเหนื่อย โดยเฉพาะอำเภอสามร้อยยอดที่อยู่ห่างจากปราณบุรีไปแค่เพียงนิสแต่กลับเป็นสถานที่ที่ชาวติสท์เขาหลงใหล ที่สำคัญยังไม่ค่อยมีใครรู้เท่าไหร่ว่าสามร้อยยอดนี่แหละ ช้างเผือกเลยละเท๊อ! โดยสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมคือ อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด มีจุดชมวิวเขาแดงให้ไฮกิ้งพอเหงื่อออกเพื่อขึ้นไปชมวิวทะเลกันแบบ 360 องศา รวมไปถึง บึงบัว สามร้อยยอด อีกหนึ่งจุดขวัญใจช่างภาพสายแลนด์สเคปที่ยังไง๊ยังไงในชีวิตก็ต้องเคยมาแชะภาพที่นี่สักครั้ง ส่วนไฮไลท์อยู่ตรงถนนในเส้นทางไปสู่อุทยานเขาสามร้อยยอด ซึ่งเรายกให้เป็นหนึ่งในถนนเส้นสวยของประเทศไทยเลย มีเลนสำหรับปั่นจักรยานท่ามกลางวิวทิวเขาที่แปลกตาด้วย ตรงจุดนี้แหละเป็นอีกจุดแนะนำสำหรับคนเบื่อภาพพระอาทิตย์ตกลงทะเล อยากเปลี่ยนบรรยากาศมาชมอาทิตย์อัสดงจากรถตัวเองบ้าง ได้ฟิลแบบ Road Trip สุดๆ เขาถึงได้บอกไงว่า ความสุขมันอยู่ที่ใจ และบางครั้งสิ่งที่ใช่อาจมาจากบางที่ที่คาดไม่ถึง

ช่วงเวลาแนะนำ : หาที่พักแถวปราณบุรีหรือสามร้อยยอดสักคืน แล้วขับรถไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอดจนถึงเย็นๆ สักประมาณ 4-5 โมง ค่อยขับรถกลับออกมาตามเส้นทาง เปิดเพลงฟังชิลๆ หรือจะเปิดกระจกรถรับลมเย็นจากธรรมชาติก็โคตรได้ฟิล ลืมๆ นาฬิกาข้อมือหรือนาฬิกาบนมือถือไปสักพัก แล้วปล่อยให้แสงจากดวงอาทิตย์เป็นตัวบอกเวลา จังหวะไหนใช่ก็จอดรถแล้วนั่งชมแสงสุดท้ายจากรถของตัวเองเลย : )

พิกัด : 12.301315, 99.937937 (จอดรถตามไหล่ทาง แต่แนะนำว่าควรหาที่จอดรถแอบๆ นิดนึงเพื่อความปลอดภัยนะ ถึงแม้ถนนแถวนั้นจะโล่งมากก็ตาม)

พูดจากใจคนเสพติดการนั่งดูพระอาทิตย์ตกดิน “ภูเก็ต” คือหนึ่งในสถานที่ชมแสงสุดท้ายที่สวยที่สุดในประเทศไทย เพราะเราจะได้เห็นพระอาทิตย์ดวงกลมใหญ่และตกลงเส้นขอบฟ้าโดยไม่มีทัศนียภาพใดมาบดบัง ยิ่งวันไหนไร้เมฆ รับรองว่าเหล่าบรรดาช่างภาพต้องเก็บไข่แดงกันไปแบบอิ่มใจแน่นอน และถ้าจะให้พูดถึงสถานที่ชมอาทิตย์อัสดงของเมืองภูเก็ตก็คงจะหนีไม่พ้น แหลมพรหมเทพ อันโด่งดัง แต่พ่อเจ้าประคุณรุนช่องเอ๊ย! มองไปทางไหนก็เห็นแต่หัวคน โดยเฉพาะทัวร์จีน ทัวร์ฝรั่ง ยิ่งวันหยุดนี่คนเยอะจนแทบจะหาที่แทรกเข้าไปแชะภาพแทบไม่ได้ ฉะนั้นเราขอแนะนำอีกหนึ่งพิกัดที่เกือบจะซีเคร็ตแต่เด็ดไม่แพ้แหลมพรหมเทพ นั่นก็คือ “จุดชมวิวกังหันลม” ที่บอกว่าเกือบจะซีเคร็ตเพราะทุกวันนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้นพอสมควร แต่คนไม่เยอะเท่าแหลมพรหมเทพแน่นอน ตรงจุดนี้จะสามารถเห็นพระอาทิตย์ไข่แดงดวงโตๆ ตกลงเส้นขอบฟ้าของท้องทะเลอันดามันได้เหมือนแหลมพรหมเทพเป๊ะ! แต่ที่เป๊ะกว่าคือมีที่ให้นั่งชิลตามแนวไหล่เขาไม่ต้องไปแย่งที่นั่งเบียดเสียดกับใคร จะตั้งกล้องตรงไหนก็เก็บภาพไข่แดงได้แบบเต็มๆ ตา

ช่วงเวลาแนะนำ : เราว่าถ้าไปภูเก็ตคงต้องจัดทริปยาวสักหน่อยล่ะ อย่างน้อยก็ 3 วัน 2 คืน แล้วแบ่งเวลาสักวันมานั่งชมพระอาทิตย์ตกดินที่จุดชมวิวกังหันลมตอนเย็นๆ โดยเช็คเวลาพระอาทิตย์ตกดินได้จาก google เลย

พิกัด : 7.769834, 98.306706 (มีที่จอดรถ แต่ค่อนข้างลำบากและมีน้อยเพราะเป็นแนวไหล่เขา)

Nichikarn Chomratanadilok (Niichii)

อดีต บรรณาธิการ All About Japan E-magazine
หยุดพักบ้าง ฝันบ้าง อยู่กับความจริงบ้าง
แต่ไม่เคยหยุดเดินทาง

❤
IG  /  Facebook