จับรถไฟไป “กาฬสินธุ์ – ขอนแก่น” บุกดินแดนจูราสสิคเมืองไทย ไปดูฟอสซิลต้นตระกูล T-Rex ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกกัน!
KhonKaen - Kalasin
- August, 2018 -

มั่นใจว่าหลายคนคงเคยรู้ว่าภาคอีสานบ้านเรามีการขุดค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์กันในหลายจังหวัด แต่มั่นใจอีกเหมือนกันแหละว่าหลายคนต้องไม่เคยรู้มาก่อนว่าฟอสซิลที่ขุดได้ในบ้านเราน่ะ บางชิ้นเก่าแก่กว่าที่ใดในโลกา แถมมีหลายชิ้นที่เป็นฟอสซิลไดโนเสาร์สายพันธุ์ที่มีการขุดเจอในเมืองไทยที่เดียวในโลกหล้านะจ๊า! อ้ะ จั่วมาขนาดนี้ ถ้าใครยังไม่มีแพลน ไม่มีตังค์ไปเที่ยวไหนไกลๆ เราขอแนะนำรัวๆ ให้จองตั๋วรถไฟบุกแดนอีสานบ้านเฮา ไปนำกันเถาะเนาะ!

ทริปนี้เราจะไปบุกกันแค่ที่ขอนแก่นกับกาฬสินธุ์ก่อน เพราะสองจังหวัดนี้ มีพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ให้เราได้แวะดูเพิ่มพูนความรู้กันด้วยไง ถือเป็นจุดเริ่มต้นในเส้นทางจูราสสิคที่ให้ข้อมูลความรู้กับเราๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเราเริ่มต้นกันที่ ‘ขอนแก่น’ คราวนี้ ททท. ผู้ใหญ่ใจดีที่ชวนเราไปลุยโลกล้านปี ก็พาเรานั่งรถไฟตู้นอนสายใหม่ที่มีชื่อเส้นทางไฮโซว่า ‘อุดรมรรคา’ ที่ตั้งแต่เปิดให้บริการมาเราก็เพิ่งมีโอกาสได้ใช้บริการนี่ละ ว่าไม่ได้นะ เอาจริง เพราะเดี๋ยวนี้รถไฟไทยสวย สะอาด นั่งนอนสบาย เออ เริ่ดอ่ะ!


พอมาถึงขอนแก่นเราก็เริ่มต้นเรียกน้ำย่อยกันที่ ‘อุทยานไดโนเสาร์ศรีเวียง’ ที่นี่ให้อารมณ์เป็นพาร์คเล็กๆ เดินเพลินๆ แต่ที่เริ่ดคือนางมีรูปปั้นไดโนเสาร์หลากหลายสายพันธุ์ที่กระจายกันอยู่ในทุกตารางเมตรของสวนจ้า แถมทั้งหมดที่เห็นเป็นไซส์เท่าจริงด้วยนะ คือบางตัวนี่แหงนหน้าดูกันอ้าปากค้างอ่ะ มโหฬารจริง!!

วอร์มกันพอตื่นตา ก็นั่งรถต่อมายัง ‘ศูนย์ศึกษาวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์’ หรือที่บางคนอาจจะเคยได้ยินในชื่อ ‘พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง’ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์แห่งแรกของเมืองไทยเลยนะ จุดเริ่มต้นของการขุดค้นซากฟอสซิลไดโนเสาร์ของที่นี่ มีที่มาจากการมาสำรวจแหล่งแร่ แต่ทีมขุดดันไปเจอกระดูกไดโนเสาร์เข้า เอ้า! คราวนี้ชีวิตเปลี่ยนเลยจ้า ไปๆ มาๆ กลายเป็นแหล่งจูราสสิคเฉย 555 ด้านในก็ขนาดไม่ใหญ่โต เน้นการจัดแสดงนิทรรศการแบบให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับธรณีวิทยาและไดโนเสาร์ในเมืองไทย ว่ากันตั้งแต่การกำเนิดของจักรวาลและสิ่งมีชีวิตต่างๆ จนกระทั่งถึงจุดสิ้นสุดของไดโนเสาร์ว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร ไปจนถึงการไปดูซากไดโนเสาร์ที่ขุดค้นได้เป็นชิ้นแรกของบ้านเรา รวมถึงทำความรู้จักกับไดโนเสาร์สายพันธุ์ต่างๆ ที่ค้นพบในเมืองไทย โดยเฉพาะที่ค้นเจอในย่านอำเภอภูเวียงแห่งนี้ก็มีถึง 5 สายพันธุ์เข้าไปแล้ววว ..





