ทริปนี้เราไปมาทั้งหมด 5 วัน 4 คืน เที่ยวทั้งหมด 6 เมือง คือ Nagoya ~ Gifu ~ Gujo ~ Takayama ~ Gero ~ Magome เป็นการเดินทางไปเที่ยวเมืองรอบๆ นาโกย่า โดยวนกลับมาจบทริปที่นาโกย่าพอดี ฉะนั้นใครมีเวลาน้อย แต่อยากเที่ยวแบบหลายๆ ฟีล เราแนะนำรูทนี้เลย เพราะมีให้แบบครบทุกฟีล แถมการเดินทางก็สะดวกสบาย บินตรงด้วยสายการบินแอร์เอเชียลงสนามบิน Chubu Centrair International Airport แล้วก็เริ่มสตาร์ททริปได้เลย!
การเดินทางสู่ นาโกย่า (Nagoya)
นาโกย่า เป็นเมืองใหญ่และคึกคักไม่แพ้โตเกียวเลยนะคะ แต่เมื่อก่อนคนอาจจะยังไปเที่ยวกันไม่ค่อยเยอะ เพราะต้องนั่งชินคันเซ็นจากโตเกียวมาอย่างเดียว แต่เดี๋ยวนี้สายการบิน Thai Airasia X เขาเปิดรูทบินตรง ดอนเมือง – นาโกย่า ทำให้เส้นทางนี้คึกคักขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตาเลย ที่สำคัญคือมีไฟลท์บินตรงทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ เวลานั้นก็ถือว่าดีทีเดียว เพราะบินดึกถึงเช้า ได้เที่ยวแบบเต็มวัน ขาไปเครื่องออก 23.55 น. ถึงนาโกย่า 7.25 น. ส่วนขากลับอาจจะต้องวางแผนมานอนใกล้สนามบินกันนิดนึง เพราะไฟลท์บินเช้าค่ะ 9.00 น. ถึงดอนเมืองตอน 13.05 น. อันนี้ดีตรงที่รถยังไม่ติด ถึงไทยแล้วก็ยังชิลๆ ไม่ค่อยเหนื่อยมากเท่าไรค่ะ
จองตั๋วเครื่องบินไปนาโกย่ากับแอร์เอเชีย > คลิก <
Day 1 : Gifu ~ Gujo
บินลัดฟ้าจากเมืองไทยมาประมาณ 5 ชั่วโมงนิดๆ หลังสองเท้าก้าวลงที่สนามบินชูบุเซนแทรร์ เราก็วางแผนออกนอกเมืองนาโกย่าเพื่อไปเที่ยวเมืองรอบๆ ก่อนเลย เพราะช่วงที่เราไปคือเดือนตุลาคม ใบไม้ในนาโกย่ายังไม่เปลี่ยนสี แต่บนเขาและโซนรอบๆ เริ่มมีสีสันแล้ว เราก็เลยตั้งใจออกนอกเมืองเพื่อไปเก็บบรรยากาศของใบไม้เปลี่ยนสีก่อนที่จะร่วงโรยไปหมด แล้วค่อยวนกลับมาเที่ยวในเมืองนาโกย่าในวันสุดท้ายค่ะ
Flower Festival Commemorative Park
เริ่มต้นกันที่สวนดอกไม้ที่มีการจัดสวนเป็นธีมต่างๆ โดยรวบรวมดอกไม้มากมายหลากหลายสายพันธุ์มาจัดแสดงให้สายดอกได้เข้ามาถ่ายรูปกันแบบฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้ง แถมขนาดของสวนนั้นก็ค่อนข้างกว้างขวางทีเดียว เดินเล่นกันได้แบบเพลินๆ เลยล่ะค่ะ
ช่วงที่เราไปคือปลายเดือนตุลาคม ใกล้เทศกาลฮาโลวีนพอดี เขาก็เลยจัดธีมแบบฮาโลวีน มีดอกไม้หลายสายพันธุ์เลยนะคะ ที่เด่นๆ ก็จะเป็น ดอกกุหลาบ ดอกทานตะวัน ใครที่ชอบสวนดอกไม้ ลองแวะไปเที่ยวดู น่าจะได้รูปสวยๆ กลับมาหลายใบอยู่จ้า
