ต้องมนต์ปราสาทปุยฝ้าย “ปามุคคาเล” เสน่ห์แห่งเมืองเดนิซลี

ต้องมนต์ปราสาทปุยฝ้าย “ปามุคคาเล” เสน่ห์แห่งเมืองเดนิซลี

Pamukkale, Denizli, Turkey

- May, 2018 -

โชคดีที่เราหยิบเอา “ความคาดหวัง” ออกจากกระเป๋าเดินทางตั้งแต่ตอนลงแผนว่าจะไปปามุคคาเล เพราะอ่านรีวิวมาจนลายตา หลายคนต่างบอกว่า ปามุคคาเล ไม่สวยเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว น้ำก็น้อย แถมหินปูนยังกะดำกะด่างอีกด้วย ฉะนั้นเราจึงไม่คาดหวังอะไรมากมายกับสถานที่แห่งนี้สักนิด คิดแค่ว่าเป็นเมืองที่ต้องไป เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของตุรกีเท่านั้น ทั้งๆ ที่ตอนเห็นรูปครั้งแรกถึงกับร้องว้าววว! พร้อมตั้งปณิธานว่าต้องไปยืนอยู่ในรูปภาพนั้นด้วยตัวเองให้ได้ด้วยซ้ำ ..

แต่ก็เพราะความไม่คาดหวัง .. ที่นอกจากจะทำให้เราไม่ต้องเผชิญความผิดหวังแล้ว ยังทำให้บางครั้ง เราได้พบเจอกับความรู้สึกที่เกินคาดอีกด้วย เพราะปามุคคาเลที่เราได้สัมผัสนั้นสวยงามเกินกว่าที่จิตนาการไว้มากกกกกก รวมไปถึงเมืองเดนิซลี (Denizli) ที่ตั้งของปามุคคาเล ก็เป็นเมืองที่น่ารักและเรียบง่าย เรียกว่ากลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ประทับใจที่สุดในทริปนี้ไปเลย ฉะนั้นโพสต์นี้จะมาขอป้ายยา โปรยเสน่ห์อันเหลือร้ายของปราสาทปุยฝ้ายแห่งนี้ต่อบ้าง เผื่อบางคนจะหลงๆ งงๆ เผลอกดจองตั๋วเครื่องบิน บินลัดฟ้าไปแอ่วตุรกี ดินแดนสองทวีปที่มีเสน่ห์กว่าที่คิดและไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เคยมองจากภายนอกเลยสักกะนิดเดียว : )




การเดินทาง

ปามุคคาเล ตั้งอยู่ในเมืองเดนิซลี ซึ่งอยู่ค่อนไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี ห่างจากอิสตันบูลประมาณเกือบ 600 กิโลเมตร ฉะนั้นหลายคนจึงเลือกเดินทางด้วยสายการบินภายในประเทศไปลงที่สนามบินในเมืองอิซเมียร์ (Adnan Menderes Airport) แล้วนั่งรถไฟ หรือรถบัสต่อไปยังปามุคคาเล ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงจากสนามบินอิซเมียร์ หรือจะนั่งรถบัสยาวมาจากอิสตันบูลก็ได้ ส่วนตัวเราเลือกเช่ารถขับ (อีกแล้วว) เพราะตั้งใจจะไปเที่ยวเมืองอื่นๆ ในบริเวณรอบๆ ด้วย

