
เราเคยไปเที่ยวคิวชูมาทั้งหมดสามครั้ง แต่ไม่เคยเห็นนางาซากิอยู่ในสายตา ล่าสุดเลยลองแวะไปนอนเล่นสัก 2-3 คืน ไปแบบไม่มีแผนเที่ยว อะไรในหัว นอนตื่นสายๆ เดินเล่นไปเรื่อยๆ เปื่อยๆ เมื่อยก็ขึ้นรถราง กระโดดขึ้นรถเมล์บ้าง ถ่ายรูปบ้านเมืองที่ลดหลั่นเป็นเอกลักษณ์ หาคาเฟ่นั่งพักกินกาแฟแล้วเดินเล่นต่อ นั่งรถไฟ Local ออกไปเที่ยวนอกเมืองบ้าง กลายเป็นหลงรักเมืองนางาซากิเข้าเต็มเปา! ก็เลยอยากมาแชร์แผนเที่ยวนางาซากิแบบสโลว์ไลฟ์ เผื่อใครกำลังมองหาที่เที่ยวแปลกใหม่ในคิวชู นอกเหนือจากเมืองยอดฮิตอย่างคุมาโมโต้ หรือยูฟุอิน ลองปักหมุดที่นางาซากิดูสักครั้ง อาจจะหลงรักนางาซากิเหมือนกับเรา และเมืองนี้จะไม่ใช่เมืองนอกสายตาอีกต่อไป : )

เอกลักษณ์ของนางาซากิก็คือบ้านเรือนที่สร้างลดหลั่นกันไปตามเนินเขาแบบนี้นี่ล่ะ ว่ากันว่า บ้านเรือนทั้งหมดในเมืองนางาซากิกว่า 40% สร้างขึ้นบนเนินเขาค่ะ เห็นแล้วรู้สึกแปลกตา ไม่ค่อยเหมือนเมืองอื่นๆ ในญี่ปุ่นเท่าไร เป็นเสน่ห์อีกอย่างของนางาซากิที่ทำให้เรารู้สึกหลงรักตั้งแต่แรกพบ


การเดินทางใน นางาซากิ (Nagasaki)
การเดินทางในนางาซากิส่วนใหญ่จะเป็นรถรางค่ะ จะบอกว่าเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของเมืองนางาซากิก็ว่าได้ ส่วนวิธีขึ้นก็ง่ายๆ ขึ้นประตูหลังแล้วแตะ IC Card ที่เครื่องตรงประตู ตอนจะลงกดกริ่งแล้วเดินลงด้านหน้า แตะ IC Card อีกครั้ง เพื่อเป็นการจ่ายค่ารถราง ง่ายๆ เท่านี้เลย

ถ้าใครอยากเที่ยวถ่ายรูปแบบซอกแซกตามซอกซอยของบ้านเมืองนางาซากิ แนะนำให้นั่งรถเมล์ค่ะ ขึ้นไม่ยากเลย ใช้วิธีเดียวกับรถรางเป๊ะ ส่วนรถเมล์สายต่างๆ จากจุดไหน ไปจุดไหน แนะนำให้เสิร์ชผ่าน Google Map เลยค่ะ เพราะส่วนใหญ่ป้ายรถเมล์จะไม่มีจุดสังเกตใหญ่ๆ เหมือนสถานีรถราง เที่ยวแบบนี้ก็สนุกดีนะ เดินหลงไปเรื่อยๆ อากาศดีๆ แบบนี้ เดินไกลแค่ไหนก็ไม่เหนื่อยค่ะ

รักแสงที่ญี่ปุ่นจริงๆ อยากถ่ายแสงและเงาสวยๆ แนะนำช่วง 3 โมงเย็นเป็นต้นไปค่ะ สัก 4-5 โมงกำลังดี เป็นแสงก่อนพระอาทิตย์ตก คนชอบถ่ายรูปแนวนี้เพลินแน่นอน



ที่เที่ยวนางาซากิ
นางาซากินั้นเป็นหนึ่งในจังหวัดของคิวชูที่มีขนาดใหญ่พอสมควรเลย แต่ทริปนี้เราจะสาละวนเที่ยวอยู่ในตัวเมืองซะเป็นส่วนใหญ่ เป็นทริปที่เน้นความสโลว์ไลฟ์ เดินถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย เอาเป็นว่า ถ้าใครมาเที่ยวคิวชูแล้วมีเวลาว่างสัก 2-3 วัน อยากลองเที่ยวญี่ปุ่นแบบสบายๆ ปักหมุดที่เที่ยวตามนี้ รับรองไม่ผิดหวังค่า
NGS Coffee