หนึ่งในนั้นคือสายพันธุ์ ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน ที่มีการอัญเชิญพระนามาภิไธยขององค์สมเด็จพระเทพฯ มาตั้งเป็นชื่อชนิดสายพันธุ์ที่พบแค่ที่นี่เพียงที่เดียวเท่านั้น ส่วนอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่น่าสนใจซึ่งขุดเจอได้แค่ในละแวกนี้ที่เดียวเช่นกันคือ สยามโมไทรันนัส อิสานเอนซิส ซึ่งเจ้านี่ละ สันนิษฐานกันว่าเป็นต้นตระกูลสายหนึ่งของเจ้า T-Rex ที่เราๆ รู้จักกันดีจากในหนังจูราสสิค ปาร์ค โดยผู้บรรยายบอกว่าตัวที่เห็นในหนังน่ะ อายุอย่างมากก็อยู่ที่ประมาณไม่เกิน 60 ล้านปี แต่ตัวที่เจอในบ้านเรานี่ 130 ปีนะจ๊ะ!!! ถือว่าเก่าแก่ที่สุดในโลกกันเลยทีเดียว เจ๋งมั้ย? ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์มีร้านขายของที่ระลึกน่ารักๆ สำหรับสายช้อปที่ชอบการเก็บของที่ระลึกจากที่ที่เคยไป ไว้รอเรียกทรัพย์ให้ออกจากกระเป๋าเรา ใครสนใจแวะดูได้น้า



ที่ตั้ง : ศูนย์ศึกษาวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ตำบลในเมือง อำเภอเวียงเก่า จังหวัดขอนแก่น
พิกัด : 16.679074 N, 102.267133 E
เว็บไซต์ : http://www.dmr.go.th
ค่าเข้าชม : คนไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท / เด็ก 10 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 60 บาท / เด็ก 30 บาท (ถูกที่สุดในโลกแล้วมั้ง!!)
เปิด : ทุกวัน (เว้นวันจันทร์นะ) เวลา 9.00 – 17.00 น.

จากขอนแก่น เรานั่งรถต่อมายัง ‘พิพิธภัณฑ์สิรินธร’ ในจังหวัดกาฬสินธุ์ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในอาเซียนเชียวนะ ซึ่งก็ต้องบอกว่าสมคำร่ำลือ เพราะด้านในจัดแสดงได้อย่างน่าตื่นใจและน่าติดตาม ด้วยความทันสมัยของแสง สี เสียง ครบครัน ที่นี่เราจะได้เห็นซากไดโนเสาร์ได้เต็มอิ่มกว่าที่ภูเวียง เพราะเน้นไปที่การจัดแสดงความสมบูรณ์ของโครงกระดูกไดโนเสาร์ที่ขุดค้นเจอ ไฮไลท์ของที่นี่จะอยู่ที่การจัดแสดง กระดูกส่วนต้นขาของไดโนเสาร์อีสานโนซอรัส อรรถวิภัชน์ชิ ไดโนเสาร์กินพืชซึ่งพบในประเทศไทย อายุอานามก็อยู่ที่ประมาณ 209 ล้านปีเท่านั้น!!