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 1,050 เยน / นักเรียนมัธยมและเด็กที่อายุต่ำกว่ามัธยม เข้าฟรี
แผนที่ Flower Festival Commemorative Park
Seki Hamono Museum
ในจังหวัดกิฟุนั้น มีอยู่เมืองนึงที่มีชื่อเสียงเรื่องการทำดาบมาก นั่นก็คือ เมืองเซกิ ฉะนั้นเมื่อผ่านมาแถวนี้แล้ว ก็ขอแวะเข้าไปดูการสาธิตวิธีทำดาบอันแสนขึ้นชื่อของเมืองนี้ที่พิพิธภัณฑ์ประเพณีการตีดาบเซกิสักหน่อย ซึ่งเขาจะมีการสาธิตเทคนิคการตีดาบแบบดั้งเดิมของช่างผู้มีฝีมือให้ชมกันด้วย โดยเทคนิคที่ว่านี้เป็นเทคนิคที่สืบทอดติดต่อกันมากว่า 700 ปีแล้วนะคะ ถือว่าเป็นหนึ่งในภาพที่หาดูได้ยาก แต่สามารถมาดูได้แบบง่ายๆ ที่ Seki Hamono Museum เลยจ้า เจ๋งมากๆ เลย
แผนที่ Seki Hamono Museum
Kamagataki Waterfall Chaya
เวลาดูรายการท่องเที่ยวญี่ปุ่นในทีวี ชอบเห็นร้านนี้บ่อยๆ ครั้งนี้ได้มาลิ้มลองรสชาติความอร่อยของโซเมงของร้าน Kamagataki Waterfall Chaya ด้วยตัวเองแล้ว! โดยที่นี่นอกจากโดดเด่นที่โซเมงซึ่งเสิร์ฟแบบไม่เหมือนใคร เพราะเขาจะปล่อยมาตามรางซึ่งมีน้ำไหลวนไปรอบโต๊ะ พอเส้นโซเมงผ่านหน้า เราก็ใช้ตะเกียบคีบแล้วนำมาจุ่มในน้ำซอส อร่อยด้วย สนุกด้วย 555 แถมอิ่มท้องแล้วยังได้อิ่มวิวเพราะบรรยากาศรอบๆ ร้านนั้นดีย์มากกกกกก มีน้ำตกให้นั่งชมวิวเพลินๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเป็นหนึ่งในร้านที่ได้ออกทีวีบ่อย เพราะที่นี่ดีครบรสจริงๆ ยกนิ้วให้เลย!
แผนที่ Kamagataki Waterfall Chaya
Sougian Cafe
กินคาวแล้วต้องกินหวาน! หลังจากอิ่มโซเมงแสนเลิศรสไปแล้ว เราขอพาไปต่อของหวานรสเลิศที่ ‘Sougian Cafe’ ซึ่งเป็นหนึ่งในคาเฟ่ขึ้นชื่อของ Gujo เมืองเล็กๆ ที่บรรยากาศแสนจะอบอุ่น โดยเมนูขึ้นชื่อของร้านนี้คือ พาเฟ่ต์ชาเขียว เสิร์ฟมาแบบสวยงามทั้งภายนอกและภายในเพราะรสชาติอร่อยมาก ใครเป็นสาวกมัทฉะนี่ต้องร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว >.<
กินอิ่มแล้วก็เดินย่อย กินลม ชมวิวแม่น้ำโยชิดะที่ตั้งอยู่ข้างๆ คาเฟ่ เพราะคืนนี้เราจะนอนกันที่เมืองกุโจนี่แหละ โดยที่พักของเราในคืนนี้อยู่ไม่ไกลจาก Sougian Cafe เลย
แผนที่ Sougian Cafe
Food Replica Workshop
