แผนเที่ยว “นิกโก” ต้นฤดูหนาว ถึงหิมะยังไม่ขาว แต่ก็ได้ฟีลนะ

แผนเที่ยว "นิกโก" ต้นฤดูหนาว แม้หิมะยังไม่ขาว แต่ก็ได้ฟีลนะ

One Day Trip in Nikko

- October, 2017 -

Open_Nikko_Web

เวลามีคนมาปรึกษาว่าอยากเที่ยวญี่ปุ่นคุ้มๆ ต้องทำยังไง เราจะแนะนำให้เดินทางช่วงรอยต่อของฤดูกาล เช่น ช่วงปลายพฤศจิกายนถึงต้นธันวาคม เพราะถ้าวางแผนดีๆ หน่อย ก็จะมีโอกาสได้สัมผัสกับสองบรรยากาศ ทั้งใบไม้เปลี่ยนสี และหิมะโปรยปราย ครั้งนี้เลยเอาไอเดีย แผนเที่ยว “นิกโก” โซนธรรมชาติ ช่วงต้นฤดูหนาวมาแบ่งปัน เพราะเป็นทริปที่มีโอกาสได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีบริเวณสถานีรถไฟ และเจอหิมะตกบนภูเขาด้วย ขอเกริ่นเพิ่มเรียกแขกก่อนว่า “นิกโก” ถือได้ว่าเป็นเมืองมรดกโลก เพราะอัดแน่นด้วยสถานที่สวยงามศักดิ์สิทธิ์ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ถ้ายังว้าวไม่พอ จะขอเกริ่นเพิ่มอีกว่า คนญี่ปุ่นเขานิยามเมืองนิกโกว่า “Nikko is Nippon” ซึ่งหมายความตรงตัวเลยว่าสถานที่แห่งนี้เป็นเมืองที่แทนนิยาม “ความเป็นญี่ปุ่น” ได้อย่างตรงตัวที่สุดแล้ว ฉะนั้นถ้าอยากสัมผัสกลิ่นอาทิตย์อุทัยอย่างแท้จริงก็ไม่ควรมองข้ามเมืองนิกโกนะ ที่สำคัญนิกโกยังตั้งอยู่ไม่ไกลจากโตเกียว ฉะนั้นจะจัดแผนเป็น One Day Trip หรือนอนพักค้างคืนก็ย่อมได้ เกริ่นขนาดนี้ พร้อมจะเก็บกระเป๋าเดินทาง แล้วไปเที่ยวหนาวๆ แบบได้ฟีลด้วยกันหรือยัง : )

รู้จักเมืองนิกโก (Nikko) สักเล็กน้อย

❤️  นิกโก เป็นเมืองที่อัดแน่นด้วยคุณภาพคับแก้ว ตั้งอยู่ในจังหวัดโทะชิงิ ทางตอนเหนือของโตเกียว ห่างไปประมาณ 140 กิโลเมตรเท่านั้นเอง ฉะนั้นคนที่มาเที่ยวโตเกียวจึงนิยมจัดเป็น One Day Trip ไปเที่ยวแบบเช้า – เย็นกลับ แต่นิกโกไม่ใช่เมืองที่เล็กถึงขั้นเที่ยวครบจบในหนึ่งวัน เพราะถูกแบ่งเป็นสองโซน คือ โซนมรดกโลก และโซนธรรมชาติ เราเลยแนะนำว่าถ้าอยากเที่ยวให้ครบ ควรนอนค้างสักคืนจะดีกว่า ส่วนใครที่มีเวลาไม่มาก แล้วอยากเที่ยวแค่หนึ่งวัน ก็ควรเลือกว่าจะเที่ยวโซนมรดกโลกหรือโซนธรรมชาติ เพราะการเที่ยวทั้งสองโซนภายในวันเดียวนั้นทำได้ยาก ถึงจะทำได้ ก็อาจจะกลายเป็นชะโงกทัวร์ จะทำให้เที่ยวได้ไม่เต็มอิ่มเอาน้า

❤️  สำหรับแผนนี้ เราจะพาไปเที่ยวโซนธรรมชาติ ซึ่งอยู่บนภูเขา ต้องนั่งรถบัสขึ้นไปสูงและเสียวไส้พอสมควร สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในโซนนี้ คือ น้ำตกเคะงน (Kegon Falls) และทะเลสาบชูเซ็นจิ (Lake Chuzenji) ซึ่งความจริงแล้วจะสวยงามมากช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี แต่เราไปตอนที่เลยช่วงพีคมาแล้ว ใบไม้ร่วงไปหมดแล้ว เลยมีโอกาสได้เจอหิมะตกแทน ซึ่งมันก็สวยและได้ฟีลไปอีกแบบนะ ^^



