เที่ยว ‘ภูเก็ต’ ยังไงให้จ่ายน้อยแต่ได้มาก

ทริปนี้เราบินไปภูเก็ตกับ AirAsia ราคาช่วงไฮแบบนี้ก็ยังกดได้ราคาดี สบายกระเป๋า ไป – กลับ เริ่มต้นประมาณ 1,2xxx บาทเท่านั้นเอง เที่ยวบินมีให้เลือกตั้งแต่เช้ายันดึก เราเลือกบินตอน 09:45 น. ถึงภูเก็ตประมาณ 11 โมง เดินทางแบบชิลๆ แค่ 50 นาที ก็ได้เซย์ไฮทักทายกับอากาศอันร้อนแรงของภูเก็ตแล้ว ช่วงนี้ภูเก็ตเป็นหน้าไฮ ท้องฟ้าสดใสไร้เมฆทุกวัน ข้อดีคือถ่ายรูปสวย ตกเย็นนั่งดูฟ้าระเบิด ถ่ายรูปดวงอาทิตย์ไข่แดงได้แบบสะใจ ข้อเสียคือร้อนมากเลยจ้าพี่จ๋า รังสียูวีไม่ปราณีน้องบ้างเลย ฉะนั้นอย่าลืมพกครีมกันแดดไปด้วยนะ : )

นอกจากตั๋วเครื่องบินไปภูเก็ตราคาดีแล้ว ช่วงนี้แอร์เอเชียยังมีกิจกรรมเที่ยวภูเก็ตแบบเปย์ชิลๆ แต่ได้ฟิลระดับโลก โดยมีส่วนลดต่างๆ ให้กับคนที่บินกับแอร์เอเชียสูงสุดถึง 50% เพียงแค่โชว์บอร์ดดิ้งพาสเท่านั้น ฉะนั้นทริปนี้จึงเป็นการเที่ยวแบบจ่ายน้อยแต่ได้มากที่แท้ทรู

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรโมชั่น #เปย์ชิลได้ฟิลเวิลด์คลาสที่ภูเก็ตกับแอร์เอเชีย สามารถคลิกเข้าไปดูได้จากลิงก์นี้เลยจ้า > Click <

หาดยะนุ้ย คือหาดที่เราชอบมากที่สุดในภูเก็ต ที่นี่ไม่ได้มีชายหาดยาวๆ ให้เดินเล่นมากมายเหมือนบางหาด แต่เป็นหาดเล็กๆ ที่ไม่วุ่นวายและถ่ายรูปสวยมากกกกกก โดยจุดประสงค์ของการมาหาดยะนุ้ยของเราก็คือมาสนองตัณหาตัวเอง เพราะอยากมีฟิลได้ดูพระอาทิตย์ตกกลางทะเลในแบบจ่ายน้อยแต่ได้มาก ซึ่งที่นี่แหละที่เราจะสามารถนั่งดูพระอาทิตย์ตกกลางทะเลในราคาแค่ 100 บาทเท่านั้น!

ทีเด็ดของหาดยะนุ้ยคือเป็นชายหาดที่อยู่ใกล้กับแหลมพรหมเทพเลย รวมถึงอยู่ไม่ไกลจากอีกหนึ่งจุดชมพระอาทิตย์ตกสวยๆ ของภูเก็ตอย่างจุดชมวิวกังหันลม ฉะนั้นหาดยะนุ้ยจึงตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างสองจุดชมพระอาทิตย์ตกที่ดีที่สุดของภูเก็ต! ลองจิตนาการดูสิว่าการได้ซึมซับกับบรรยากาศแสงสุดท้ายโดยที่ไม่ต้องเบียดเสียดกับทัวร์จีนและคนจำนวนมากมายมหาศาลที่แหลมพรหมเทพ (แน่นอนว่าทุกวันนี้จุดชมวิวกังหันลมก็คนเยอะไม่แพ้กัน) มันจะมีความสุขมากแค่ไหน ..