ก่อนจะเข้าที่พัก เราแวะมาทำเวิร์กช็อปอาหารจำลอง ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในกิจกรรมขึ้นชื่อของเมืองนี้ค่ะ เคยเห็นอาหารจำลองที่ตั้งอยู่หน้าร้านอาหารญี่ปุ่นแล้วอดทึ่งไม่ได้ทุกทีว่าทำไมเขาทำเหมือนจัง มามะ ถ้าใครสงสัยว่าเขามีขั้นตอนการทำยังไง ที่นี่มีคำตอบ! แถมยังได้เป็นคนลงมือทำเองด้วย ที่สำคัญยังสามารถนำกลับบ้านไปเป็นของที่ระลึกเพื่ออวดเพื่อนๆ ได้อีก ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจมากหากใครแวะผ่านมาเที่ยวที่เมืองกุโจค่ะ
ครั้งนี้ได้ลองทำกะหล่ำปลีกับกุ้งเทมปุระ รอดไม่รอด ดูได้จากผลงานจ้าา
แผนที่ Food Replica Workshop
Yoshidaya Ryokan
คืนแรกเราพักที่ Yoshidaya Ryokan ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ กับแม่น้ำโยชิดะนี่แหละค่ะ สามารถเดินถึงกันได้แบบชิลๆ ที่นี่เป็นเรียวกังขนาดกลางค่อนไปทางเล็กแต่อบอุ่นและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ห้องพักกว้างขวาง และจัดห้องสไตล์ตะวันตกแบบผสม คือมีเตียงแต่ใช้ผ้าห่มเหมือนฟุตงหรือฝูกนอนที่ใช้ในเรียวกังของญี่ปุ่นค่ะ
อาหารเย็นแบบจัดเต็ม เสิร์ฟแบบญี่ปุ่นคือมาเรื่อยๆ แต่อิ่มยันพรุ่งนี้เช้า 5555
แผนที่ Yoshidaya Ryokan
Day 2 : Takayama ~ Gero
กินอิ่มนอนหลับในเมืองน่ารักแสนอบอุ่นอย่างกุโจไปหนึ่งคืน ตื่นขึ้นมาก็ได้เวลาออกตามล่าใบไม้เปลี่ยนสี! โดยเราจะขับรถไปตามเส้นทาง Seseragi-Kaido Driveway ผ่านจุดชมใบไม้เปลี่ยนบนโซนภูเขาซึ่งเริ่มออกสีสันให้ได้ชื่นใจบ้างแล้ว เพราะด้านล่างนั้นยังเขียวอยู่เลย ซึ่งเราสามารถใช้เส้นทางนี้ขับไปถึงเมืองทาคายาม่าได้เลย โดยเราจะแวะไปเที่ยวที่โซนเมืองเก่าและไปนอนกันที่เมืองออนเซ็นเกโระ หนึ่งในเมืองที่บรรยากาศดีมากกกกก และไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง!
Takayama Historical Old Town
ย่านเมืองเก่าทาคายาม่าที่โด่งดังจนเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจากหลากหลายเชื้อชาติ แม้กระทั่งคนญี่ปุ่นเองก็มาเที่ยวกันเยอะมากๆ ฉะนั้นสะพานแดงซึ่งเป็นจุดแลนด์มาร์คจึงเต็มไปด้วยผู้คน 555 ถ้าใครอยากถ่ายรูปแบบไม่ติดคนอาจจะต้องนอนค้างแถวนี้สักหนึ่งคืนเพื่อตื่นมาถ่ายตอนเช้าๆ นะคะ แต่ถ้าเน้นความคึกคักต้องมาช่วงสายเป็นต้นไป จะได้อีกฟีลนึงเลยละ
เอาจริงๆ มาถึงทาคายาม่า แค่แวะมากินเนื้อฮิดะก็ฟินและคุ้มค่ามากๆ แล้วเด้อ มีทั้งซูชิและปิ้งย่าง แนะนำร้าน Kyoya เป็นร้านเนื้อฮิดะย่าง อู้หู นุ่มละมุนลิ้นแบบแทบละลายในปาก ร้านตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่านี้เลย สายเนื้อห้ามพลาดจ้า!