รู้ไว้สักนิด ก่อนคิดเที่ยวญี่ปุ่นช่วงฤดูหนาว

ก่อนพาไปเริ่มแผนเที่ยวพาทัวร์นิกโกโซนธรรมชาติช่วงต้นหนาว เราขอแนะนำวิธีเตรียมตัวเที่ยวญี่ปุ่นช่วงฤดูหนาวกันสักหน่อย เพราะเป็นช่วงที่ต้องมีการเตรียมตัวมากกว่าฤดูอื่นๆ พอสมควร รับรองว่ารู้ไว้สักนิดจะทำให้ทริปนี้เพอร์เฟคอย่างแน่นวล : )

nikko-graphic-web2

❤️   ช่วงฤดูหนาว ท้องฟ้าจะมืดเร็วกว่าปกติ
ช่วงฤดูหนาว ท้องฟ้าที่ญี่ปุ่นจะมืดเร็วกว่าฤดูกาลอื่นมาก ประมาณ 4-5 โมงเย็น ท้องฟ้าก็เริ่มสิ้นแสงแล้ว ฉะนั้นควรเผื่อเวลาในการเที่ยวให้มากกว่าเดิม เช่น ออกเดินทางให้เช้าขึ้น แล้วอย่าลืมว่าท้องฟ้ามืดเร็ว ร้านรวง หรือแม้แต่สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็จะปิดเร็วขึ้นด้วยนะ

❤️   หมั่นตรวจเช็คพยากรณ์อากาศในแต่ละวัน
การตรวจเช็คพยากรณ์อากาศก่อนทุกครั้งจะทำให้สามารถกะเกณฑ์แผนเที่ยวของเราได้ โดยเฉพาะช่วงรอยต่อของฤดูจะมีฝนตกมากกว่าปกติ หรือบางเมืองในหุบเขาอาจมีหิมะตกเลยด้วยซ้ำ เวลาหนาวมากๆ แล้วเครื่องไม้เครื่องมือในการป้องกันไม่พร้อมเนี่ย มันทำให้ความสนุกในการเที่ยวลดลงไปเยอะพอสมควรเลยนา

❤️   เตรียมตัว เตรียมเสื้อผ้า และอุปกรณ์กันหนาว ตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง
เมื่อกาปฏิทินแล้วว่าจะไปเที่ยวช่วงฤดูหนาว ควรเตรียมเสื้อผ้า และอุปกรณ์กันหนาวไปให้พร้อมสรรพ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อแขนยาว กางเกง เสื้อกันหนาวแบบต่างๆ รวมไปถึงฮีทเทค ลองจอน และถุงเท้า ถุงมือ จัดไปแบบเต็มๆ อย่าได้อาย คนไทยอย่างเราไม่คุ้นหนาว อยากจะบอกว่าถ้าเจอหนาวมากๆ นี่มันโหดไม่แพ้ความเหงาเลยนะ ; p

❤️   ประกันการเดินทางสำคัญที่สุด และไม่ควรมองข้าม
เดี๋ยวนี้เราเน้นเที่ยวประหยัดกันซะจนเผลอมองข้ามสิ่งที่สำคัญที่สุดไป นั่นคือ “ประกันการเดินทาง” อยากให้ลืมความคิดว่าเอาเงินค่าประกันไปใช้ช็อปปิ้งดีกว่า เพราะเรื่องฉุกเฉินมันไม่เลือกเวลาเกิด ถึงจะมีโอกาสเกิดน้อยแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเกิดน้า ฉะนั้นอย่าเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่ายเลย โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว อุบัติเหตุต่างๆ เกิดง่ายกว่าช่วงอื่น เรื่องสุขภาพก็สำคัญ เพราะคนไทยอย่างเราคุ้นชินกับอากาศร้อน พอไปเจออากาศหนาวๆ แบบเลขตัวเดียว อาจมีป่วยกันได้ง่ายๆ ที่สำคัญ การไปป่วยที่ต่างแดน มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวกว่าที่คิดมาก (เจอมาแล้วกับตัว T^T) ฉะนั้นการซื้อประกันดีๆ ไว้สักตัวจะทำให้เราอุ่นใจขึ้น

