
ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มีระบบขนส่งสาธารณะครอบคลุม ทำให้การเดินทางแสนสะดวกสบายก็จริง แต่ถ้าใครเคยเที่ยวญี่ปุ่นด้วยรถไฟมาแล้ว อยากเปลี่ยนบรรยากาศมาเช่ารถขับเที่ยวบ้าง เราว่าก็เป็นไอเดียที่ดีมากทีเดียวนะ เพราะการเช่ารถขับเที่ยวญี่ปุ่นนั้นไม่ยากอย่างที่คิด มีอิสระ และเข้าถึงจุดสวยๆ ได้มากกว่าการนั่งรถสาธารณะ พักหลังมานี้ บางทริปที่เราไม่มีเวลาทำแผน ก็แค่จดพิกัดเอาไว้ แล้วก็เช่ารถขับไปตามปักหมุดใน Google Map เลย ไม่ต้องเสียเวลาหาวิธีการเดินทาง ยิ่งเที่ยวญี่ปุ่นบ่อยขึ้น ลึกขึ้น บางสถานที่ โดยเฉพาะที่สวยๆ ต้องอาศัยขับรถไปอย่างเดียว ฉะนั้นการเช่ารถจึงเป็นอะไรที่สะดวกมาก ยิ่งไปกันหลายคน หารค่าใช้จ่ายกันอาจจะถูกกว่านั่งรถไฟอีกน้า ฉะนั้นโพสต์นี้เราก็เลยจะมาแชร์ วิธีเช่ารถขับเที่ยวญี่ปุ่น ด้วยตัวเอง รับรองว่ารวมทุกข้อมูลแบบละเอียด อ่านจบ ขับรถเที่ยวญี่ปุ่นได้เลย!

หลักฐานที่ต้องใช้ในการเช่ารถขับเที่ยวญี่ปุ่น
หลักฐานในการเช่ารถขับที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นไม่มากมายวุ่นวายอย่างที่คิด และไม่ว่าจะเช่ารถประเภทไหนก็สามารถใช้หลักฐานเดียวกันนี้ในการเช่ารถได้เลยค่ะ
1. ใบขับขี่สากล
สามารถทำไปจากเมืองไทยได้เลย โดยขั้นตอนการขอใบขับขี่สากลนั้นง่ายมาก เพียงเตรียมเอกสารต่างๆ ดังนี้
● สำเนาหนังสือเดินทาง (พร้อมฉบับจริง)
● สำเนาประจำตัวประชาชน (พร้อมฉบับจริง)
● สำเนาใบขับขี่รถส่วนบุคคล (พร้อมฉบับจริง)
● รูปถ่าย ขนาด 2 นิ้ว 2 รูป (ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน)
นำเอกสารทั้งหมดไปยื่นที่สำนักงานขนส่งใกล้บ้าน จ่ายค่าธรรมเนียม 505 บาท และรอรับใบขับขี่สากลได้ภายในวันเดียวกันนั้นเลย
2. พาสปอร์ตของผู้ที่เป็นคนขับ
3. ใบยืนยันการจอง เปิดจากอีเมลในโทรศัพท์ให้เขาดูในวันรับรถก็ได้ค่ะ
4. เบอร์โทรศัพท์ที่สามารถใช้งานได้ในญี่ปุ่น ซึ่งส่วนใหญ่บริษัทเช่ารถไม่ได้รีเควสว่าต้องมี (แต่ก็ต้องใส่เบอร์โทรศัพท์ตอนกรอกเอกสารยืนยัน) ซึ่งเราแนะนำว่าควรเป็นเบอร์ที่สามารถใช้โทรเข้า โทรออกได้ด้วย เผื่อบางทีเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง จะได้มีโทรศัพท์ที่ใช้โทรแจ้งได้ เพราะหลายคนนิยมซื้อซิมอินเทอร์เน็ตที่ใช้เล่นเน็ตได้อย่างเดียว ซึ่งเบื้องต้นจะไม่สามารถโทรเข้า โทรออกได้นะคะ แนะนำให้เติมเงินเพิ่มเข้าไปสำหรับใช้โทรประมาณสัก 100 บาทก็พอ แบบนี้อุ่นใจกว่าแน่นอนจ้า

