เปิดคัมภีร์ เที่ยวสิงคโปร์ด้วยตัวเอง
พร้อมแชร์ 3 จุดเช็คอินสุดพีคที่ต้องปักหมุดเมื่อไปสิงคโปร์!
The Ultimate Guide to travel Singapore
- January, 2019 -

ในขณะที่บนโลกใบนี้มีแลนด์มาร์กแห่งใหม่เกิดขึ้นมากมาย “สิงโตพ่นน้ำ” แลนด์มาร์กของประเทศสิงคโปร์ อาจถูกนักเดินทางรุ่นใหม่ลบลืมหรือมองข้ามไป แต่นักเดินทางยุค 90 อย่างเรา จดจำภาพสิงโตพ่นน้ำได้ชัดเจนเสมอ .. สิงคโปร์ เปรียบเสมือนโรงเรียนประถมสำหรับคนอยากเที่ยวต่างประเทศครั้งแรก จำได้ว่าใครๆ ก็อยากบินไปแอ๊คท่าถ่ายรูปอ้าปากหรือสระผมใต้น้ำที่พ่นออกมาจากปากของสิงโตเมอร์ไลออน ฉะนั้นสิงคโปร์จึงกลายเป็นประเทศที่ถูกบัญญัติเข้าลิสต์ “ประเทศที่ต้องไป” ไปโดยปริยาย เราก็เลยอยากแชร์ข้อมูลการเที่ยวสิงคโปร์ด้วยตัวเองเอาไว้ให้นักเดินทางรุ่นต่อๆ ไปได้เก็บไว้ตามรอย .. ประเทศนี้เที่ยวเองไม่ยากเลย ใครที่กำลังคิดแบกเป้เที่ยวต่างประเทศครั้งแรก ต้องปักหมุดที่สิงคโปร์!

เหตุผลง่ายๆ ที่ควรไปเที่ยวสิงคโปร์

สิงคโปร์ เป็นประเทศที่มีโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินราคาถูกออกมาบ่อยมากกก บางช่วงราคาถูกกว่าบินไปต่างจังหวัดซะอีก! ที่สำคัญยังใช้เวลาเดินทางไม่นาน แค่ประมาณสองชั่วโมงนิดๆ เท่านั้น จึงเหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก แม้จะเป็นประเทศเล็กๆ แต่บ้านเมืองก็สะอาดสะอ้าน ระบบคมนาคมสะดวกสบาย เดินทางเที่ยวเองได้ง่าย ไม่ซับซ้อน สิ่งที่เราชอบมากที่สุดก็คือในความทันสมัยของสิ่งปลูกสร้างทั้งหลายนั้นยังคงแทรกแซมไปด้วยพื้นที่สีเขียวเยอะมาก สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีสวนสาธารณะให้แวะพักแทบทุกหย่อมหญ้า ด้วยความที่มีต้นไม้เยอะก็เลยช่วยลดอุณหภูมิร้อนๆ ลงไปได้นีสนึง (อย่างน้อยก็มีร่มเงาให้หลบแดด) ที่สำคัญใครเป็นช่างภาพสาย Cityscape เราว่าไปแล้วต้องชอบสิงคโปร์ เพราะประเทศนี้มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปเยอะไม่แพ้ฮ่องกงเลย
คนไทยไปสิงคโปร์ต้องขอวีซ่าไหม?

แน่นอนว่าสิงคโปร์ก็เป็นหนึ่งในประเทศฟรีวีซ่ายอดนิยมสำหรับคนไทย เราจึงบอกว่าสิงคโปร์เหมาะสำหรับการไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกมาก เพราะคนไทยสามารถเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในประเทศสิงคโปร์ได้ถึง 30 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่า แถม ตม. ก็ผ่านค่อนข้างง่าย เพราะคนไทยไปเที่ยวเยอะอยู่แล้ว ตอนเราไป ตม. ก็ไม่ได้ถามอะไรสักคำ ปั๊มผ่านอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับคนที่ไปครั้งแรกแล้วกังวล แนะนำว่าเตรียมตอบคำถามง่ายๆ เช่น อยู่กี่วัน หรือเตรียมแผนเที่ยวเอาไว้เผื่อ ตม. ถามก็ดีจ้า
เวลา และสภาพอากาศของประเทศสิงคโปร์