โดยทริปนี้เราบินไปลงที่สนามบินอิซเมียร์ด้วยสายการบิน Pegasus Airlines ซึ่งนับเป็นสายการบินโลว์คอสที่ได้รับความนิยมนำโด่งมาเป็นอันดับหนึ่งในตุรกีเลยทีเดียว เพราะราคาไม่แพง ยิ่งถ้าจองล่วงหน้านานๆ ด้วยแล้ว รับรองว่าจะกดได้ราคาที่ต้องตาลุกวาวทีเดียว แต่เราดันมาจองช่วงใกล้วันเดินทางแล้ว ฉะนั้นราคาที่กดได้ตอนนั้นคือ 1,400 บาท (ไป-กลับ) โดยบินไปถึงอิซเมียร์ตอน 12:20 น. จากนั้นก็ไปติดต่อรับรถที่จองไว้ผ่านเว็บไซต์ Rentalcars.com อีกเช่นเคย แต่คราวนี้เป็นการเช่ารถกับบริษัท GOLDCAR เช่าทั้งหมด 5 วัน ราคา 2,535 บาท (ไม่รวมประกัน) แต่พอไปถึงเคาน์เตอร์รับรถก็โดนขายของเพิ่มอีกเหมียนเดิม แล้วอิป้านี่ก็ตกเป็นทาสอีกเหมี๊ยนเดิมมม 5555 โดยเราซื้อประกันพร้อมกับอัพเกรดรุ่นรถเป็นรถคันใหญ่กว่าที่จองแล้วก็ประหยัดน้ำมันกว่า (เจ๊ที่เคาน์เตอร์รับรถแกโม้ว่าอย่างงั้น 555) ก็เลยเสียเพิ่มไปอีก 220 ลีรา (ประมาณ 1,500 บาท) ต้องมัดจำวงเงินในบัตรเครดิตไว้ 600 ลีรา ทั้งหมดจ่ายผ่านบัตรเครดิตที่เป็นชื่อเดียวกับคนขับเด้อ




อ่านวิธีการเช่ารถแบบละเอียดได้ที่นี่ > นอนถ้ำ ขับรถเที่ยว แชะรูปสุดเฟี้ยวที่ “เมืองคัปปาโดเกีย” <

สำหรับการรับรถที่สนามบินอิซเมียร์นั้นใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าที่ Kayseri แต่ที่นี่ไม่จำเป็นต้องให้หมายเลขโทรศัพท์เพื่อส่ง SMS มายืนยัน จะมีสิ่งที่ไม่ควรลืมแจ้งกับพนักงานก็คือเรื่องการขึ้นทางด่วน เพราะทางที่ขับไปปามุคคาเลต้องผ่านทางด่วน รวมไปถึงเส้นทางอื่นๆ ที่เราจะไปด้วย ซึ่งทางด่วนที่ตุรกีไม่ต้องหยุดเพื่อจ่ายตังค์ใดๆ ทั้งสิ้น แค่ขับช้าๆ แล้วผ่านไปได้เลย แต่ต้องเข้าให้ถูกช่อง โดยจะต้องขับผ่านช่องที่เขียนว่า HGS เด้อ ซึ่งจริงๆ พนักงานเขาก็จะถามเราอยู่แล้วว่าจะขึ้นทางด่วนไหม แล้วก็จะย้ำเตือนเราด้วยการโชว์รูปให้ดูอีกทีว่ายูต้องขับผ่านช่องนี้เท่านั้นนาจา

ส่วนการรับรถนั้นคล้ายกับที่ Kayseri คือต้องเดินไปหาที่ลานจอดรถเอง เพียงแต่ที่สนามบินอิซเมียร์นั้นทำกันเป็นล่ำเป็นสันกว่า เพราะมีหลายบริษัทมากกก เขาจะแบ่งชั้นลานจอดรถไว้สำหรับพวกรถเช่าโดยเฉพาะเลย แถมมีป้อมของตัวเองเสร็จสรรพ เราก็แค่เดินออกจากสนามบินแล้วข้ามถนนไปที่ลานจอดรถ เขาจะมีป้ายบอกชัดเจนเลยว่าตรงไหนเป็นชั้นสำหรับรถเช่า แล้วบริษัทที่เราเช่านั้นตั้งอยู่ตรงล็อคไหน ฉะนั้นไม่หลงแน่นอนเด้ออ