NGS Coffee เป็นคาเฟ่ร้านดังอยู่พอสมควรเลยค่ะ เท่าที่รู้เหมือนว่ามีหลายสาขาเลย ทั้งที่ฟุกุโอกะ โอซาก้า และฮิโรชิม่า โดยแต่ละสาขาก็จะมีชื่อแตกต่างกันไป เช่น NGS Coffee (Nagasaki) / OSA Coffee (Osaka) / FUK Coffee (Fukuoka) และ HIJ Coffee (Hiroshima) คอนเซปต์ร้านคงตั้งใจให้เป็นเหมือนการเดินทางของกาแฟ ชื่อร้านก็เหมือนอักษรย่อของสายการบิน เพราะกาแฟซิกเนเจอร์ของร้านจะมีการทำลาเต้อาร์ตมาเป็นรูปเครื่องบินด้วย


สำหรับ NGS Coffee จะตั้งอยู่ใกล้สถานี Nagasaki เลย ที่นั่งในร้านก็มีนะ แต่ไม่ค่อยเยอะเท่าไรค่ะ เป็นร้านเล็กๆ แต่ก็มีของชิคๆ พวกเสื้อ กระเป๋า เมล็ดกาแฟขายด้วย

ด้านหน้า NGS Coffee จะมีสถานีรถรางตั้งอยู่ เดินทางสะดวกมากๆ ค่ะ ทริปนี้เราพักใกล้ๆ Meganebashi Brigde หรือ สะพานแว่นตา สามารถนั่งรถรางมาถึงร้านได้เลย รถรางในเมืองนางาซากินี่ครอบคลุมแทบจะทุกสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ เลยนะ เอาล่ะ พูดถึงสะพานแว่นตาแล้วก็เดี๋ยวพาไปถ่ายรูปที่สะพานแว่นตาต่อเลยดีกว่า

Meganebashi Brigde

Meganebashi Brigde หรือสะพานแว่นตา เป็นแลนด์มาร์คของเมืองนางาซากิเลย สารภาพว่าตอนเห็นในรูปเรารู้สึกเฉยๆ แอบคิดว่าคงไม่ค่อยมีอะไรเท่าไร แต่พอได้มาแล้วรู้สึกชิลกว่าที่คิดค่ะ แถมยังเป็นสะพานที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1634 ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในสะพานโค้งหินที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นเลยนะ ฉะนั้นมาถึงนางาซากิแล้วยังไงก็แวะมาเช็คอินค่า

ช่วงที่เราไปคือประมาณปลายธันวาคมปีที่แล้ว ที่ฟุกุโอกะหิมะตก แต่ที่นางาซากิยังมีใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ ให้เห็นอยู่เลย เซอร์ไพรส์เหมือนกัน นึกว่าร่วงโรยไปหมดแล้ว

Nagasaki Atomic Bomb Museum


อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดของนางาซากิเห็นจะเป็น Nagasaki Atomic Bomb Museum หรือพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวสำคัญในประวัติศาสตร์ของนางาซากิครั้งที่โดนระเบิดปรมาณูของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1945 เวลา 11:02 ซึ่งถือว่าเป็นนาทีชีวิตอย่างแท้จริง เป็นนาทีแห่งการสูญเสียชีวิตบริสุทธิ์ เป็นนาทีแห่งประวัติศาสตร์ที่กลายมาเป็นบทเรียนของคนญี่ปุ่นมาจนถึงปัจจุบัน ใครที่ชอบเรื่องราวประวัติศาสตร์ เราไม่อยากให้พลาดเลยค่ะ เพราะเขาถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้ดีมากๆ จริงๆ

อยากจะบอกว่าประทับใจตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้าวเข้ามาในพิพิธภัณฑ์เลย เพราะทางเดินเข้าไปยังส่วนของพิพิธภัณฑ์มีตัวเลขปี ค.ศ. แปะอยู่เป็นระยะ ไปจนถึงวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1945 เวลา 11:02 ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้เดินย้อนเวลากลับไปสู่วินาทีแห่งชีวิตในวันนั้น .. วินาทีแห่งประวัติศาสตร์ของเมืองนางาซากิที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านล่วงเลยไปนานเท่าไร ก็เป็นวินาทีที่คนนางาซากิรู้สึกยากที่จะลบลืม


