
นี่คือรีวิวที่เหมาะสำหรับผู้กล้าซึ่งโหยหาความสวยงามที่น้อยคนนักจะได้เห็น! เพราะการขึ้นไปดูภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอย่าง ‘ฟูจิซัง’ มุมนี้ ต้องอาศัยความกล้ามากกว่าการขึ้นไปยังจุดชมวิวธรรมดา ซึ่งอันที่จริงเราเคยรีวิวเอาไว้คร่าวๆ ในโพสต์ รีวิวชิซึโอกะ แล้ว แต่อาจจะยังไม่เคลียร์ทุกคำถาม เราก็เลยตั้งใจทำรีวิวพาราไกลดิ้งดูฟูจิซังแบบละเอียดมาฝากในโพสต์นี้ เผื่อใครอยากกระโดดข้ามความกลัวและขีดจำกัดของตัวเอง แน่นอนว่ารางวัลนั้นโคตรจะคุ้มค่า เพราะมันเป็นการได้เห็นภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นในมุมที่ผู้กล้าเท่านั้นที่จะได้เห็น!

ต้องไปกระโดดพาราไกลดิ้งลงมาจากที่ไหน?
บริษัทที่พาเราขึ้นไปกระโดดเป็นโรงเรียนสอนพาราไกลดิ้งชื่อ Sky Asagiri ตั้งอยู่ที่ เมืองฟูจิโนมิยะ (Fujinomiya) จังหวัดชิซึโอกะ (Shizuoka) โดยจะไปเรียนก็ได้ (แต่ต้องเรียนกันเป็นเดือน) หรือจะไปกระโดดลงมาพร้อมครูฝึกแบบเราก็ได้ อย่างหลังนี้ไม่ต้องมีสกิลหรือความสามารถใดๆ ทั้งนั้น ใช้ “ใจ” อย่างเดียวค่ะ

หลังจากมาถึงที่นี่แล้ว เขาจะเอาใบยินยอมมาให้เราเซ็น เหมือนกับกิจกรรมผาดโผนต่างๆ ในประเทศอื่นๆ หลังจากนั้นก็จะเปิดวิดีโอให้ดู พวกอะไรควรทำ ไม่ควรทำ แต่ครูฝึกเขาจะบรีฟเราอีกทีก่อนกระโดดอยู่แล้วค่ะ หลังจากนั้นเราถึงจะนั่งรถไปยังจุดเริ่มต้นตรงตีนเขา แล้วค่อยเปลี่ยนรถเพื่อนั่งขึ้นไปบนยอดเขาซึ่งเป็นจุดที่กระโดดอีกทีค่ะ

ราคาเท่าไร?
คนละ 10,000 เยน (ประมาณ 2,900 บาท) ต่อคน ซึ่งถือว่าถูกมากสำหรับการเล่นพาราไกลดิ้ง
ยิ่งมีวิวอลังการแบบฟูจิซังเป็นไฮไลท์ด้วยแล้ว เรากล้าพูดได้เลยว่าคุ้มโคตรโคตร!

จองผ่านทางไหน?
สามารถจองกิจกรรมนี้ผ่านเว็บไซต์ > Click < ซึ่งเขาจะมีแบบฟอร์มง่ายๆ ให้กรอก (เช่น วันที่ต้องกาาจะกระโดด เวลา จำนวนคน ชื่อ ประเทศ และอีเมล) หลังจากกดส่งแบบฟอร์ม เราก็จะได้รับอีเมลตอบกลับเพื่อคอนเฟิร์ม ควรจองล่วงหน้าสัก 3-5 วันขึ้นไปนะคะ

การเดินทางไปยัง Sky Asagiri
จากโตเกียว – นั่งชินคันเซ็นลงสถานี Shin-Fuji แล้วต่อรถบัส Fujikyuko Bus ลงสถานี Asagiri Kogen (朝霧高原) ดูตารางเวลาและราคา > Click < ถ้าตั้งใจมาเที่ยวชิซึโอกะอยู่แล้ว เราว่า เช่ารถขับเที่ยวเองก็เป็นอีกวิธีที่สะดวกมาก โดยสามารถขับรถไปที่ Sky Asagiri ได้เลย