ถ้าอยากสัมผัสถึงความรู้สึกแบบเดียวกับเรา ขอแนะนำให้แวะไปหาดยะนุ้ยในช่วงเย็น เดินไปเช่าเรือคายัค แล้วพายออกไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกกลางทะเล จอดเทียบข้างๆ เรือยอร์ชเลย! ไม่จำเป็นต้องเปย์สองสามพันก็สามารถดูแสงสุดท้ายกลางทะเลในจุดชมพระอาทิตย์ตกที่ดีที่สุดของภูเก็ตได้ แล้วมันอาจจะน่าจดจำกว่าด้วยนะ เพราะเราพายมาด้วยสองมือของเราเอง : )

ปล. ค่าเช่าเรือคายัค คนละ 100 บาท มีเสื้อชูชีพให้ และสามารถขอยืมกระเป๋ากันน้ำได้ เผื่อใครอยากพกกล้องลงเรือไปถ่ายรูปสวยๆ แต่ถ้าใครมี แนะนำว่าให้เตรียมไปเองดีกว่า เพราะว่าเขามีจำกัดค่ะ แล้วบางคนก็เอาไปใส่อุปกรณ์สน็อกเกิ้ล ฉะนั้นถุงมันก็อาจจะยังชื้นๆ อยู่ ต้องดูให้ดีๆ จ้า     

อย่าเพิ่งสับสนนะ เพราะหาดยะนุ้ย กับ หาดนุ้ย ไม่ใช่หาดเดียวกัน แล้วก็ไม่ได้อยู่ใกล้กันด้วย โดย หาดนุ้ย ที่เรากำลังพูดถึงอยู่ตอนนี้ เคยเป็นหาดลับจับตัวยากของภูเก็ต เพราะเข้าถึงยากมากกกกก การเดินทางนั้นลำบากพอตัว ใครเช่ารถยนต์ไปก็ไม่สามารถขับเข้าไปเองได้ ต้องอาศัยรถกระบะของชาวบ้านเท่านั้น เนื่องจากถนนหนทางเป็นหลุมเป็นบ่อสุดๆ ชาวบ้านเล่าว่าพอถึงช่วงโลว์ต้องมาควักตังค์ทำถนนเล็กๆ กันเอาเอง เพราะแถวนี้ไม่มีชุมชน มีบ้านอยู่แค่ไม่กี่หลัง รถที่ขับรับ – ส่ง นี่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นชาวบ้านที่เกิดและโตที่นี่นั่นแล ฉะนั้นเราว่าค่ารถเที่ยวละ 50 บาท/คน ไป – กลับ 100 บาท ก็ถือว่าไม่แพงเลย สำหรับการเดินทางไปสัมผัสความสวยงามของหาดนุ้ยแห่งนี้

อันที่จริง หาดนุ้ยเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มฝรั่งมานานแล้ว ชาวบ้านเล่าว่ามีฝรั่งมาเที่ยวเยอะเป็นปกติ ส่วนคนไทยอาจจะยังไม่ค่อยรู้จักเท่าไร เพิ่งจะมาบูมช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เอง เพราะมีแม่เหล็กแห่งใหม่อย่าง ชิงช้า เหมือนกับที่บาหลีสวิง ซึ่งยอมรับตามตรงว่าเราเองก็มาที่นี่เพราะอยากมาเล่นชิงช้านี่แล แต่พอได้มาเจอบรรยากาศสวยๆ ของหาดนุ้ยเข้าไป แอบเทใจให้บรรยากาศรอบๆ มากกว่าซะงั้น

โดยใครที่จะเล่นชิงช้า ให้เดินขึ้นไปติดต่อที่บริเวณด้านบนของหาดได้เลย จะมีซุ้มตั้งอยู่ มีจุดถ่ายรูปต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรังนก กรอบรูป ขนกันมาแบบไม่ต้องบินไปบาหลีกันเลยทีเดียว ส่วนค่าใช้จ่าย ที่นี่เขาจะไม่ได้เก็บเป็นค่าเข้านะ สมมติไปกัน 2 คน แล้วจะเล่นชิงช้าแค่คนเดียว อีกคนมาแค่ถ่ายรูปให้เฉยๆ ก็จ่ายแค่ 1 คน คนละ 300 บาท ตอนแรกเรานึกว่า ไม่เล่นชิงช้าก็ต้องจ่าย แต่ลองถามเจ้าหน้าที่ดู เขาก็แจ้งว่าจ่ายเฉพาะคนที่จะเล่นชิงช้า พอจ่ายตังค์เสร็จแล้ว เขาก็จะปั๊มตราให้เราเหมือนเข้าผับน่ะ 555