ถึงแม้จะตั้งอยู่ไม่ไกลจากประเทศไทยเท่าไร แต่เวลาของสิงคโปร์ก็เร็วกว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมง ฉะนั้นอย่าลืมปรับเวลากันด้วยนะ ส่วนสภาพอากาศและฤดูกาลนั้นไม่ต้องคาดเดาอะไรมากมายเหมือนประเทศอื่น เพราะสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีอากาศร้อนชื้นแทบตลอดทั้งปี แถมยังขึ้นชื่อเรื่องฝนตกบ่อยติดอันดับต้นๆ ของโลกด้วย ฉะนั้นสามารถแต่งตัวชิลๆ เหมือนเที่ยวในประเทศไทยได้เลย ส่วนตัวเราแอบรู้สึกว่าสิงคโปร์ร้อนกว่าไทยอยู่หน่อยนึง แต่ด้วยความที่บ้านเขาต้นไม้เยอะ ก็เลยจะมีร่มเงาให้หลบมากกว่ากรุงเทพฯ แต่เวลาไปเที่ยวเตรียมร่มติดไปด้วยก็ดี เผื่อฝนตกค่ะ : )
สายการบิน และราคาตั๋วเครื่องบินเฉลี่ยในการบินไปสิงคโปร์
เพราะใช้เวลาแค่ประมาณ 2.30 ชั่วโมง จากประเทศไทยถึงสนามบินชางฮี (Singapore Changi Airport) หนึ่งในสนามบินที่ดีที่สุดในโลก! ฉะนั้นจึงมีสายการบินที่ให้บริการบินตรงให้เลือกมากมาย ไม่จำเป็นต้องเลือกบินแบบต่อเครื่องเลย โดยราคาตั๋วเครื่องบินเฉลี่ยสำหรับการบินไปสิงคโปร์ปกติจะเริ่มต้นที่ 3,xxx – 8,xxx บาท แล้วแต่สายการบิน อาจมีโปรฯ 2,5xx บาท หลุดมาให้ตาลุกวาวบ้างแต่ก็น้อยมาก ถ้าหาได้ประมาณ 3,5xx – 4,xxx บาท ก็ถือว่าถูกมากแล้ว โดยสายการบินที่ให้บริการเส้นทางบิน BKK – SIN จะมีทั้งสายการบินแบบ Full Service และ Low Cost ฉะนั้นเวลาจองตั๋วอย่าลืมดูให้ดีๆ นะ เพราะถ้าเป็น Low Cost ราคาส่วนใหญ่จะยังไม่รวมค่าน้ำหนักกระเป๋าและที่นั่ง แต่ถ้าใครสัมภาระไม่เยอะ จะแบกเป้ขึ้นเครื่องโดยไม่โหลดกระเป๋าก็ได้ แต่น้ำหนักต้องไม่เกิน 7 กิโลกรัมนาจา

สายการบิน Full Service
ราคาเฉลี่ย : 6,xxx – 8,xxx บาท
หมายเหตุ : รวมน้ำหนักกระเป๋าสำหรับโหลดใต้ท้องเครื่อง อาหาร และที่นั่งเรียบร้อยแล้ว
การบินไทย (Thai Airways)
Singapore Airlines
Cathay Pacific
สายการบิน Low Cost
ราคาเฉลี่ย : 3,xxx – 5,xxx บาท
หมายเหตุ : ยังไม่รวมน้ำหนักกระเป๋าสำหรับโหลดใต้ท้องเครื่อง ที่นั่ง และอาหาร สามารถซื้อเพิ่มได้ตอนจองตั๋วเครื่องบิน
วิธีการเดินทางเข้าเมืองจากสนามบินชางฮี

1. เดินทางเข้าเมืองด้วย MRT
จากสนามบิน มีรถไฟใต้ดิน MRT East West Line (สายสีเขียว) วิ่งสู่สถานีต่างๆ ภายในตัวเมืองสิงคโปร์ โดยสถานี Changi Airport จะตั้งอยู่ที่เทอร์มินอล 2 ใครที่ลงเทอร์มินอลอื่นก็สามารถใช้บริการรถไฟวิ่งระหว่างเทอร์มินอลได้ฟรี แล้วเดินตามป้าย Train to City มารอขึ้นรถไฟไปลงที่สถานี Tanah Merah แล้วต่อรถไฟไปลงยังสถานีปลายทางตามที่พักที่จองไว้ได้เลย เช็คราคาล่วงหน้าได้ที่ลิงก์นี้ > Click <
** ทั้งนี้รถไฟใต้ดินจะให้บริการตั้งแต่เวลา 5.30 – 23.18 น. ฉะนั้นถ้าใครเดินทางด้วยสายการบินที่ถึงสิงคโปร์หลังจากเวลา 23.00 น. ก็สามารถใช้บริการ Airport Shuttle Bus แทนได้ค่ะ **
2. เดินทางเข้าเมืองด้วย Airport Shuttle Bus
ใครมีไฟลท์บินมาถึงสิงคโปร์ช่วงดึก สามารถใช้บริการ Airport Shuttle Bus แทนรถไฟใต้ดินได้ โดยสามารถติดต่อได้ที่ Counter Ground Transport Desk ซึ่งจะมีอยู่ทุกเทอร์มินอล แจ้งชื่อโรงแรมกับเจ้าหน้าที่แล้วจ่ายค่ารถคนละ 9$ รถจะพาไปส่งถึงหน้าโรงแรมเลย (ยกเว้นบางโรงแรมที่อยู่นอกพื้นที่ให้บริการ สอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ก่อนได้เลย) รายละเอียดเพิ่มเติมคลิกลิงก์เลยจ้า > Click <
สกุลเงิน และค่าครองชีพของประเทศสิงคโปร์