นี่คือป้ายรถเมล์ด้านหน้า Sky Asagiri ใครไม่ได้ขับรถไป เห็นป้ายรถเมล์แบบนี้ก็กระโดดลงได้เลย ถ้ากลัวลงไม่ถูก แนะนำว่าให้เปิด Google Map ระหว่างทางที่นั่งรถเช็คไปเรื่อยๆ หรือบอกคนขับไว้เลยว่าจะลงที่นี่ค่า
แผนที่ SKY ASAGIRI
รอบการกระโดดพาราไกลดิ้ง
ไม่ใช่ว่าเราไปถึงแล้วจะกระโดดลงมาตอนไหนก็ได้นะ เพราะทางโรงเรียนจะมีรอบฟิกไว้แล้ว เราสามารถเลือกรอบตั้งแต่ตอนจองได้เลยค่ะ รอบการกระโดดมีตั้งแต่ 10.00 น. / 11.00 น. / 12.00 น. และ 13.00 น. แนะนำให้เลือกรอบเช้าสุด เพราะมีโอกาสเห็นฟูจิซังได้มากที่สุดจ้า (เรากระโดดรอบ 10.00 น. ค่ะ)

พอขึ้นไปถึงจุดกระโดดจะเจอคนที่มาเรียน มาฝึกกระโดดพาราไกลดิ้งเต็มไปหมดเลยค่ะ เรียกว่าเที่ยวบินอัดแน่นมาก 555 เห็นแบบนี้แล้วก็คลายความกังวลและตื่นเต้นลงไปได้บ้าง เพราะว่าถ้าคนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้!

โชคดีมากกกกกก วันที่เราไปอากาศดีสุดๆ เลย ระหว่างทางที่นั่งรถขึ้นมาเจอหิมะตกด้วย ถือว่าเป็นวันอากาศหนาวๆ ที่ท้องฟ้าแจ่มใส คนญี่ปุ่นก็เลยพากันออกมากระโดดพาราไกลดิ้งกันอย่างหนาตาเลย

ตรงนี้คือจุดออกตัวค่ะ ก่อนที่จะกระโดด เขาจะให้เราไปยืนถ่ายรูปตรงนี้ก่อนด้วย ซึ่งการปล่อยตัวนั้นก็จะมีคิว เราต้องรอให้ถึงคิวของเรา ระหว่างรอก็ตื่นเต้นไปสิ พยายามสังเกตคนอื่นว่าเขาทำยังไง รอประมาณ 15-20 นาทีก็ถึงคิวเราล่ะค่า

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ครูฝึกบรีฟมาคือ “อย่าหยุดวิ่ง” ไม่ว่ายังไงก็ตาม ให้วิ่งไปเรื่อยๆ เพราะถ้าหยุด ทุกอย่างจะสะดุดแล้วอาจเกิดอันตรายได้ค่ะ .. แม่งโคตรเหมือนชีวิตคนเราเลย “ไม่ว่ายังไงก็อย่าหยุดวิ่งนะ” มองไปข้างหน้าเท่านั้นก็พอ : )

ลอยอยู่บนฟ้ากี่นาที
จริงๆ แล้วขึ้นอยู่กับครูฝึกที่พาเรากระโดดด้วย เพราะเรากระโดดคนแรกแต่ลงทีหลังเพื่อนเลยค่ะ ครูฝึกที่พาเราโดดไนซ์มาก ชวนคุยแล้วก็พาลอยขึ้นสูงไปดูวิวจนทั่วเลย ซึ่งปกติเราก็จะอยู่บนฟ้าประมาณ 15-20 นาที อ้ะๆ อย่าคิดว่าเวลาเท่านี้น้อยไปนะ เพราะตอนใกล้จะลงนี่ของเหลวในกระเพาะเราเริ่มจะออกมาแล้ว 5555 บินนานๆ ก็คลื่นไส้และเวียนหัว ฉะนั้นเราว่า 15-20 นาทีก็เพียงพอสำหรับการชมวิวและถ่ายรูปฟูจิซังจากบนท้องฟ้าแล้วล่ะค่ะ