สำหรับแผนเที่ยวญี่ปุ่นเราแนะนำ SOMPO นะ เพราะมีแผนประกันภัย Go Japan ซึ่งตรงตัวอยู่แล้วว่าเป็นประกันภัยสำหรับคนที่เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น ข้อดีคือ ถ้าเกิดเจ็บป่วยที่ญี่ปุ่นขึ้นมา เราสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือฉุกเฉินกับ Sompo Assist ได้ 24 ชั่วโมงเลย แถมไม่ต้องห่วงเรื่องภาษาด้วย เพราะมีคนคอยประสานงานกับทางโรงพยาบาลให้ ที่สำคัญที่สุดก็คือ * แผน Go Japan ไม่ต้องสำรองจ่ายเฉพาะ รพ.ในเครือ ในประเทศญี่ปุ่น เมื่อติดต่อผ่าน Sompo Assist * ทาง SOMPO จะดูแลค่าใช้จ่ายตามวงเงินประกันภัยของเราให้ทั้งหมด แถมยังคุ้มครองไปถึงเรื่องฉุกเฉินอื่นๆ เช่น กระเป๋าเดินทางเสียหาย หรือเที่ยวบินล่าช้าอีกด้วย ใครมองหาประกันการเดินทางสำหรับแผนเที่ยวญี่ปุ่นอยู่ คลิกไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ SOMPO Go Japan หรือติดต่อไปปรึกษา สอบถามก่อนก็ได้ ที่ Facebook SOMPO / Line : @SompoThailand หรือกริ๊งกร๊างไปเลยที่เบอร์ 02-119-3088 จ้า

❤️   อย่าลืมเตรียมหยูกยาต่างๆ ไปให้พร้อม
ยารักษาโรคต่างๆ ควรติดกระเป๋าไปด้วยทุกครั้ง เพราะถ้าเกิดเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ เช่น ปวดหัว หรือปวดท้อง จะได้ไม่ต้องสาละวนไปค้นหาร้านขายยา อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลเรื่องภาษาญี่ปุ่นที่ยึกยืออยู่บนฉลากด้วย โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัว ต้องห้ามลืมเด็ดขาด ท่องไว้เสมอว่า “กันไว้ดีกว่าแก้” นะจ๊ะ ^^




วางแผนการเดินทางและการใช้พาส

การเดินทางไปนิกโกจากโตเกียวสามารถเลือกได้หลายทาง โดยอิงจากการเลือกใช้พาสด้วย หลังจากนั่งรถไฟถึงเมืองนิกโกแล้ว จะต้องเปลี่ยนมาใช้บริการรถบัสในการเดินทางไปยังจุดหมายตามโซนต่างๆ ส่วนจะเลือกเดินทางไปนิกโกด้วยวิธีไหน ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคนเลย (วิธีการด้านล่าง เราตั้งต้นจากสถานี Ueno น้า)

1⃣  นั่งรถไฟ Shinkansen Yamabiko จากสถานี JR Ueno ลงสถานี JR Utsunomiya แล้วต่อรถไฟสาย JR Nikko Line ลงสถานี JR Nikko จากนั้นต่อรถบัสไปเที่ยวต่อตามโซนที่ต้องการ

ใช้เวลา : 1 ชั่วโมง 40 นาที
⌨️ ค่าเดินทาง : ไม่จองที่นั่งชินคันเซ็น 4,850 เยน / จองที่นั่ง 5,370 เยน
✍️ 
เหมาะสำหรับ : คนที่มี JR Pass เพราะค่าชินคันเซ็นไป – กลับ ค่อนข้างแพงเลยทีเดียว สำหรับใครที่ไม่มี JR Pass ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ อาจพิจารณาในการซื้อ JR Tokyo Wide Pass 3 วัน ราคา 10,000 เยน ซึ่งสามารถใช้ขึ้นรถไฟ JR (รวมชินคันเซ็น) ในเขตรอบๆ โตเกียว รวมถึงในโตเกียวได้ไม่จำกัดเที่ยวเป็นเวลา 3 วัน สังเกตค่าเดินทางไป – กลับนิกโก ถ้าจองที่นั่งก็เกิน 10,000 เยนแล้ว ฉะนั้นซื้อพาสนี้คุ้มกว่าแน่นอนแล้วยังสามารถใช้ไปเที่ยวอื่นได้ในอีกสองวันที่เหลือได้อีกด้วย