วิธีการเช่ารถ และการรับรถที่ญี่ปุ่น
เราสามารถจองรถเช่าจากเมืองไทยไปได้เลยนะคะ การจองก็ไม่ยาก เพราะจองผ่านเว็บไซต์ได้เลย ซึ่งบริษัทเช่ารถของญี่ปุ่นก็มีมากมายให้เลือกใช้บริการ แต่ส่วนตัวที่เราเช่าบ่อยๆ ก็คือ ToCoo! Car Rental > Click < เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมรถเช่าหลายๆ เจ้าในญี่ปุ่นมาไว้เป็นตัวเลือก ข้อดีก็คือ มีภาษาไทย จองง่าย ราคาไม่แพง เพราะเขาเลือกเจ้าที่ราคาถูกที่สุดเรียงมาให้เลือกเลยค่ะ มีรถให้เลือกหลายเจ้า กว่า 1500 สาขาทั่วญี่ปุ่นเลย ไม่ว่าจะเป็น Nissan / Toyota / Honda รวมไปถึงแบรนด์อื่นๆ ของญี่ปุ่น สามารถจองผ่าน ToCoo! ได้หมด หลังจากจองรถผ่านเว็บไซต์เรียบร้อย เราก็จะได้รับอีเมลยืนยันไว้สำหรับแสดงในวันรับรถค่ะ

ในวันรับรถ ให้แสดงใบยืนยันการจองพร้อมใบขับขี่สากล พนักงานจะให้เซ็นต์เอกสารและจ่ายตังค์ตอนรับรถเลย บางที่รับเงินสดนะคะ ไม่จำเป็นต้องใช้บัตรเครดิต ลองเช็คกับทางบริษัทเช่ารถอีกทีถึงเงื่อนไขต่างๆ ในการชำระค่าเช่ารถได้เลย หลังจากทำเรื่องจ่ายเงินเสร็จ พนักงานก็จะพาเราไปยังจุดรับรถ พร้อมให้คู่มือต่างๆ และตรวจสอบรถยนต์ ควรตรวจดูรอบคันรถให้ดีว่ามีรอยอะไรที่เกิดตั้งแต่แรกมั้ย เพราะตอนนำรถมาคืน พนักงานจะตรวจสอบรอบรถดูอีกรอบ ถ้ามีรอยที่ไม่ได้ระบุหรือแจ้งไว้แต่แรก จะต้องเสียค่าปรับในการทำให้รถยนต์เกิดรอยเสียหายค่า
วิธีการเติมน้ำมันที่ญี่ปุ่น

ปั๊มน้ำมันในประเทศญี่ปุ่นมีอยู่ 2 ประเภท คือ ปั๊มน้ำมันที่มีพนักงานบริการ (เหมือนเมืองไทย) และปั๊มน้ำมันที่ต้องบริการตัวเอง ถ้าใครเช่ารถขับครั้งแรกๆ เราจะแนะนำให้เลือกเข้าปั๊มที่มีพนักงานเพราะไม่ยุ่งยาก แค่บอกประเภทของน้ำมันที่ต้องการเติม และพูดว่า “มันตัง” ซึ่งแปลว่า “เต็มถัง” และรอจ่ายตังค์เท่านั้น แต่ถ้าบริเวณนั้นไม่มีปั๊มน้ำมันที่มีพนักงานเลยล่ะ!? ม้ะ .. มาดูวิธีการเติมน้ำมันด้วยตัวเองกัน

รถเช่าในประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะใช้เครื่องยนต์เบนซิน ฉะนั้นจึงต้องเติม “น้ำมันเบนซิน แบบธรรมดา (Regular)” ตรงนี้ไม่ต้องกังวลนะคะ ตอนรับรถ พนักงานเขาจะแจ้งเราทุกครั้งอยู่แล้วว่าต้องเติมน้ำมันอะไร แค่ระวังอย่าเติมผิดหัวจ่ายเท่านั้นเอง โดยเขาจะมีการแบ่งแยกประเภทน้ำมันตามสีของหัวจ่าย ดังนี้
สีแดง คือ น้ำมันเบนซินแบบ “ธรรมดา” ** (เลือกเติมประเภทนี้นะ) **
สีเหลือง คือ น้ำมันเบนซินแบบ “ไฮ โอะคุ”
สีเขียว คือ น้ำมันดีเซล

ขั้นตอนการเติมน้ำมันด้วยตัวเอง
1. ขับรถเข้าไปจอดตรงช่องสำหรับเติมน้ำมัน จะมีหน้าจอซึ่งเป็นระบบอัตโนมัติและมีภาษาอังกฤษให้เลือก กดเลือกภาษาอังกฤษได้เลยค่ะ
2. ต่อไปก็เลือกประเภทของน้ำมัน อย่าลืมว่ารถเช่าทั่วไปจะเติมน้ำมันเบนซินแบบ “Regular” สีแดงนะคะหลังจากนั้นก็เลือกจำนวนลิตรหรือราคาที่ต้องการเติม จะเลือกแบบไหนก็ได้ค่ะ หรือจะเลือก Full tank เต็มถังก็ได้