แผนที่ร้าน Kyoya
Hida Furukawa
ระหว่างเดินทางไปที่เมืองเกโระ เราขับรถผ่านอีกหนึ่งเมืองเล็กๆ ที่โคตรมีเสน่ห์และโด่งดังจากอนิเมชั่นชื่อดังอย่าง ‘Your Name’ ถ้าจะถามว่าโด่งดังขนาดไหนน่ะเหรอ? ก็โด่งดังกระทั่งมีโบรชัวร์ชี้พิกัดถ่ายรูปที่ถอดแบบออกมาจากอนิเมชั่นแบบเป๊ะๆ ให้เราได้เดินเล่นตามรอย ถ้าใครเป็นสาวก Your Name นี่มีกรี๊ดกร๊าดแน่นอนค่ะ
แต่สำหรับคนที่ไม่ได้เป็นคออนิเมชั่น ที่เมืองเมืองฮิดะ ฟุรุคาวะ ก็ยังมีไฮไลท์อีกอย่างคือ ปลาคาร์ฟ ซึ่งว่ายวนอวดโฉมอยู่ตามคูน้ำทั่วเมือง โดยเราสามารถให้อาหารปลาได้ด้วยนะคะ ถือว่าเป็นภาพแปลกตาที่ไม่ค่อยได้เห็นในเมืองอื่นๆ ของญี่ปุ่นค่ะ
แผนที่ Hida Furukawa
Rail Mountain Bike Gattan Go!!
นี่คือวิธีการชมวิวที่คูลที่สุดเท่าที่เคยสัมผัสมา! เพราะมันคือจักรยานภูเขาที่ให้เราปั่นไปตามรางรถไฟที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ซึ่งมันชิลมาก และวิวก็สวยมากกกก แถมยังเป็นกิจกรรมน่ารักที่เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย ไม่จำเป็นต้องมีสายเลือดนักผจญภัย เพราะตัวจักรยานนั้นจะล็อกติดกับรางรถไฟเลยค่ะ แถมยังมีจักรยานให้เลือกแบบคู่หรือหลายคน (สูงสุดประมาณ 5-6 คน) ถ้าขี้เกียจหน่อยก็ปล่อยเพื่อนปั่นไป ส่วนเราก็ถ่ายรูปชมวิวไปแบบสวยๆ 5555
โดยเส้นทางนั้นจะมีให้เลือกสองเส้นทาง คือ เส้นทางภูเขา (ระยะไกล) และเส้นทางเมือง (ระยะสั้น) ซึ่งเราเลือกคอร์สของเส้นทางเมืองค่ะ เพราะใกล้ Hida Furukawa มากกว่า แล้วก็ปั่นได้แบบชิลๆ กว่า วิวก็ค่อนข้างมีความหลากหลาย เพราะจะผ่านบ้านเรือนน่ารักที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาด้วย
วิธีการจองนั้นก็ไม่ได้ยากอะไร เพราะสามารถจองผ่านเว็บไซต์ได้เลย (มีภาษาอังกฤษ) > Click < ถ้าใครอยากหาความแปลกใหม่ในการชมวิวสวยๆ เราแนะนำเลยค่ะ รับรองว่าสนุกสนานกันทั้งคณะแน่นวล : )
แผนที่ Rail Mountain Bike Gattan Go!!
Kissenkan
หลังจากออกกำลังกายชมวิวเสร็จ เราก็เข้าที่พักสำหรับคืนนี้ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเกโระ (Gero) เป็นเมืองออนเซ็นที่บรรยากาศน่ารักอบอุ่นมาก ตัวเมืองนั้นโอบล้อมด้วยภูเขา ถ้าคืนไหนฝนตกปรอยๆ อากาศชื้นๆ ตื่นเช้ามาเตรียมทักทายหมอกจากหน้าห้องได้เลย!