วิธีการเดินทางไปปามุคคาเลสำหรับคนที่ไม่เช่ารถขับ

1.นั่งเครื่องบินภายในประเทศมาลงที่สนามบินอิซเมียร์แล้วต่อรถบัส ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ราคา 39 ลีรา เช็คตารางเวลาได้ที่เว็บไซต์ www.pamukkale.com.tr
2.นั่งเครื่องบินภายในประเทศมาลงที่สนามบินอิซเมียร์แล้วต่อรถไฟไปลงที่เมืองเดนิซลี จากนั้นค่อยต่อมินิบัสหรือแท็กซี่ไปที่ปามุคคาเลอีกที ค่ารถไฟ 21 ลีรา รถไฟใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงกว่าๆ เด้อ
3.นั่งรถบัสยิงตรงมาจากอิสตันบูล ราคา 100 ลีรา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-11 ชั่วโมง เช็คตารางเวลาได้ที่เว็บไซต์ https://www.kamilkoc.com.tr/

แนะนำที่พัก และจุดถ่ายรูปในปามุคคาเล

หลังจากจัดการเรื่องเช่ารถเสร็จ เราก็ขับรถตรงจากอิซเมียร์ไปปามุคคาเลในวันนั้นเลย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ระหว่างทางมีจุดพักรถเป็นระยะ แวะซื้อของกินเติมพลังหรือเข้าห้องน้ำได้ตลอดทาง ระหว่างที่นั่งรถแล้วดูทัศนียภาพรอบๆ รู้สึกได้เลยว่ามันช่างแตกต่างจากที่คัปปาโดเกียจริงๆ บรรยากาศที่นี่ดูเป็นเมืองซัมเมอร์กว่า โดยเฉพาะถนนช่วงก่อนถึงปามุคคาเลเนี่ยสวยมากกกก เป็นวิวที่ไม่ได้จิตนาการภาพไว้ก่อนเลยว่ามันจะยิ่งใหญ่อลังการได้ขนาดนี้ นี่แหละมั้ง .. ความสนุกของ Road Trip มีโอกาสเจอวิวที่เซอร์ไพรส์เราได้ตลอดเส้นทาง : )

กองทัพต้องเดินด้วยท้อง คือวิถี Road Trip ของเรา ; p

เราขับรถไปถึงปามุคคาเลประมาณ 4-5 โมงเย็นได้ โชคดีที่เดือนพฤษภาคมเป็นช่วงเข้าฤดูร้อนแล้ว ฟ้ามืดช้ามาก พระอาทิตย์ตกประมาณ 2 ทุ่ม ฉะนั้นเวลา 5 โมงเย็น บรรยากาศจึงยังสว่างสดใสอยู่ เราก็เลยแว๊บเข้าไปเช็คอินยังที่พักในคืนนี้ก่อน ซึ่งเราเลือกพักที่โรงแรม Venus Hotel เป็นโรงแรมขนาดกลางๆ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับปามุคคาเลเลย แต่ราคาแจ่มมากก ราคาที่จองได้ตอนนั้นคือ 955 บาท (ต่อคืน) โดยจองผ่าน Booking.com ราคานี้รวมอาหารเช้าด้วยนา มีสระว่ายน้ำอีกต่างหาก เฮ้ย มันคุ้มค่ามาก แล้วห้องพักก็ไม่ได้กระจอกงอกง่อยเลย มีครบทุกอย่าง ทั้งแอร์ ทีวี ตู้เย็น ติดตรงที่ห้องน้ำเล็กไปหน่อยเท่านั้นเอง




เอาละ .. เก็บกระเป๋าเข้าห้องพักเสร็จก็ได้เวลาตรงปรี่ไปยังปราสาทปุยฝ้าย ซึ่งตอนแรกคิดไว้ว่าอาจจะไปไม่ทัน เพราะกะเวลาไม่ถูกว่าจะมาถึงเมื่อไร แล้วก็ไม่แน่ใจเรื่องเวลาปิดด้วย แต่มองนาฬิกา มองฟ้าแล้วเห็นว่ายังมีเวลา เอาวะ! ขับรถไปดูสักหน่อยจะเป็นไรไป อย่างน้อยถ้าเข้าวันนี้แล้วมีเวลาเที่ยวน้อย พรุ่งนี้เช้าก็ยังแวะมาเก็บตกได้อีก เพราะที่พักอยู่ใกล้จุดท่องเที่ยวมาก ขับรถประมาณ 5 นาทีเท่านั้นเอง โดยปามุคคาเลจะมีทางเข้า 2 ทางนะ คือด้านล่างกับด้านบน แนะนำว่าถ้าใครเช่ารถขับให้ขับขึ้นไปเข้าด้านบน (South Gate) จะดีกว่า เพราะจุดสวยๆ ที่เขาถ่ายรูปกันจะอยู่บนสุดเลย เห็นเพื่อนๆ ที่เคยไป เข้าทางด้านล่าง บ่นกันอุบว่าน้ำน้อย แล้วก็หาจุดถ่ายรูปยากด้วย ฉะนั้นเราว่าเข้าด้านบนเวิร์คกว่า แถมเข้ามาถึงก็จะเจอ นครโบราณเฮียราโปลิส เลยด้วย ส่วนค่าเข้านั้นเสียเท่ากัน คือคนละ 35 ลีรา มีค่าจอดรถอีกคันละ 5 ลีราเด้ออ