อีกอย่างคือการชมกระดูกไดโนเสาร์ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน ซึ่งที่มีจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถือเป็นโครงกระดูกไดโนเสาร์ที่สมบูรณ์ที่สุดในเมืองไทยเชียวนะ อย่าพลาดชม! รับรองได้ว่าถ้าพาเจ้าตัวเล็กที่ชื่นชอบในเรื่องไดโนเสาร์มาดูนะ มีกรี๊ดแน่นอน! อ้อ … ลืมบอกไปว่าพิพิธภัณฑ์ทั้งสองแห่ง มีการจัดแสดงกลางแจ้งให้เราได้ดูหลุมที่เขาไปขุดค้นกันจริงๆ ด้วยนะ ถ้าใครไปในวันที่อากาศดีๆ ละก็ ยอมเดินอีกนิดหน่อย น่าจะมีว้าวเลยละ … ส่วนเรา วันที่ไปฝนตกอย่างหนักจ้า บัยยยย อ้อ … อีกอย่างที่เริ่ดคือที่นี่มีการเปิด Geo Dino Camp ค่ายธรณีวิทยา – ซากดึกดำบรรพ์ สำหรับเยาวชนด้วยนะ โดยจะมีกิจกรรมให้ความรู้และนำชมพิพิธภัณฑ์ในรูปแบบ Night at The Museum ในยามค่ำคืน แถมยังมีการพาไปให้ได้ลงมือขุดค้นหาซากไดโนเสาร์ในแหล่งจริงด้วยนะ โอ๊ยยยย แก่ๆ สมัครมั่งได้มั้ยยยย อยากไปอ่ะ


ที่ตั้ง : เลขที่ 200 หมู่ 11 ตำบลโนนบุรี อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์
เว็บไซต์ : http://www.sdm.dmr.go.th/
ค่าเข้าชม : คนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท / เด็ก 10 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท / เด็ก 50 บาท
เปิด : ทุกวัน (เว้นวันจันทร์นะ) เวลา 9.00 – 17.00 น.


ไหนๆ ก็ไหนๆ ขอชี้เป้าที่เด็ดย่านนี้ให้อีกสองแห่งแล้วกันนะ ที่แรกคือ ‘เขื่อนลำปาว’ เขื่อนดินที่มีสันเขื่อนยาวที่สุดในประเทศไทย เขื่อนนี้มีชายหาดที่ถือเป็นเสมือนทะเลแห่งแดนอีสาน นั่นคือบริเวณหาดดอกเกด แต่คราวนี้เราไม่ได้ไปนะ เพราะเรามุ่งไปที่บริเวณท้ายเขื่อนในตำบลภูสิงห์จ้ะ เพราะที่นี่มีของเด็ดคือ ‘กุ้งไดโนเสาร์’ ไซส์ใหญ่สะใจ 4 ตัวโล! เป็นกุ้งแม่น้ำตามธรรมชาติ ที่ชาวบ้านร่วมมือกับหน่วยงานราชการทำการปล่อยลูกกุ้งตัวน้อยๆ ลงไป แล้วร่วมใจกันใช้วิธีแบบประมงพื้นบ้านในการจับ ทำให้ความสมบูรณ์ยังคงอยู่แบบไม่มีตกหล่น และมีกุ้งให้กินกันตลอดทั้งปี แต่ฤดูที่อยากให้มาคือฤดูหนาวจ้ะ เพราะน้ำในเขื่อนจะใส แล้วถ้าติดต่อไว้ก่อน จะได้ดูการดำน้ำลงไปงมกุ้งด้วยมือเปล่าของชาวบ้านแถวนี้กันด้วยนะ ขนาดคราวนี้เราได้เห็นแค่นิดเดียวเพราะมาช่วงหน้าฝนยังดูไประทึกไป เพราะพี่เมฆคนที่งมกุ้งโชว์แกเล่นไม่ใช้อุปกรณ์อะไรเลย นอกจากหน้ากากออกซิเจนแบบไทยประดิษฐ์เพียงอย่างเดียว ฝีมือแท้ๆ!! แต่ถ้าไม่ได้มาดูการงมกุ้งก็ไม่เป็นไร แวะมาชิมกุ้งที่นี่ให้ได้ก็พอ คือเนื้อแน่น กรอบ หวาน ด้วยความสดและสมบูรณ์ของแหล่งอาหาร คือดี!! ไซส์ 4 ตัวโลนี่ราคาอยู่ที่ราวๆ 900 บาท มากินเหอะ มันดีจริง คุ้ม!