โดยที่พักของเราในเมืองเกโระเป็นเรียวกังที่ค่อนข้างหรูหราทีเดียว ห้องกว้างขวาง พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แถมยังมีมุมนั่งชิลๆ ชมวิวสวยๆ อีกต่างหาก น่าเสียดายที่มีโอกาสอยู่ในเมืองเกโระแค่คืนเดียว นี่ถ้ามีโอกาสได้กลับมาเที่ยวภูมิภาคชูบุอีก ก็คงจะกลับมาพักที่นี่อีก เราว่าถ้าใครเป็นคนชอบเมืองเล็กๆ ได้แช่ออนเซ็น คงจะหลงรักเกโระไม่ต่างจากเราเลยค่ะ
เห็นแบบนี้อย่าเพิ่งงงนะว่า เตียงหายไปไหนหว่า? เพราะปกติเรียวกังที่ญี่ปุ่น เมื่อเราเช็คอิน เขาจะเซ็ตห้องให้เป็นในรูปแบบที่มีโต๊ะสำหรับนั่งพักผ่อนเมาท์มอยวางไว้กลางห้อง พอถึงช่วงค่ำที่เราออกไปทานอาหารเย็น พนักงานก็จะเข้ามาย้ายโต๊ะออก แล้วปูฟูกนอนให้แทนค่า
แผนที่ Kissenkan
Day 3 : Magome ~ Nagoya
Magome-juku
วันที่สามนี้ยังคงเก็บบรรยากาศชิลๆ นอกเมือง ก่อนจะกลับไปสู่แสงสีเสียงในตัวเมืองนาโกย่า 555 โดยเราจะขับรถต่อไปยังเมืองมาโกเมะ (Magome-juku) ซึ่งเป็นเหมือนจุดพักของคนญี่ปุ่นสมัยก่อนที่ต้องเดินเท้าระหว่างโตเกียวกับเกียวโต ฉะนั้นบรรยากาศก็จะเต็มไปด้วยความคลาสสิค มีมุมถ่ายรูปสวยๆ ได้ฟีลเอโดะโบราณ เป็นอีกเมืองเล็กๆ ที่มีจุดให้ถ่ายรูปเยอะมากๆ สายถ่ายรูปไม่ควรพลาดเลยล่ะค่ะ
แผนที่ Magome-juku
Chicory Village
ไม่ไกลจากเมืองมาโกเมะ จะมีจุดขายของฝากขึ้นชื่อของเมือง ซึ่งมีเวิร์คช็อปน่ารักให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุกกันด้วย นั่นก็คือการทำขนม Chestnut Squeezing หรือ ขนมเกาลัด รสชาติหอมหวาน ขึ้นชื่อมาก คนญี่ปุ่นนิยมซื้อเป็นของฝาก แต่ถ้าใครอยากได้ประสบการณ์มากกว่านั้นก็สามารถเข้ามาลองทำเองได้เลย หรือไม่ถนัดทำแต่ถนัดชิม จะซื้อกลับไปฝากคนที่บ้านก็ได้ เพราะเขามีแบบสำเร็จรูปวางขายไว้ให้เลือกซื้อเลือกหากันด้วยค่ะ
แผนที่ Chicory Village
Ena Valley Cruise
หลังจากเมื่อเช้าได้เดินเล่นชิลๆ ผ่านเส้นทางสายวัฒนธรรมไปแล้ว ช่วงบ่ายนี้เราก็ขับรถต่อไปยังเมืองเอนะเพื่อชมเส้นทางธรรมชาติสวยๆ ของหุบเขาเอนะ ด้วยวิธีการล่องเรือแบบชิลๆ ต่อให้ไปฤดูร้อนก็ไม่ต้องกลัวร้อน เพราะในเรือเปิดแอร์เย็นฉ่ำ และสามารถชมความสวยงามของธรรมชาติผ่านกระจกใสของตัวเรือได้เลย
ราคาค่าล่องเรือ : ผู้ใหญ่ 1,280 เยน / เด็กประถม 640 เยน
แผนที่ Ena Valley Cruise
International Hotel Nagoya
อิ่มทั้งวัฒนธรรมและธรรมชาติ จนเริ่มจะโหยหาความเจริญขึ้นมาแล้ว 555 คืนนี้เราก็เลยมุ่งตรงกลับเข้าไปยังนาโกย่าเพื่อนอนในตัวเมืองและเตรียมตัวเที่ยวในเมืองสำหรับวันรุ่งขึ้น โดยคืนนี้เรานอนกันที่โรงแรม International Hotel Nagoya ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเลยค่ะ แถมยังไม่ไกลจากย่านช็อปปิ้ง Osu Shopping ชื่อดังของนาโกย่าด้วย ถือว่าเป็นโรงแรมที่มีทำเลที่ดีมากทีเดียวเชียว