Tip : ปามุคคาเล เป็นภาษาตุรกี แปลว่า ปราสาทปุยฝ้าย เกิดจากการตกตะกอนของหินปูน เมื่อทำปฏิกิริยากับอากาศนานเข้าก็กลายเป็นแอ่งหินปูนสีขาว พร้อมกับธารน้ำใต้ดินสีฟ้าที่จะไหลเอ่อขึ้นมามากเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ส่วนฤดูร้อนเป็นช่วงน้ำแล้ง ฉะนั้นถ้าไปช่วงนั้น อาจจะเจอน้ำน้อย เห็นแค่แอ่งหินปูนสีขาว สำหรับการเดินเที่ยวภายในปามุคคาเล แนะนำว่าให้เตรียมถุงพลาสติกสำหรับใส่รองเท้าไปด้วย เพราะต้องถอดรองเท้าเดินบนหินปูน ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาความสวยงามของสถานที่แห่งนี้ให้อยู่คู่เมืองเดนิซลีไปอีกนานเท่านานนะ ^^ 

เรามาถึงปามุคคาเลประมาณ 6 โมงกว่าๆ ได้ เห็นที่เคาน์เตอร์ขายตั๋วเขียนเวลาปิดไว้ว่า 20:00 น. ก็สบายใจ เพราะยังมีเวลาอีกเกือบ 2 ชั่วโมงแน้ะ เลยตัดสินใจเข้าไปเก็บแสงเย็นวันนี้ซะเลย แต่บอกตามตรงว่าไม่ได้คาดหวังอะไรไว้ในหัวเลยว่าจะเจอภาพแบบไหน ไม่คิดมาก่อนว่าพระอาทิตย์ตกที่ปามุคคาเลจะสวยมากมายขนาดนี้ ยิ่งเจอสภาพอากาศย่ำแย่จากคัปปาโดเกียมาก่อนด้วย ก็เลยทำให้ความคาดหวังที่เคยมีนั้นกระจุยกระจายไปใหญ่ แต่พอเดินมาถึงจุดที่เขานิยมมาถ่ายรูปและดูพระอาทิตย์กันก็ทำเอายิ้มไม่หุบพร้อมกับกระหน่ำกดชัตเตอร์กันแบบรัวๆ .. เนี่ยแหละน้า ถูกที่ ถูกเวลา มันก็จะได้ความทรงจำที่สวยงามกลับไปแบบนี้ละ เนอะ : )

ฉะนั้นขอสรุปจากประสบการณ์ส่วนตัวว่า ปามุคคาเลนั้นยังคงมีความสวยงามอยู่ในแบบที่ควรจะเป็น เพราะเราไม่รู้ว่าแต่ก่อนที่นี่เคยสวยกว่านี้มากแค่ไหน จุดที่เราถ่ายรูปด้านบนน้ำยังเยอะอยู่ แล้วก็สามารถลงไปยืนแอ๊คท่าถ่ายรูปได้ พร้อมกับวิวเมืองที่ได้เห็นด้านหน้าก็ยิ่งใหญ่สวยงามไม่แพ้กัน ทำให้เราเผลอขลุกอยู่ที่นี่นาน จนเดินไปเที่ยวที่นครโบราณเฮียราโปลิสไม่ทันเลย ทำได้แค่ยืนถ่ายรูปอยู่ไกลๆ พร้อมกับนั่งซึมซับบรรยากาศแสงสุดท้ายของปามุคคาเล มนต์เสน่ห์แห่งเมืองเดนิซลีที่เรียบง่ายแต่งดงามเกินจิตนาการ