3. เลือกจำนวนลิตรเสร็จแล้ว ระบบจะให้เราจ่ายตังค์ก่อน ถ้าใครเลือกเต็มถัง แนะนำให้สอดแบงค์ใหญ่ๆ ไว้ก่อน เช่น 10,000 เยน ถ้ายังไม่แน่ใจค่าน้ำมัน แต่ถ้าเลือกเติมตามราคาก็สามารถใส่ตังค์ตามจำนวนเงินที่เลือกเติมได้เลยค่ะ

4. หลังจากจ่ายเงินแล้ว ก็สามารถหยิบหัวจ่ายมาเติมด้วยตัวเองได้เลย หน้าจอก็แสดงผลจำนวนลิตรไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงยอดที่เราต้องการ พอเติมเสร็จแล้ว ก็จะมีใบเสร็จออกมาจากตู้ กรณีที่เติมแบบเต็มถัง แล้วราคาที่แสดงผลบนจอไม่ถึงยอดที่เราจ่ายไปก่อนหน้านี้ ให้เราเอาใบเสร็จไปสแกนบาร์โค้ดที่ตู้ข้างๆ เพื่อรับเงินทอนออกมาได้เลยค่า


วิธีการจอดรถในที่จอดรถอัตโนมัติ

อีกเรื่องที่หลายคนกังวลไม่แพ้เรื่องการเติมน้ำมันก็คือเรื่องการจอดรถ เพราะเป็นต่างประเทศ ก็เลยไม่แน่ใจว่า เอ๊ะ ตรงไหนจอดได้ ตรงไหนจอดไม่ได้ ซึ่งก็ต้องขอตอบว่าในญี่ปุ่นนั้นมีทั้งที่ที่จอดได้และจอดไม่ได้เลยค่ะ ถ้าเราขับออกไปนอกเมือง กรณีนี้จะง่ายหน่อย เพราะตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ นั้นจะมีจุดจอดรถฟรีบริการไว้ให้อยู่แล้ว หรือถ้าเจอจุดสวยๆ แล้วอยากแวะข้างทาง ถนนส่วนใหญ่ก็จะมีไหล่ทางให้จอดหลบๆ ได้ แต่ถ้าเริ่มเข้ามาในเมือง ที่จอดฟรีแบบนั้นก็ไม่มีอีกต่อไป 555 เพราะต้องจอดในลานจอดรถอัตโนมัติเท่านั้น อัตโนมัติในที่นี่ก็คือ ไม่มียามคอยเฝ้า ไม่มีทางกั้นใดๆ ซึ่งเราสามารถขับเข้าไปจอดได้เลย แล้วค่อยมาจ่ายเงินทีหลังค่ะ

วิธีการก็ไม่ยาก ให้สังเกตป้ายตัว P ไว้ ไม่ต้องกลัวหาไม่เจอนะ มีหลายที่มากๆ ในญี่ปุ่น ที่ต้องเลือกก็คือราคาแต่จะจุดจะไม่เท่ากัน พยายามมองหาจุดที่ราคาถูกที่สุด เขาจะเขียนเป็นตัวเลขไว้ เดาไม่ยากค่ะ หลังจากเลือกลานจอดรถได้แล้ว ก็เล็งว่ายังมีช่องว่างสำหรับรถเราอยู่ไหม ถ้ามีก็ขับเข้าไปจอดได้เลย ไม่ต้องกังวลอะไรนะคะ จุดไหนว่างก็จอดได้เลย ไม่ต้องมีขั้นตอนอะไรก่อนหน้านั้นค่ะ

หลังจากเราจอดรถได้สักแปบ ลองสังเกตตรงพื้นจะมีตัวล็อคกั้นไว้ตรงล้อ ตัวล็อคจะยกขึ้น ซึ่งเราจะไม่สามารถขับรถออกไปได้เมื่อตัวล็อคยกขึ้นนะ ฉะนั้นหลังจากตัวล็อคยกขึ้น เราก็เดินออกไปเที่ยว หรือไปยังจุดหมาย โดยที่จอดรถทิ้งไว้ในลานจอดรถได้เลย ยังไม่ต้องจ่ายตังค์ค่ะ