 

2⃣  นั่งรถไฟ JR Utsunomiya Line จากสถานี JR Ueno ลงสถานี JR Utsunomiya แล้วต่อรถไฟสาย JR Nikko Line ลงสถานี JR Nikko จากนั้นต่อรถบัสไปเที่ยวต่อตามโซนที่ต้องการ

ใช้เวลา : 2 ชั่วโมง 30 นาที
⌨️ ค่าเดินทาง : 2,590 เยน
✍️ 
เหมาะสำหรับ : คนที่อยากประหยัดขึ้นมาอีกนีส แต่อันที่จริง JR Pass ทั้งแบบครอบคลุมทั่วประเทศ และ JR Tokyo Wide Pass ก็สามารถใช้กับเส้นทางนี้ได้เช่นกัน แต่ถ้าถือพาสทั้งสองแบบแล้ว แนะนำว่าใช้วิธีแรก นั่งชินคันเซ็นจะเร็วกว่ามาก เพราะยังไงก็ได้ขึ้นฟรีอยู่แล้ว เราต้องไม่ยอมขาดทุนเนาะ ^^

 



3⃣  นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro Hibiya Line จากสถานี Ueno ลงสถานี Kita-Senju แล้วต่อรถไฟ Tobu Line ลงสถานี Tobu-Nikko สถานีนี้ตั้งอยู่ห่างจากสถานี JR Nikko แค่นิดเดียว จากนั้นต่อรถบัสไปเที่ยวต่อตามโซนที่ต้องการ

ใช้เวลา : 2 ชั่วโมง
⌨️ ค่าเดินทาง : 2,970 เยน
✍️ 
เหมาะสำหรับ : คนที่ไม่มี JR Pass และไม่อยากซื้อ Pass ของ JR เพราะต้องการประหยัด

 

4⃣  ใช้ Nikko All Area Pass ในการเดินทาง คุณสมบัติของพาสนี้ คือ สามารถใช้นั่งรถไฟของ Tobu จากสถานี Asakusa ถึงเมืองนิกโก้ได้แบบไป – กลับ แล้วยังใช้นั่งรถบัสเที่ยวภายในเมืองนิกโกได้ไม่จำกัดรอบ รวมถึงมีส่วนลดในการเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ด้วย ฉะนั้นจึงเรียกได้ว่าเป็นพาสที่เหมาะสำหรับคนเที่ยวนิกโกโดยแท้ แต่ถ้าอยากใช้ให้คุ้มก็ไม่ควรเที่ยวแค่หนึ่งวัน เพราะพาสนี้มีอายุการใช้งาน 4 วัน 3 คืนเลย เหมาะสำหรับคนที่ค้างพักคืนที่เมืองนิกโกแล้วอยากเที่ยวให้ครบทุกโซนมากกว่า

⌨️ ราคาพาส : เม.ย. – พ.ย. 4,520เยน / ธ.ค. – มี.ค. 4,150 เยน
✏️ รายละเอียดเพิ่มเติม : คลิก >
 Nikko All Area Pass

 

การเดินทางและพาสที่ใช้สำหรับท่องเที่ยวในเมืองนิกโก้

ไม่ว่าจะเดินทางจากโตเกียวมาด้วยวิธีไหน เมื่อถึงเมืองนิกโกแล้ว เราจะต้องเปลี่ยนจากนั่งรถไฟมานั่งรถบัสแทน สำหรับคนที่ถือ Nikko All Area Pass ก็ใช้บัตรนี้เบ่งขึ้นรถบัสได้เลย แต่สำหรับคนที่มาเที่ยว One Day Trip แบบเราตามแผนนี้ จะต้องซื้อพาสของรถบัส หรือจะสะดวกจ่ายเป็นรอบก็ได้ แต่เราว่าซื้อพาสไปเลยคุ้มกว่า เพราะค่ารถบัสจากสถานีรถไฟไปถึงบริเวณด้านบน (Lake Chuzenji) ราคาเที่ยวละ 1,150 เยน ไป – กลับ ก็ 2,300 เยน เข้าไปแล้ว แต่พาสรถบัสสำหรับใช้ในเส้นทางของแผนนี้ คือ Chuzenji Onsen Free Pass ราคา 2,000 เยน ทั้งยังใช้ขึ้นรถบัสได้ไม่จำกัดเที่ยวภายใน 2 วันอีกด้วย คุ้มกว่าเห็นๆ ^^