พอจะเล่นก็โชว์ตราปั๊มให้ดู เขาจะแกว่งให้เฉพาะคนที่มีตราปั๊มเท่านั้นค่ะ เล่นกี่รอบก็ได้ ส่วนตัวเราเล่นไป 2 รอบ เฮ้ย มันเสียวกว่าที่คิด เราสามารถรีเควสได้นะ ว่าอยากได้แรงๆ หรือเบาๆ อินี่ขอแรงๆ เพราะอยากได้รูปสวยๆ ลงมาแทบอ้วกกก 555 ส่วนชายหาดนั้นเข้าฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใดจ้า

ไปภูเก็ตคราวนี้มีเวลาแค่ 3 วัน 2 คืน แต่เป็น 3 วัน 2 คืน ที่เต็มอิ่มและคุ้มค่ามาก เพราะเราพักที่ O’nya Phuket Hotel เป็น Boutique Hotel ตกแต่งสไตล์ชิโนโปรตุกีส ราคาเริ่มต้นแค่ 900 บาท/คืน เท่านั้นเอง แต่สำหรับใครที่บินไปภูเก็ตกับแอร์เอเชีย แค่โชว์บอร์ดดิ้งพาสก็จะได้รับส่วนลด 10% จากราคาที่แสดงบนเว็บไซต์ เป็นราคาที่รวมอาหารเช้าแล้วด้วย คุ้มไปอี๊ก ลองเข้าไปดูรายละเอียดที่พักและราคาก่อนได้ที่เว็บไซต์ > OnyaPhuket < 

เราพักห้องแบบ Superior Extra Room ราคา 1,300 บาท/คืน ห้องใหญ่ และสะอาด แอร์เย็นสบาย ที่สำคัญมีหมอนข้างให้ด้วย เด็กติดหมอนข้างคนนี้เป็นปลื้มมากจ้า เพราะหาได้น้อยที่จริงๆ สำหรับโรงแรมที่มีหมอนข้างให้ ส่วนห้องน้ำที่เป็นเป็นกระจกโปร่งใสนั้นมีม่านให้ปิดเวลาอาบน้ำ ทำธุระนะ เผื่อใครไปกับเพื่อน จะได้ไม่ต้องกังวล

ความดีงามของโรงแรมอ้นหยาอีกอย่างก็คืออาหารเช้าแบบง่ายๆ ที่รวมอยู่แล้วในราคาห้องพัก มีทั้งติ๋มซำ ขนมปัง และของว่างแบบไทยๆ เช่น ข้าวเหนียวสังขยา ข้าวต้มมัด พร้อมชา กาแฟ แถมระหว่างวันยังมีของว่างง่ายๆ เช่น ขนมปังกรอบ ตั้งไว้บริการฟรีตลอดทั้งวันอีกด้วย จ่ายน้อยแต่ได้มากจริงๆ สำหรับโรงแรมน่ารักแห่งนี้ ใครไปเที่ยวภูเก็ต เราแนะนำเลย : )

สารภาพตามตรงว่าไปทะเลทีไร ไม่เคยคิดจะไป Beach Club สักที เพราะไม่ใช่สายปาร์ตี้ แถมยังเป็นนักท่องเที่ยวงบน้อย เข้า Beach Club คงมีหวังล้มละลาย แต่คราวนี้บินกับแอร์เอเชีย แล้วรู้มาว่าถ้าโชว์บอร์ดดิ้งพาสที่ Catch Beach Club จะได้รับ Mojito Cocktail ฟรี 1 แก้ว/บอร์ดดิ้งพาส 1 ใบ เอ้า! ของฟรีแบบนี้ พี่ก็ไปดิค้าบบ เพราะนอกจาก Mojito Cocktail ฟรีแล้ว ยังได้รับส่วนลดสำหรับอาหาร 10 % อีกด้วย