(อยากดูการงมกุ้งด้วยมือเปล่ามั้ย? ถ้าใช่ ลองติดต่อไปแจ้งล่วงหน้าที่เบอร์โทรศัพท์ 091-8612971 ดูนะ อันนี้เบอร์นายกจ้ะ ชื่อคุณพี่อดิศักดิ์ แกเป็นนายกเทศมนตรีตำบลนี้อยู่ ติดต่อดูได้เลย!)



ปิดท้ายทริปกันที่ ‘วัดพุทธนิมิต (ภูค่าว)’ ให้ชาวสายบุญสบายใจกันดีกว่า วัดนี้ถือเป็นหนึ่งสถานที่ยอดฮิตที่คนมากาฬสินธุ์ต้องมาเยือน เพื่อกราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระพุทธเจ้าที่มีการอัญเชิญมาจากเนปาล ตรงส่วนบนขององค์พระมหาธาตุเจดีย์ในวัดนี้เป็นทองคำน้ำหนัก 30 กิโลกรัมเชียวนะ นอกจากนั้นยังมีมุมสวยๆ ชวนตื่นตาอีกเพียบเลยละ แถมมีไฮไลท์อีกที่คือพระพุทธไสยาสน์ภูค่าว ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ตั้งแต่สมัยทวารวดี แปลกตากว่าที่อื่นตรงที่เป็นองค์พระพุทธรูปนอนตะแคงซ้าย ประดิษฐานอยู่หน้าปากถ้ำริมผา ที่ทางเดินไปกราบจะต้องผ่านสวนป่า ซึ่งถ้าใครมาถูกเวลา จะเห็นเหล่าฝูงนกยูงธรรมชาติเดินกันว่อนสบายอารมณ์ บางคนบอกว่าบางทีมีกวางมีเก้งเดินผ่านเข้ามาให้ได้เห็นกันแบบระยะประชิดด้วยนะเอ้า ดวงใครดวงมันละจ้ะคราวนี้



อีสานบ้านเราน่ะมีของดีมากมาย แต่อาจติดขัดตรงที่ไม่ค่อยจะมีที่เที่ยวชนิดหวือหวา รวมถึงการเดินทางที่บางแห่งยังไม่ค่อยสะดวกมากนัก แต่เชื่อเหอะว่าลองได้มาแล้วจะต้องตกหลุมรักแน่นอน เพราะเกือบทุกแห่งมีที่มาที่ไป มีสตอรี่ให้เราได้ฟังกันเพลินๆ แถมคนอีสานก็บันเทิงมากกกก ใจดี น่ารัก ชอบเม้าท์มอยกับนักท่องเที่ยวนักแล 555 ถ้ายังไม่เชื่อ มาพิสูจน์เองด้วยตาคุณเลยจ้าา!
AUTHOR

S.J.
สาว (เหลือ) น้อย ที่ชอบคิดว่าตัวเองยังเอ๊าะ
รักการแบกเป้ตะลุยโลก (โดยเฉพาะฝั่งเอเชีย) ชอบที่จะได้
เรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างของแต่ละตารางเมตรบนแผนที่ผ่าน
อาหารการกินและการเม้าท์มอยกับผู้คนท้องถิ่นเป็นอย่างยิ่ง
แต่ยังไปได้ไม่กี่ประเทศเพราะทุนยังไม่อำนวย …
รวยเมื่อไหร่จะพาทุกคนในเว็บนี้ไปให้ได้ ไม่เชื่อคอยดู!
Facebook : มนุษย์ป้าพาเที่ยว
Instagram : yui_zaa