ทริปนี้เราเดินทางช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนธันวาคม บริเวณด้านล่างตรงสถานีจึงยังพอมีใบไม้เปลี่ยนสีให้เห็นพอชื่นใจอยู่บ้าง

สถานีรถไฟ JR Nikko สำหรับคนที่เดินทางมาด้วยรถไฟ JR (คลาสสิกเนอะ)

สถานี Tobu-Nikko สำหรับคนที่เดินทางมาด้วยรถไฟ Tobu Line ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานี JR Nikko เคาน์เตอร์ขายตั๋วรถบัสจะอยู่ในสถานีนี้นะ

ซื้อพาสรถบัสได้ที่นี่เลย ใครยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเที่ยวโซนไหน ด้านในมีเจ้าหน้าที่คอยให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วย

ซื้อพาสรถบัสเสร็จก็เดินไปรอขึ้นรถบัสได้เลย ป้ายรถบัสอยู่ข้างๆ สถานีรถไฟนี่เอง อ้อ อย่าลืมติดตารางเวลาของรถบัสจากเคาน์เตอร์มาด้วยน้า

ระหว่างรอรถบัส แวะซดราเม็งอุ่นๆ ก่อนได้นะ มีร้านอาหารตั้งเรียงรายอยู่รอบบริเวณ




เตรียมตัวพร้อมแล้วก็ไปเที่ยวกันเลย!

อย่างที่เกริ่นไว้ว่าแผนนี้เราจะพาไปเที่ยวโซนธรรมชาติกัน โดยเส้นทางของสถานที่ท่องเที่ยวในโซนนี้จะมีเด่นๆ อยู่ 3-4 จุด คือ สะพานแดงชินเคียว (Shinkyo Bridge) ซึ่งนับว่าเป็นแลนด์มาร์กของนิกโกก็ว่าได้ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ นั่งบัสแค่แป๊บเดียวเท่านั้น แต่เราไม่ได้แวะน้า แค่นั่งรถผ่านเฉยๆ ส่วนจุดอื่นๆ จะอยู่บนภูเขา ต้องใช้เวลาในการเดินทางขึ้นไปพอสมควรเลย ฉะนั้นอย่าลืมเผื่อเวลาตรงนี้กันด้วย เอาละ… เรามาดูกันเลยว่านิกโก โซนธรรมชาติ มีอะไรน่าสนใจ น่าเที่ยว น่าแวะบ้าง

Akechidaira Ropeway

หลังจากนั่งรถบัสผ่านเส้นทางคดเคี้ยวขึ้นเขามาให้พอเสียวไส้ ก็จะถึงจุดขึ้นชมวิวด้วยกระเช้าลอยฟ้าอะเคจิไดระ ซึ่งหลังจากขึ้นไปถึงจุดชมวิวแล้ว จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันอลังการของนิกโกได้แบบเต็มตาเลย จากจุดชมวิวจะเห็นภาพมุมสูงของน้ำตกเคะงน (Kegon Falls) ด้วย แต่เราไม่ได้ขึ้น (แง) เพราะเขาปิด T^T ก็เลยเดินเล่นที่สถานีกระเช้าลอยฟ้า ถ่ายรูปน้องลิง รอรถบัสเพื่อไปยังจุดหมายต่อไป

✍️ วิธีการเดินทาง : หลังจากลงรถไฟ เดินเข้าไปซื้อพาสรถไฟได้ในสถานี Tobu-Nikko แล้วไปขึ้นรถบัสที่ Tobu Nikko Ekimae Bus Terminal ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟเลย ขึ้นรถบัสสีขาวสาย 2A ลงป้ายที่ 23 Akechidaira

 

Akechidaira-3

จากตรงนี้ จะมองเห็นเส้นทางเลี้ยวลดคดเคี้ยวที่รถบัสวิ่งผ่านมาด้วย เอาจริงๆ ระหว่างทางมันก็เสียวไส้ไม่น้อยเลยนะ