อ้อ ถ้าใครนกการนั่งบอลลูนจากที่คัปปาโดเกีย จะมานั่งที่นี่แทนก็ได้นะ เขาเคลมว่าราคาถูกกว่า แต่อาจจะไม่ได้ปล่อยขึ้นหลายลูกเหมือนที่คัปปาโดเกียเท่านั้นเอง เราเองก็นกบอลลูนจากที่นู้นมา พอรู้ว่าที่นี่ก็มี เลยรีบตื่นแต่เช้าออกไปถ่ายรูปบอลลูนอีกครั้ง แต่ไม่ได้ขึ้นนา เพราะเตรียมตัวเตรียมใจไม่ทัน 555 หรืออีกอย่างที่ฮิตพอตัวสำหรับการชมวิวที่ปามุคคาเลก็คือ ร่มร่อน หรือ Paragliding ทั้งหมดนี้สามารถสอบถามจากทางที่พักได้เลย เอาจริงๆ ก็แทบไม่ต้องถาม เพราะคนตุรกีเก่งเรื่องขายของอยู่แล้ว คุณจะโดนขายทัวร์ตั้งแต่ตอนเช็คอินกันเลยทีเดียวล่ะ 5555 ฉะนั้นถ้าไม่อยากซื้ออะไรต้องใจแข็งแล้วหัดปฏิเสธไว้ให้ชินปากเด้อออ ^^



" .. Don't listen to what they say, go see! .. "




Niichiiz *
Niichiiz *http://www.movearound-journey.com
IG : https://www.instagram.com/niichiiz13

Related Stories

Discover

เที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ 3 วัน 2 คืน ในนางาซากิ คิวชู

เราเคยไปเที่ยวคิวชูมาทั้งหมดสามครั้ง แต่ไม่เคยเห็นนางาซากิอยู่ในสายตา ล่าสุดเลยลองแวะไปนอนเล่นสัก 2-3 คืน ไปแบบไม่มีแผนเที่ยว อะไรในหัว นอนตื่นสายๆ เดินเล่นไปเรื่อยๆ เปื่อยๆ เมื่อยก็ขึ้นรถราง กระโดดขึ้นรถเมล์บ้าง ถ่ายรูปบ้านเมืองที่ลดหลั่นเป็นเอกลักษณ์ หาคาเฟ่นั่งพักกินกาแฟแล้วเดินเล่นต่อ...

ไอเดียเที่ยวเกียวโต 2 วัน 1 คืน เดินทางชิลๆ เปลี่ยนฟีลจากโอซาก้า

เกียวโต เมืองหลวงเก่าแห่งวัฒนธรรมของภูมิภาคคันไซ ได้ลองไป เที่ยวเกียวโต อีกครั้งก็ยังชอบ เพราะเป็นเมืองที่มีเสน่ห์มากจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักท่องเที่ยวถึงแน่นมหาศาลตลอดกาล เพราะมีดีทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรมเลย เรามีโอกาสได้ลองไปเที่ยวเกียวโตมาสองฤดู คือ ช่วงซากุระ และใบไม้เปลี่ยนสี สวยได้ฟีลคนละแบบเลยค่ะ แต่อากาศใกล้เคียงกันอยู่นะ...

นั่งรถไฟเที่ยว Kamakura-Enoshima อีกหนึ่งที่เที่ยวใกล้โตเกียวที่มองเห็นฟูจิซัง!