สิงคโปร์ใช้สกุลเงิน ดอลลาร์สิงคโปร์ (SGD) ปัจจุบันค่าเงินอยู่ที่ 1 SGD เท่ากับ 23 – 24 บาท ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพสูงทีเดียว ฉะนั้นถึงแม้จะได้ตั๋วเครื่องบินราคาถูก แต่ส่วนใหญ่ก็จะมาเปลืองงบประมาณกับค่าที่พัก เพราะค่าโรงแรมค่อนข้างแพง อาหารการกินก็ราคาไม่เบา อาจจะหาวิธีประหยัดด้วยการกินข้าวตามศูนย์อาหาร หรือพกขวดน้ำเล็กๆ ติดไปด้วย เพราะน้ำปะปาที่ประเทศสิงคโปร์สามารถดื่มได้ ตามร้านอาหารที่มีบริการน้ำดื่มฟรี เขาก็จะเอาน้ำปะปานี่แหละมาเสิร์ฟเรา แต่ส่วนตัวเราแอบรู้สึกว่าก็ยังมีรสชาติปะแล่มๆ อยู่ดี เลยชอบซื้อน้ำเปล่าเป็นขวดมากกว่า แต่ก็ต้องทำใจเพราะส่วนใหญ่จะเจอราคา 1$ ขึ้นไป แต่ขวดขนาดเท่ากับน้ำเปล่าขวดละ 7 บาท บ้านเรา T^T ส่วนค่าอาหารขั้นต่ำจะอยู่ที่จานละ 4$ ขึ้นไปจ้า
การเดินทางในประเทศสิงคโปร์

ที่เกริ่นเอาไว้ว่าสิงคโปร์เปรียบเสมือนโรงแรมประถมสำหรับนักเดินทางที่เริ่มต้นเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกก็เพราะว่าเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กและการเดินทางไม่ยุ่งยากซับซ้อน แทบจะเหมือนกรุงเทพฯ เกือบทุกประการ คือ มีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ให้บริการทั่วเมืองและครอบคลุมทุกสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม โดยมีเพียง 6 สาย แต่สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราจะใช้จริงๆ ก็แค่ประมาณ 2-3 สายเท่านั้น คือ East West Line (สายสีเขียว) วิ่งจากสนามบิน / North South Line (สายสีแดง) วิ่งไปย่านช็อปปิ้ง Orchard / Downtown Line (สายสีน้ำเงิน) วิ่งไป Chiatown / Bayfront สามารถดูและดาวน์โหลดแผนที่รถไฟใต้ดินของรถไฟทุกสายได้ที่ลิงก์ > Click < หรือเช็คราคาตั๋วก่อนได้ที่ลิงก์ > Click <
ปล. ประเทศสิงคโปร์เองก็มี Card หรือบัตรเหมาจ่ายที่คอยอำนวยความสะดวกสำหรับการจ่ายค่าเดินทางเหมือนประเทศอื่นๆ เรียกว่า EZ-Link Card สามารถใช้ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT รวมถึงรถบัส แท็กซี่ และใช้จ่ายค่าสินค้ากับร้านสะดวกซื้อบางแห่งได้ ใครที่ลงจากเครื่องแล้วพอมีเวลาก็หาซื้อได้ที่ Passenger Service ที่สนามบินได้เลย ราคา 12$ เป็นค่าบัตร 5$ ที่เหลือคือจำนวนเงินที่สามารถใช้ได้ ถ้าเงินในบัตรหมดก็เติมเงินได้ตามเครื่องเติมเงินอัตโนมัติหรือเติมกับพนักงานที่สถานีต่างๆ ก็ได้ ถ้าเงินเหลือสามารถขอคืนเงินจากพนักงานได้เลย แต่จะไม่ได้ค่าบัตร 5$ คืนจ้า
เที่ยวสิงคโปร์ พักย่านไหนดี?