พอถึงเวลาที่จะเอารถออกถึงค่อยมาจ่ายตังค์ค่ะ วิธีการก็ง่ายๆ ตรงช่องจอดรถของเราจะมีตัวเลขเขียนไว้อยู่ ให้จำตัวเลขนั้นไว้ แล้วเดินไปที่ตู้จ่ายเงินอัตโนมัติ ซึ่งจะตั้งอยู่ด้านหน้าลานจอดรถ หลังจากนั้นพิมพ์ตัวเลขของช่องจอดรถเราแล้วกดปุ่ม 精算 แปลว่า คิดค่าจอดรถ ระบบก็จะคำนวณค่าจอดรถแล้วแสดงราคาขึ้นที่หน้าจอด เราก็แค่สอดแบงค์หรือหยอดเหรียญจ่ายตังค์เหมือนตู้อัตโนมัติอื่นๆ ในญี่ปุ่นเลยค่ะ


หลังจากจ่ายตังค์เสร็จ เดินไปที่รถ จะเห็นว่าตัวล็อคที่ยกขึ้นมากั้นล้อเราไว้ มันจะพับเก็บลงไปแล้ว แนะนำจากประสบการณ์ว่าอย่าโอ้เอ้นานหลังจากจ่ายตังค์เสร็จนะคะ เพราะเราเคยจ่ายตังค์แล้วมานั่งเคลียร์ของในรถ สักประมาณ 5-10 นาที ตัวล็อคมันยกขึ้นมาอีกครั้ง ต้องเดินไปจ่ายตังค์ใหม่เลยจ้า 5555
วิธีการใช้ทางด่วนที่ญี่ปุ่น

เรื่องทางด่วนนี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาโลกแตกที่ทำเอาหลายคนปวดหัวจนกลัวการเช่ารถไปเลย เพราะดันมีเรื่องของ ETC มาเป็นตัวเลือกตัดสินใจ ก็เลยเหมาคิดไปว่าถ้าจะขับรถผ่านทางด่วนต้องมี ETC เท่านั้น แล้วจะต้องเช่ายังไง ราคาเท่าไร วุ่นวายใจไปกันใหญ่ ซึ่งจริงๆ แล้ว ทางด่วนที่ญี่ปุ่นนั้นแทบไม่ต่างจากบ้านเราเลยค่ะ เพียงแต่หลายๆ ที่อาจจะไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำทางด่วน สามารถทำทุกอย่างด้วยตัวเองได้เลย ต่อให้ไม่มี ETC หรือพาสใดๆ ก็สามารถใช้ทางด่วนได้ โดยจ่ายตังค์ผ่านตู้อัตโนมัตินั่นเอง

ฉะนั้นเรามาทำความเข้าใจเรื่อง ETC กันก่อนนะ ETC (Electronic Toll Collection) คือ ระบบอัตโนมัติซึ่งใช้ในการบันทึกประวัติการใช้งานทางด่วน เหมือน Easy Pass บ้านเราเลย ความสะดวกก็คือ เราสามารถขับผ่านช่อง ETC ได้เลย โดยไม่ต้องจ่ายเงินสด ซึ่ง ETC จะเหมาะสำหรับคนที่ต้องใช้ทางด่วนบ่อย แต่ถ้าขึ้นแค่ 1-2 ครั้ง เราว่าจ่ายเงินสดด้วยตัวเองไปก็ไม่ได้ยุ่งยากและเสียเวลาอะไรค่ะ ถ้าใครต้องการเช่า ETC สามารถระบุขอเช่าเติมตอนจองรถได้เลย เว็บไซต์ Tocoo เองก็มีบริการให้เช่าบัตร ETC เหมือนกัน
นอกจาก ETC ก็ยังมีพาสเหมาจ่าย เช่น 2 วัน ราคา 3,700 เยน และจะมีไล่หลายๆ วันไปจนถึงเป็นเดือนเลยค่ะ พาสแบบนี้เหมาะสำหรับคนที่มีแผนการเดินทางที่แน่นอน มั่นใจว่าต้องใช้ทางด่วนกี่ครั้ง และคำนวณค่าทางด่วนออกมาแล้วว่าถ้าจ่ายแยกจะเกินราคาพาสแน่ๆ ลองเช็คค่าทางด่วนก่อนได้ที่ > Click < แต่ถ้าใครเช่าระยะสั้นๆ แค่ 1-2 วัน ลองดู Google แล้วแทบไม่ต้องผ่านทางด่วน ก็ไม่จำเป็นต้องเช่า ETC หรือซื้อพาสเพิ่มเลย เราเอาวิธีการจ่ายเงินทางด่วน กรณีที่ไม่มี ETC หรือพาสใดๆ มาฝากกันไว้ จะได้ไม่ต้องกังวลค่า