แผนที่ International Hotel Nagoya
Day 4 : Nagoya
วันสุดท้ายสำหรับทริปนี้ที่มีเวลาเที่ยวแบบเต็มวัน เพราะพรุ่งนี้ก็จะต้องเดินทางกลับเมืองไทยตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยเที่ยวบิน XJ639 ของแอร์เอเชีย วันนี้เราก็เลยเข้ามาเก็บสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองนาโกย่าค่ะ แล้วก็แพลนไปเทศกาล Illumination ชื่อดังของภูมิภาคชูบุอย่าง Nabana no Sato ด้วย
Higashiyama Zoo
ที่นี่เป็นสวนสัตว์ใจกลางเมือง นาโกย่า ที่มีพื้นที่กว้างขวางมากกกก แถมไฮไลท์ยังไม่ได้มีแค่สวนสัตว์ เพราะภายในมีสวนสวยที่จะแต่งแต้มสีสันเหลืองแดงยามใบไม้เปลี่ยนสีด้วย แต่เราไปช่วงที่ใบไม้ยังไม่เปลี่ยนสี ก็เลยยังเป็นสวนเขียวๆ อยู่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าเสียดาย เพราะภายในสวนยังมีบ้านโบราณที่สร้างในรูปแบบทรงกัสโชสึคุริเหมือนที่หมู่บ้านมรดกโลกอย่างชิราคาวาโกะเปิดให้เราเข้าไปเยี่ยมชมโดยที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปถึงชิราคาวาโกะเลย
เดินชมสวนเสร็จ เราก็มูฟมาที่สวนสัตว์ด้วยรถรางไฟฟ้า โดยสวนสัตว์แห่งนี้จะมีพระเอก นางเอกอยู่ทั้งหมด 2 ชนิด คือ คิงคอง และโคอาล่า ฮ็อตมากกก ใครๆ ก็อยากมาสัมผัสความน่ารักของเจ้าสองตัวนี้ แต่คิงคองออกจะดูเหงาหงอยหน่อย ส่วนโคอาล่ามีหลายตัวเลย นอกจากนี้ที่น่ารักมากก็คือ จิงโจ้ นอนชิลแบบไม่สนใจผู้ใด 5555
แผนที่ Higashiyama Zoo
Fujiyama55
มื้อเที่ยงของวันนี้ เราแวะมาเติมพลังกันที่ร้าน Fujiyama55 เป็นร้านราเม็งขึ้นชื่อของญี่ปุ่น มีหลายสาขา และส่งตรงความอร่อยมาถึงประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว เพราะเมนูราเม็งของร้านนี้เขาโดดเด่นตรงที่เส้นเหนียวหนึบ เสิร์ฟแบบไม่เหมือนที่อื่น ด้วยการแยกเส้นและน้ำมาให้เรานำเส้นราเม็งจุ่มลงในน้ำซุปเข้มข้น รสชาติติดปาก ซู้ดแล้วซู้ดอีก แปบเดียวหมดเกลี้ยง 555 ใครดูรูปแล้วหิว ไม่ต้องไปไกลถึง นาโกย่า ก็ได้ ลองไปส่องสาขาในไทยแล้วตรงดิ่งไปเติมความอร่อยให้กระเพาะได้เลยที่ > Click <
Nagoya Castle