ใครกำลังมองหาที่เที่ยวใกล้โตเกียว ลองจัดแพลนชิลๆ สักครึ่งวัน นั่งรถไฟไปเที่ยวจังหวัดคานางาวะ (Kanagawa) กันดีกว่า ฟังจากชื่ออาจจะไม่ค่อยคุ้นหูใช่ไหมคะ แต่อันที่จริง คานางาวะคือจังหวัดที่หลายคนคุ้นเคยมากเลยนะ เพราะคานางาวะเป็นจังหวัดที่ตั้งของเมืองฮาโกเน่ (Hakone) และโยโกฮามา (Yokohama) สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของญี่ปุ่นนั่นเอง...

Mojiko Retro เมืองท่าบรรยากาศยุโรป อีกหนึ่งเมืองถ่ายรูปสวยในคิวชู

ใครที่กำลังมองหาแพลนเที่ยว One Day Trip ชิลๆ จากฟุกุโอกะ แนะนำให้ปักหมุดที่เมืองนี้เลยค่ะ Mojiko Retro เมืองท่าที่บรรยากาศโรแมนติกแบบเกินเบอร์! ตั้งอยู่ในเมืองคิตะคิวชู (Kitakyushu) ซึ่งอยู่ห่างจากฟุกุโอกะเพียงนิดเดียวเท่านั้น สามารถนั่งรถไฟมาเที่ยวแบบเช้า...

รวม 9 มุมถ่ายรูปภูเขาไฟฟูจิ แบบสวย Unseen ไม่ซ้ำใคร

เคยมีคำถามกับตัวเองตอนไปญี่ปุ่นครั้งแรกว่า “ทำไมคนเขาถึงตื่นเต้นกับภูเขาไฟฟูจินักหนานะ” ถึงกับพูดกันปากต่อปากว่า ถ้าไปญี่ปุ่นครั้งแรกแล้วได้เห็นฟูจิซัง ก็จะได้ไปญี่ปุ่นซ้ำอีก ทำไมภูเขาไฟลูกนี้ถึงสำคัญกับคนญี่ปุ่นมากขนาดยกให้เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่เปรียบเสมือนศูนย์รวมพลังใจของประเทศญี่ปุ่น .. เราไม่เคยเข้าใจ จนกระทั่งได้ไปเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วยตาตัวเอง จากคนที่เคยมีคำถามมากมายในวันนั้น รู้สึกตัวอีกที เราก็กลายมาเป็นคนที่ตามล่าหามุมถ่ายรูปภูเขาไฟฟูจิแบบ Unseen เหมือนช่างภาพคนญี่ปุ่นบางคนที่ทุ่มเททั้งชีวิตถ่ายแต่รูปฟูจิซังแล้วล่ะโพสต์นี้ก็เลยอยากมาแชร์...

วิธีลงทะเบียน Visit Japan Web แบบละเอียด พร้อมอัพเดทขั้นตอนเข้าประเทศญี่ปุ่น

กลับมาทวงบัลลังก์ "ประเทศในฝันของคนไทย" หลังจากเริ่มกลับมาเปิดประเทศและเปิดฟรีวีซ่าให้คนไทยอีกครั้ง "ญี่ปุ่น" ก็กลายเป็นประเทศที่หลายคนปักหมุดไว้อย่างรวดเร็ว! แต่ถึงแม้ว่าจะกลับมาเปิดฟรีวีซ่าให้คนไทย 15 วัน เหมือนเดิม แต่ก็มีอะไรที่เพิ่มเติมมาจากเดิมเยอะเลยนะ โพสต์นี้เราก็เลยจะมาอัพเดทมาตรการการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นหลังกลับมาฟรีวีซ่าให้แบบละเอี๊ยดละเอียด ทุกขั้นตอนแบบ Step by...

Popular Categories

Comments

  1. เพิ่งกลับมาจากตุรกีด้วยการเป็นทางผ่านต่อเครื่อง มีโอกาสเที่ยวแค่อิสตันบูล แต่ถึงกับหลงรักเลยค่ะ เก๋วจะไปใหม่

    • หลงรักเมืองอิสตันบูลเหมือนกันครับ มีเวลาอยู่ที่นี่แค่สองวันเองเลยเที่ยวได้ไม่กี่ที่ ไว้มีโอกาสจะกลับไปเหมือนกันค้าบ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่