เราว่าอาหารที่นี่อร่อยดีนะ ถึงแม้จะเป็นอาหารฝรั่งแต่ก็เป็นรสชาติที่ถูกปากคนไทยอย่างเรา เพราะมีความจัดจ้านแบบไทยๆ อยู่ กินแล้วไม่รู้สึกเลี่ยน ยิ่งได้บรรยากาศแสงสุดท้ายยามเย็นมาช่วยบิ้ว ยิ่งทำให้ Enjoy Eating เข้าไปใหญ่ เพิ่งรู้ว่าการมา Beach Club มันดีแบบนี้นี่เอง ยิ่งดึกยิ่งคึกคัก เรามาถึงช่วงเย็นๆ พอพระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ แสงท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีทองอมส้ม ดีเจก็เริ่มเปิดเพลงบิ้วแล้ว นั่งจิบ Mojito ริมทะเลนี่โคตรชิล ได้ฟิลเวิลด์คลาสจริงๆ

ปล. Catch Beach Club ตั้งอยู่ที่หาดบางเทา ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสนามบินมาก เป็นอีกหนึ่งหาดที่คึกคักไม่แพ้ทางฝั่งใต้เลย เท่าที่สังเกตดูเราเห็นแต่ฝรั่ง ตกเย็นจะออกมาทำกิจกรรม เล่นน้ำกันหนาตามาก ยิ่งถึงเวลาพระอาทิตย์ตก บรรยากาศรอบๆ นี่สวยสะกดใจไม่แพ้แถมแหลมพรหมเทพเลย ถ้าใครมาภูเก็ตแล้วอยากเปลี่ยนบรรยากาศ เราว่าการมานั่งดูพระอาทิตย์ตกที่ Beach Club เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่น่าพลาดเลยค่ะ : )

เชื่อว่าหลายคนมาภูเก็ต คงจะแวะไปเที่ยวหาดไม้ขาวเพื่อดูเครื่องบินแลนด์ดิ้งแบบระยะประชิด แต่ทริปนี้เราจะมาขอแนะนำอีกหนึ่งหาดที่อยู่ใกล้ๆ กัน นั่นก็คือ หาดในยาง เป็นหาดที่คนภูเก็ตหลายคนการันตีว่าชอบแล้วก็สวยงามที่สุดในมุมมองของคนภูเก็ตเอง เพราะเงียบสงบและคนไม่เยอะ ชายหาดโค้งสวย คลื่นไม่แรง ลงเล่นน้ำได้สบาย แถมยังอยู่ไม่ไกลจากสนามบินอีกด้วย ฉะนั้นจึงเห็นเครื่องบินแลนด์ดิ้งได้เหมือนกัน เพียงแต่อาจจะไม่เห็นใกล้มากเท่ากับหาดไม้ขาวเท่านั้นเอง

ไฮไลท์อีกอย่างของหาดในยางที่เราอยากแนะนำเป็นพิเศษก็คือสวนสนบริเวณอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ถ้าใครจอดรถเพื่อจะเดินไปที่หาดจะต้องเดินผ่านอย่างแน่นอน เพราะมันสวยสะดุดตามากกกกก ถ่ายรูปออกมาโคตรได้อารมณ์เหมือนอยู่ที่เกาหลี นับเป็นภูเก็ตอีกมุมที่ไม่อยากให้มองผ่าน จะแวะมาหลังจากบินมาถึงหรือก่อนกลับก็ได้ เพราะอยู่ใกล้สนามบินแค่นิดเดียวจ้า