มาถึง นาโกย่า แล้วไม่แวะไปปราสาทนาโกย่าคงไม่ได้ เพราะที่นี่คือแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองเชียวนา บนยอดปราสาทมีรูปสลักปลาหัวเสือทองคำ สร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องรางสำหรับป้องกันอัคคีภัย เนื่องจากปราสาทนาโกย่าเคยเกิดเพลิงไหม้จากการโจมตีทางอากาศของสหรัฐในช่วงสงครามโลก ฉะนั้นตัวปราสาทที่เราเห็นจึงเป็นเวอร์ชั่นที่ถูกบูรณะจากเดิมมา แต่ก็ถือว่ายังรักษาไว้ซึ่งความคลาสสิคดั้งเดิมได้อย่างไม่มีเปลี่ยนแปลงเลยล่ะค่ะ
ค่าเข้าชม : 500 เยน
แผนที่ Nagoya Castle
Nabana no Sato
ปิดท้ายทริป นาโกย่า ด้วยแสงสีอลังการในงานเทศกาล Illumination ที่โด่งดังที่สุดในภูมิภาคชูบุ! โดยงานประดับไฟนี้จัดขึ้นในสวนดอกไม้ที่ชื่อเหมือนชื่องานเลยค่ะ นั่นก็คือ ‘Nabana no sato’ ซึ่งจริงๆ แล้ว สวนแห่งนี้ไม่ได้ตั้งอยู่ในนาโกย่านะคะ แต่อยู่ที่จังหวัดมิเอะ ซึ่งไม่ไกลจากนาโกย่า ฉะนั้นเดินทางจากนาโกย่าไปจะสะดวกที่สุดค่ะ
ไฮไลท์คือ Tunnel of Light หรืออุโมงค์ไฟที่มีระยะทางกว่า 200 เมตร ซึ่งเป็นเหมือนทางเดินเริ่มต้นเพื่อเข้าไปสู่ไฮไลท์ของงานที่จะเปลี่ยนไปทุกปีด้วยค่ะ
จุดเด่นของงาน Nabana no Sato คือจัดแสดงไฟยาวนานตั้งแต่ 19 ต.ค. 2019 – 6 พ.ค. 2020 เที่ยวกันได้แบบข้ามปีเลยทีเดียว ฉะนั้นถ้าใครมีแพลนไปเที่ยวภูมิภาคชูบุ อย่าลืมไปถ่ายรูปสวยๆ ที่นี่กันด้วยนะคะ : )
ค่าเข้าชม : 2,300 เยน
แผนที่ Nabana no Sato
Day 5 : นาโกย่า ~ ดอนเมือง
คืนวันที่ 4 หลังจากดูไฟสวยๆ ที่ Nabana no Sato เสร็จ เราก็เดินทางไปนอนใกล้ๆ สนามบินเซ็นแทร์ เพื่อเตรียมบินกลับไทย เพราะไฟลท์ XJ639 ของแอร์เอเชีย ออกจาก นาโกย่า เวลา 9.00 น. เลยค่ะ ฉะนั้นถ้าใครบินแอร์เอเชียแล้วไม่อยากตื่นเช้ามากๆ แนะนำให้วางแผนมานอนใกล้สนามบินตั้งแต่คืนสุดท้ายเลย แถวนี้โรงแรมค่อนข้างเยอะค่ะ ตื่นเช้ามาปุ๊บก็เดินข้ามไปเช็คอิน เตรียมไปหลับต่อบนเครื่องเลย ถึงไทยประมาณ 13.05 น. พร้อมกับความประทับใจและความทรงจำดีๆ ในเส้นทางทรงเสน่ห์ของภูมิภาคชูบุแห่งนี้ ถ้ามีโอกาสทริปหน้าคงจะไปให้ถึงชิราคาวาโกะแน่นอน เอาไว้เจอกันใหม่นะ .. ชูบู : )
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นยังมีอีกนะ
• 5 ที่เที่ยวเกียวโต 2 วัน 1 คืน เดินทางชิลๆ เปลี่ยนฟีลจากโอซาก้า
• พาเที่ยว 2 ตลาดคริสต์มาส โตเกียว Tokyo Christmas Market 2023
• นั่งรถไฟเที่ยว Kamakura-Enoshima อีกหนึ่งที่เที่ยวใกล้โตเกียวที่มองเห็นฟูจิซัง!
• รวม 9 จุดถ่ายรูปภูเขาไฟฟูจิ แบบสวย Unseen ไม่ซ้ำใคร
• เที่ยว Osaka กับมุม Unseen ที่ยังไม่ค่อยมีใครเห็น
• Amanohashidate view land ที่เที่ยว Unseen เกียวโต
• Mojiko Retro เมืองท่าบรรยากาศยุโรป อีกหนึ่งเมืองถ่ายรูปสวยในคิวชู
• Kyushu road trip ขับรถเที่ยวคิวชู เส้นทางฟุกุโอกะ คุมาโมโตะ และโออิตะ