ภายในพิพิธภัณฑ์บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่ได้เกิดขึ้น มีการอธิบายความเลวร้ายของสงคราม ความเสียหายที่เกิดขึ้น ผลกระทบระยะยาว พร้อมจัดแสดงข้าวของของคนนางาซากิซึ่งได้รับความเสียหายจากระเบิดปรมาณู สิ่งเหล่านี้สะท้อนกลับมายังคนรุ่นหลังอย่างเราที่สัมผัสได้เพียง “ร่องรอย” ของการสูญเสียให้ตระหนักถึงผลร้ายของความขัดแย้ง แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นหรอกค่ะ ประวัติศาตร์เหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง แต่เราก็สะท้อนใจเหลือเกินว่าในขณะที่เรากำลังเดินวนดูเรื่องราวในพิพิธภัณฑ์ที่บันทึกประวัติศาสตร์ของสงครามเมื่อ 78 ปีที่แล้ว ในอีกทวีปนึงของโลก ก็กำลังเกิดสงครามขึ้นอยู่ในประเทศยูเครน ยังคงมีคนบริสุทธิ์ที่ต้องตายจากความขัดแย้งทางความคิดของคนเพียงไม่กี่คน ยังมีเด็กตัวเล็กๆ ที่ไม่มีโอกาสเติบโต เพียงเพราะความกระหายอำนาจของใครบางคน แล้วจะต้องมีพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงความเสียหายจากสงครามขึ้นอีกกี่แห่ง จะต้องมีการถอดบทเรียนจากความขัดแย้งขึ้นอีกสักกี่บทเรียน จะต้องมีความสูญเสียเกิดขึ้นอีกมากมายเท่าไร เราถึงจะ “เรียนรู้” อย่างแท้จริงว่าสงครามไม่ใช่ทางออก และโลกใบนี้หมุนวนอยู่เพื่อให้เรา “รักษา” ไม่ใช่ “ทำลาย” ก่อนจะสายเกินไป เราต้องเรียนรู้จากสิ่งที่บันทึกไว้จริงๆ ไม่ใช่ไม่เคยเรียนรู้อะไรจากประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นเลย



Chiwata Station

สุดท้ายในนางาซากิ เรามาเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการออกไปถ่ายรูปสวยๆ นอกเมืองกันบ้างดีกว่าค่ะ แนะนำให้นั่งรถไฟสายโลคอลออกมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกสวยๆ ริมทะเลที่สถานีไม้ บรรยากาศคลาสสิค ซึ่งเป็นหนึ่งใน Instagrammable Spots ยอดฮิตของคนญี่ปุ่นที่ Chiwata Station กัน คือมันดีมากก ถ่ายรูปสวยมากกก บรรยากาศดีแบบตะโกน!
ไปดูบรรยากาศแบบวิดีโอกันได้ที่นี่น้า > Click <
ดูรีวิว Chiwata Station แบบจัดเต็มได้ที่นี่เลย > นั่งรถไฟเลียบทะเลไปถ่ายรูป CHIWATA STATION สถานีรถไฟสุดคลาสสิคของนางาซากิ



การเดินทาง เลือกได้ 2 ช้อยส์
1. ถ้าอยากมาแบบพิเศษใส่ไข่ นั่ง Two Stars 4047 รถไฟรุ่นล่าสุดของคิวชู จากสถานี Nagasaki มาลงสถานี Chiwata ขบวนนี้จะมีแค่รอบ 14:53 น. เท่านั้นนะคะ รถไฟจะไปถึงสถานี Chiwata ตอน 16:30 น. ทันเวลาพระอาทิตย์ตกพอดิบพอดีเลย

2. ถ้าจอง Two Stars ไม่ทัน (แบบเรา) สามารถนั่งรถไฟสาย Seaside Liner แทนได้ ขบวนนี้ไม่ต้องจองค่ะ มีเรื่อยๆ ทุกชั่วโมงเลย รูทนี้ใช้ JR Kyushu Pass ขึ้นได้เลยนะคะ ถ้าอยากนั่ง Two Stars จองล่วงหน้านานหน่อย เพราะกำลังฮ็อตเลย คนจองเต็มแทบทุกวันค่า


เอาจริงๆ นางาซากิยังมีที่เที่ยวอีกเยอะเลยนะคะ ถ้ามีโอกาสได้กลับไปคิวชูอีกครั้ง เราก็อยากกลับไปเก็บสถานที่เที่ยวในนางาซากิเพิ่มให้ครบทุกจุดเหมือนกัน แต่เท่าที่ได้ไปมา 3 วัน 2 คืน ตามรีวิวในโพสต์นี้ก็น่าจะเพียงพอให้ใครบางคนหันมามองนางาซากิอยู่ในสายตาได้แล้วล่ะ : )