Akechidaira-2

ไม่ได้ขึ้นกระเช้า เอาเงินมาช็อปปิ้งแทนก็ล้ายย ; P

Akechidaira-1



Kegon Falls

น้ำตกเคะงน (Kegon Falls) นับว่าเป็น 1 ใน 3 ของน้ำตกที่สวยที่สุดในแดนปลาดิบ ตั้งอยู่ในอาณาเขตของอุทยานแห่งชาตินิกโก อันที่จริงฤดูกาลท่องเที่ยวพีคๆ ของน้ำตกเคะงนคือช่วงใบไม้เปลี่ยนสี แต่ถ้าไปช่วงกลางฤดูหนาวที่อากาศหนาวจัดก็อาจจะได้เห็นน้ำตกที่แข็งตัวจนกลายเป็นน้ำแข็ง ส่วนเราไปช่วงต้นหนาว ก็เลยได้สัมผัสหิมะที่หล่นร่วงโปรยปรายมาแทน ตัวน้ำตกอาจจะไม่สวยเท่ากับฤดูกาลอื่น แต่เราว่ามันยิ่งใหญ่อลังการมากนะ เพราะสามารถลงลิฟท์ไปดูน้ำตกจากทางด้านล่างได้ด้วย (นับถือพี่ท่านจริงๆ ขนาดน้ำตกยังมีลิฟท์ สมเป็นแดนปลาดิบ ชาบูจ้า) จุดชมน้ำตกด้านล่างหนาวมากกกก เพราะมีละอองน้ำกระเด็นมาตลอด ประกอบกับหิมะที่ร่วงโปรยปรายลงมาเรื่อยๆ จนมือแข็ง กดชัตเตอร์แทบไม่ลง ฉะนั้นใครไปช่วงฤดูหนาวอย่าลืมพกถุงมือไปด้วยน้า มันจำเป็นมากจริงๆ

✍️ วิธีการเดินทาง : รถบัสลงป้ายที่ 24 Chuzenji Onsen

ทันทีที่ขาก้าวลงจากรถบัส หิมะก็โปรยปรายเป็นการต้อนรับ ตอนอยู่ข้างล่างยังเจอใบไม้เปลี่ยนสีอยู่เลยย

ลิฟท์สำหรับลงไปชมน้ำตกจากด้านล่าง เสียค่าลง 550 เยน ถ้าใครไม่อยากเสียตังค์ก็สามารถถ่ายรูปน้ำตกจากด้านบนได้จ้า




Lake Chuzenji

หลังจากดูน้ำตกเคะงนเสร็จ เดินไปอีกนิดหน่อยจะเจอทะเลสาบชูเซ็นจิ ซึ่งปกติจะสวยงามวาววับเป็นประกาย สามารถลงไปปั่นเรือเป็ดหรือล่องเรือชมความงามของทะเลสาบได้ แต่ขณะนั้นหิมะตกหนักจนปากสั่น เป็นที่รู้กันว่ายามหิมะตก บรรยากาศจะมืดฟ้ามัวดิน ตอนที่ดูหนัง ดูภาพยนตร์ บรรยากาศหิมะตกมันช่างโรแมนติกเหลือเกิน แต่ในความเป็นจริง หิมะมันก็คือฝนที่เย็นจนเยือกแข็งนั่นเอง ฉะนั้นพอมันหล่นแหมะลงบนหัว บนตัว มันก็จะเปียก ไม่ต่างอะไรจากโดนเม็ดฝนเลย ฉะนั้นบรรยากาศทะเลสาบชูเซ็นจิของเราจึงได้ฟีลเหงาๆ มาแทน แต่เอาเข้าจริง สำหรับคนที่ไม่ได้เจอบรรยากาศหนาวๆ แบบนี้บ่อยๆ เรากลับรู้สึกว่ามันได้ฟีลไปอีกแบบนะ ทั้งนี้ทั้งนั้น การเตรียมตัวให้พร้อมจะช่วยได้มาก ถ้าร่างกายอบอุ่นพอ มีอุปกรณ์กันหนาวพร้อม ถึงอากาศจะหนาวแค่ไหนแต่ถ้าใจสู้ มันก็พร้อมลุยอยู่ดี เนอะ! ^^

" .. One's destination is never a place, but a new way of seeing things .. "
Niichiiz *
Niichiiz *https://movearound-journey.com
IG : https://www.instagram.com/niichiiz13

Related Stories

Discover

รีวิว ซัวเถา (Shantou) กิน เที่ยว มู รับเฮงปีมังกร 3 วัน...