เอากล้องอะไรขึ้นไปได้บ้าง?
เราสามารถนำกล้องถ่ายรูปทุกประเภทติดตัวขึ้นไปกับเราได้เลย ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์ กล้องถ่ายรูปตัวใหญ่ หรือแม้แต่ Gopro ก่อนกระโดดเขาจะมาสายมารัดอุปกรณ์ถ่ายรูปของเราไว้ ฉะนั้นไม่ร่วงแน่นอนค่ะ ส่วนตัวเราเอากล้องถ่ายรูปขึ้นไป แล้วก็ติด Gopro เอาไว้ที่ข้อมือจ้า


น่ากลัวไหม ปลอดภัยหรือเปล่า?
ช่วงเวลาที่น่ากลัวที่สุดสำหรับเราคือ “ตอนที่ยังไม่กระโดด” มันน่ากลัวพอๆ กับตอนที่ตัดสินใจว่าจะโดดดีหรือเปล่า เพราะหลังจากขาลอยขึ้นจากพื้นดินแล้ว ความน่ากลัวมันหายเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ ไม่น่ากลัวเลยสักนิดเดียว มีความตื่นเต้น ตื่นตา เพราะทุกอย่างแม่งสวยไปหมด ส่วนเรื่องความปลอดภัยนั้นหายห่วง ญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัยอยู่แล้ว ครูฝึกทุกคนมีความเชี่ยวชาญและชำนาญมาก สิ่งที่ต้องเตรียมไปอย่างเดียว คือ “ใจ” เท่านั้นจริงๆ ค่า

ครูฝึกทุกคนมีความเชี่ยวชาญและชำนาญมาก กระโดดมาเป็นร้อยเป็นพันรอบ ฉะนั้นเชื่อใจครูฝึกและเชื่อมั่นในตัวเองนะ สิ่งเหล่านี้มันจะเป็นตัวที่นำพาเธอไปสู่โลกใหม่ๆ .. ยิ่งแก่ตัวลงเธอจะยิ่งรู้สึกได้ชัดเจนเลยว่า “ประสบการณ์” และ “ความทรงจำ” สำคัญที่สุดแล้วจริงๆ

นอกจากไฮไลท์เด็ดอย่างฟูจิซังที่อยู่ตรงหน้าแล้ว พอขึ้นไปอยู่บนฟ้า เราสามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศาเลย ครูฝึกที่พาเรากระโดดจะพาโฉบไปโฉบมาพร้อมชี้นู้นนี่นั่นให้ดู คือเหมือนนั่งอยู่บนเก้าอี้ลอยฟ้า ไม่รู้สึกเหมือนกระโดดร่มอยู่เลย ไอ้ความรู้สึกนั้นมันพิมพ์บอกกันไม่ได้หรอกนะ คือต้องไปสัมผัสด้วยตัวเองจริงๆ ค่ะ



“ ..Your only limit is your mind.”
สักครั้งก่อนตาย เราควรทำอะไรสักอย่างให้ชีวิตมี “ความทรงจำ” : )

น่าสนุกดีนะคะ
ปล. ตามมาจากพันทิปค่ะ
สนุกมากค่ะ วิวที่เห็นมันช่างยิ่งใหญ่อลังการมากจริงๆ ค่ะ ลองหาโอกาสไปเล่นดูน้า
ครูฝึกที่ขึ้นไปบินด้วย สื่อสารภาษาอังกฤษได้ไหมครับ
ครูฝึกพูดภาษาอังกฤษได้ดีเลยครับ