ย่านที่พักยอดนิยมของสิงคโปร์ที่คนไทยส่วนใหญ่นิยมไปพัก คือ
- Geylang เป็นย่านที่มีที่พักราคาไม่แพง แต่ข้อเสียคือเป็นย่านกลางคืน มีแหล่งอบายมุขค่อนข้างเยอะ
- Chinatown เป็นย่านที่หาของกินง่าย เดินทางสะดวก เพราะอยู่ในเส้นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ซึ่งวิ่งผ่านย่านท่องเที่ยวหลายแห่ง
ทั้งนี้การเลือกที่พักอาจขึ้นอยู่กับงบประมาณด้วย เพราะบางย่านก็มีแต่โรงแรมหรูราคาแพง แต่สิ่งที่อยากให้คำนึงถึงมากที่สุดเวลาเลือกที่พักก็คือ ควรติดหรือใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน และเดินทางไป – กลับสนามบินได้สะดวกค่ะ
แถม! 3 จุดเช็คอินสุดพีคที่ต้องปักหมุดเมื่อไปเที่ยวสิงคโปร์!
Gardens by the Bay
Gardens by the Bay คือสวนสาธารณะขนาดใหญ่และทันสมัย มีโดมจัดแสดงดอกไม้และพันธุ์พืช 2 โดม คือ Flower Dome และ Cloud Forest สามารถเลือกเข้าโดมใดโดมนึงได้ ราคาจะอยู่ที่ 28$ สำหรับ 2 โดม และ 11$ สำหรับเลือกเข้าโดมเดียว ส่วนสวนสาธารณะโดยรอบสามารถเข้ามาเดินเล่น ถ่ายรูปได้ฟรี มีการแสดงแสงไฟ Supertrees Music & Lights Dancing ซึ่งจะจัดแสดงให้ชมฟรี! ทุกวัน เวลา 19.45 น. และ 20.45 น. รอบละ 15 นาที บริเวณ Supertree Grove .. ที่นี่นับเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของสิงคโปร์ที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องปักหมุด!

ถ้าอยากขึ้นไปเดินบน OCBC Skyway ก็ต้องเสียค่าตั๋วเพิ่ม ราคา 6$ ต่อคนจ้า

วิธีการเดินทาง : รถไฟใต้ดิน Downtown Line สายสีน้ำเงิน ลงสถานี Bayfront (Exit B) แล้วเดินตามทางเชื่อมใต้ดินไปเรื่อยๆ จะออกมาสู่ทางเข้า Gardens by the Bay
Marina Barrage

เป็นอีกหนึ่งจุดที่แนะนำแรงๆ เพราะสามารถมองเห็นและเก็บช็อตได้ครบทุกจุดแลนด์มาร์กของสิงคโปร์ ทั้ง Supertree Grove, Marina Bay Sands รวมไปถึงชิงช้าสวรรค์ Singapore Flyer โดยบริเวณเขื่อนมารีนาแห่งนี้จะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวสิงคโปร์ โดยเฉพาะช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ ที่นี่จะเต็มไปด้วยครอบครัวหลากหลายรุ่นที่พากันมาปูเสื่อปิกนิค เราว่าเป็นภาพอีกมุมของประเทศสิงคโปร์ที่น่ารักมาก ตรงจุดนี้สามารถเดินจาก Gardens by the Bay ไปได้ หรือจะทุ่นแรงขาด้วยการปั่นจักรยานไปก็ได้ ที่สิงคโปร์เขามีจักรยานสาธารณะแบบไร้สถานี คือ จอดคืนตรงไหนก็ได้ สะดวกมากกก ลองอ่านรีวิวเพิ่มเติมที่เราเคยเขียนไว้ได้จากลิงก์นี้เลย > Click <
Merlion Park

เยือนแลนด์มาร์กแห่งใหม่แล้วก็อย่าลืมแลนด์มาร์กแห่งเก่าสุดคลาสสิกของประเทศสิงคโปร์อย่าง ‘สิงโตพ่นน้ำ’ ที่ Merlion Park ซึ่งเราแนะนำให้ตื่นแต่เช้าตรู่สักวัน แล้วรีบไปให้ถึง Merlion Park ก่อนเวลาพระอาทิตย์ขึ้น เพราะตรงนี้เป็นอีกหนึ่งจุดที่สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นได้อย่างสวยงาม แถมช่วงเช้าคนยังไม่ค่อยเยอะ ส่วนใหญ่เป็นช่างภาพที่มาตั้งกล้องถ่ายรูปแสงเช้า และคนสิงคโปร์ที่มาวิ่งออกกำลังกาย นับเป็นบรรยากาศที่สโลว์ไลฟ์ ผิดจากสิงคโปร์ในช่วงกลางวันมากทีเดียวจ้า
วิธีการเดินทาง : รถไฟใต้ดิน East West Line สายสีเขียว หรือ North South Line สายสีแดง ลงสถานี Raffles Place ทางออก H เดินผ่านโรงแรม Fullerton เลียบแม่น้ำไปเรื่อยๆ ประมาณ 5 – 10 นาที