ยินดีกับนักท่องเที่ยวไทยทุกคนที่กำลังจะมีประเทศฟรีวีซ่าให้เที่ยวเพิ่มอีกหนึ่งประเทศแล้ววว นั่นก็คือ “ประเทศจีน” นั่นเอง โพสนี้ก็เลยจะขอพาไปเปิดม่านเมือง "ซัวเถา" บ้านเกิดของคนไทยเชื้อสายจีนในอดีตที่โล้สำเภาเดินทางแบบเสื่อผืนหมอนใบมาตั้งรกรากในประเทศไทย จะขอพาไป กิน เที่ยว มู ในเมืองซัวเถา และแต้จิ๋ว หนึ่งในที่เที่ยวเมืองจีนที่เหมาะสำหรับคนที่เริ่มต้นเที่ยวเมืองจีนด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกแบบเราที่สุด...

รีวิว Sea Season Pool Villas ที่พักสวยติดทะเลพัทยา

วันหยุดว่างๆ ทีไร เราล่ะชอบพาตัวเองไปพักผ่อนชิลๆ ที่พัทยามากจริงๆ อาจเพราะเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปไม่ไกล ก็ได้นั่งมองทะเลสวยๆ แล้ว โพสนี้ก็เลยอยากมารีวิวที่พักติดทะเลพัทยาที่เพิ่งไปมาแล้วชอบมากอย่าง Sea Season Pool Villas Pattaya...

รีวิว เซี่ยงไฮ้ (Shanghai) อัพเดทมุมถ่ายรูปชิค

นี่คือการมาเที่ยว “เซี่ยงไฮ้” ประเทศจีน เป็นครั้งแรกในชีวิตของเรา อยากจะบอกว่าเปิดมุมมองมากกก เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองไวบ์ดีกว่าที่คิด ไลฟ์สไตล์ของที่นี่ก็ชิลสุดอะไรสุด บ้านเมืองสะอาดสะอ้าน มีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะ ที่สำคัญคือเป็นประเทศจีนที่เที่ยวง่ายมากค่ะ มีรถไฟใต้ดินหลายสาย การเดินทางไม่ซับซ้อน คนจีนที่นี่ส่วนใหญ่สื่อสารภาษาอังกฤษง่ายๆ...

แผนเที่ยวฟุกุอิ (Fukui) ดื่มด่ำธรรมชาติ ย่ำรอยประวัติศาสตร์ ในเมืองสุดอันซีนของญี่ปุ่น

แผนเที่ยวฟุกุอิ เล่มนี้ จะพาคุณนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปสูดกลิ่นอายอดีต ย่ำรอยประวัติศาสตร์ที่น่าค้นหาของแดนปลาดิบ พร้อมดื่มด่ำกับธรรมชาติให้ฉ่ำปอด ในจังหวัดสุดอันซีนที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทรงเสน่ห์อย่าง ‘ฟุกุอิ’ ฟุกุอิ เป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์หลายหลากซุกซ่อนไว้อย่างคาดไม่ถึง ที่นี่เป็นที่ตั้งของศูนย์กลางการวิจัยฟอสซิลไดโนเสาร์ ซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง ‘Fukui Prefectural Dinosaur Museum’...

รีวิว ZHotel The Somekh Building โรงแรมสวยใน “เซี่ยงไฮ้”

ใครที่กำลังแพลนไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ แล้วอยากหาที่พักสวยๆ ได้ไวบ์ยุโรป มาที่นี่เลยค่ะ ZHotel The Somekh Building มีมุมระเบียงที่ถ่ายรูปสวยมองเห็น "หอไข่มุก" ที่เป็นแลนด์มาร์คด้วย ที่นี่ตั้งอยู่ภายในย่าน The Bund...

วิธีกรอกใบตม. ขาเข้าประเทศจีน (China Arrival Card)

อ้าแขนเตรียมต้อนรับ 'ประเทศฟรีวีซ่า' น้องใหม่ล่าสุดอย่าง 'ประเทศจีน' ที่กำลังจะเริ่มยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวไทยในวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป ด้วยการรีวิวขั้นตอนการผ่าน ตม. ซึ่งเป็นด่านแรกของการเดินทางท่องเที่ยวเมืองจีนด้วยตัวเอง หลายคนที่เพิ่งเคยไปเมืองจีนครั้งแรก อาจจะยังแอบกังวลว่าพอฟรีวีซ่าแล้วยังไงนะ?...

Popular Categories

Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่