ขอปิดท้ายทริปภูเก็ตแบบสวยๆ ด้วยอาหารมื้อพิเศษในร้านอาหารบรรยากาศดีพร้อมชิมฟรัวกราส์ในราคาจับต้องได้ที่ร้าน Suay Restaurant สาขาเชิงทะเล เพราะปกติเวลาเราไปเที่ยว ถึงแม้จะพยายามคุมงบแค่ไหน แต่ก็จะให้รางวัลตัวเองด้วยการกินอาหารดีๆ หนึ่งมื้อเพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเองที่ทำงานหนักมาตลอด ไปเที่ยวทั้งทีก็ควรซื้อความสุขให้กับตัวเองบ้าง จริงมั้ยคะ : )

โดย Suay Restaurant มีทั้งหมด 2 สาขา คือ สาขาที่ตั้งอยู่ในตัวเมือง กับ สาขาเชิงทะเลที่เราไปมา เหตุผลที่เลือกไปสาขาเชิงทะเลเพราะบรรยากาศร้านดีมากกกก มีทั้งโซน Outdoor และ Indoor จะเลือกนั่งข้างนอกหรือข้างในก็ได้ อากาศที่ภูเก็ตตอนกลางคืนไม่ร้อนเลย ออกจะเย็นสบายซะด้วยซ้ำ ลูกค้าส่วนใหญ่มีแต่ชาวต่างชาติทั้งนั้น การันตีได้เป็นอย่างดีว่าร้านนี้เขาพิเศษจริงๆ

Suay Restaurant เปิดตั้งแต่ 4 โมงเย็น เราก็เลยมาดินเนอร์ที่นี่ก่อนกลับซะเลย โชว์บอร์ดดิ้งพาสของแอร์เอเชียได้รับส่วนลด 10% อีกเช่นเคย สั่งเมนูซิกเนเจอร์ของร้านอย่าง เมี่ยงฟรัวกราส์ ราคา 450 บาท ได้ตับห่านชิ้นโตๆ ถึง 4 ชิ้น กินกับเครื่องเมี่ยงแบบไทยๆ อร่อยมากกกกก เราสั่งมาพร้อมอีกหนึ่งเมนูเรียกน้ำย่อยที่เด็ดไม่แพ้กันคือ ยำส้มโอ&หอยเชลล์ย่างไซส์จัมโบ้ตัวโตๆ สองชิ้น กินพร้อมส้มโอ รสชาตินัวเข้ากันดีจริงๆ

หลังจากเรียกน้ำย่อยเสร็จเรียบร้อย ก็จัดหนักด้วย แก้มวัวตุ่นซอสมัสมั่น เสิร์ฟคู่ซัลซ่าถั่วญี่ปุ่นและยอกกี้มะพร้าวที่ทางร้านทำเอง ส่วนเพื่อนร่วมทริปสั่ง เส้นอุด้งปลาแซลมอนราดน้ำข้าวซอย พูดเลยว่าเมนูนี้โคตรดี! เป็นอาหารแนวฟิวชั่นที่สร้างสรรค์และอร่อยมาก ห้ามพลาดเลย

อ้อ ของหวานเขาก็เด่นไม่แพ้กันเด้อ โดยเฉพาะ กล้วยน้ำว้า ฟลัมเบย์ เสิร์ฟพร้อมไอศครีมโกปี้ภูเก็ต พนักงานยกกระทะ ยกเตามาทำสดๆ ที่ข้างโต๊ะเลย เป็นเมนูที่สั่งแล้วเรียกความสนใจจากโต๊ะข้างๆ ได้เป็นอย่างดี เพราะเทเหล้าที ไฟลุกฟู่เลยจ้าาา แต่ถ้าใครชอบกินข้าวเหนียวมะม่วงต้องลองสั่งเมนู ปอเปี๊ยะข้าวเหนียวมะม่วง เสิร์ฟพร้อมไอศครีมงาดำ เราชอบตัวปอเปี๊ยะข้าวเหนียวมะม่วงมาก กินกับไอศครีมงาดำ ตัดเลี่ยนได้เป็นอย่างดีเลย เอาเป็นว่าแนะนำจริงๆ สำหรับร้าน Suay Restaurant ใครไปภูเก็ตต้องแวะไปเติมพลังให้ตัวเองด้วยอาหารดีๆ สักมื้อนะ : )