อันดับแรก ให้เลือกขับผ่านช่องที่เขียนว่า 一般 (สีเขียว) บางทีจะอยู่ช่องเดียวกับ ETC นะคะ ถ้าเห็นเขียนว่า ETC/一般 ก็สามารถขับผ่านช่องนี้ได้เหมือนกัน หลังจากนั้นก็ขับเข้าไปจอดข้างตู้จ่ายบัตรอัตโนมัติเพื่อกดรับบัตรค่ะ เก็บบัตรนี้ไว้ให้ดีๆ นะคะ เพราะเราต้องใช้อีกครั้งตอนจ่ายตังค์ตรงขาออกจากทางด่วนค่ะ


พอถึงทางที่ต้องการลงจากทางด่วน จะเจอด่านเก็บตังค์ ให้เราจอดแล้วเสียบบัตรที่รับมาเมื่อตอนขาเข้า ระบบจะคำนวณค่าทางด่วนแล้วแสดงผลขึ้นบนจอ ราคาเท่าไร เราก็สอดแบงก์จ่ายตังค์ตามจำนวนเลยค่ะ แต่อาจจะมีบางด่านที่ไม่ใช่ตู้อัตโนมัตินะคะ แต่จะเป็นเจ้าหน้าที่ทางด่วน เราก็แค่ยื่นบัตรนี้ให้เจ้าหน้าที่ เขาก็จะแจ้งราคามา ถ้าฟังภาษาญี่ปุ่นไม่ออก ให้มองตรงจอด้านหน้า มันจะมีราคาขึ้นค่ะ จ่ายตังค์ตามจำนวน เท่านี้ก็ขับรถออกจากทางด่วนได้อย่างง่ายดายจ้า

ถ้าลองอ่าน วิธีเช่ารถขับเที่ยวญี่ปุ่น มาจนถึงตอนจบแล้วยังรู้สึกไม่มั่นใจก็ไม่เป็นไรค่ะ เข้าใจว่า “ครั้งแรก” มักจะน่ากังวลเสมอ และสิ่งที่จะทำให้ความกังวลนั้นมลายหายไปก็คือ “การลองปฏิบัติจริง” นี่ละ แล้วจะรู้ว่าเช่ารถขับเที่ยวญี่ปุ่นนั้นง่ายกว่าที่คิดจริงๆ แถมยังเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวได้ครอบคลุม ซอกแซกกว่า มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปอัพอวดลงโซเชียลได้เยอะกว่านั่งรถไฟเที่ยวด้วย ฉะนั้นใครที่ยังไม่เคยขับรถเที่ยวญี่ปุ่น แนะนำให้ลองดูสักครั้งนะคะ รับรองว่าจะติดใจ Road Trip ญี่ปุ่นจนอาจลืมการขึ้นรถไฟไปเลย ~
สวัสดีค่ะ พอดีกำลังหาข้อมูลการจองรถจาก JR Hokkaido Rent a car อยู่ พอเข้าไปในเว็บเค้าเหมือนจะให้จองเลย เลยอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมหลังไมค์น่ะค่ะว่าตอนนั้นที่เจ้าของรีวิวไปตอนไหน แล้วตอนจองไปที่ประมาณเท่าไหร่ แล้วจองผ่านเว็บโดยตรงหรือเปล่าน่ะค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้านะคะ 🙂
สวัสดีค่า มาตอบคำถามให้นะคะ เราเช่ากับ JR Hokkaido Rent a car ประมาณ 2 ครั้งได้ค่ะ แต่ครั้งล่าสุดคือช่วงประมาณกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เช่าขับที่เมืองโอบิฮิโระ ตอนนั้นเราเช่า 3 วัน ราคา 13,810 เยน จองโดยตรงผ่านเว็บไซต์เลยค่ะ > https://www.jrh-rentacar.jp/phpapp/english_web/index.php หลังจากจองเสร็จเขาจะส่งอีเมลมาคอนเฟิร์ม เราก็เอาอีเมลนั้นไปยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ตอนรับรถก็ได้ค่ะ เพื่อลดขั้นตอนการสื่อสาร เพราะคนญี่ปุ่นที่ฮอกไกโด ส่วนใหญ่จะสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ เคยเช่าที่ซัปโปโรก็ยังไม่ใช้ภาษาอังกฤษกันเลยค่ะ แต่เช่ากับเจ้านี้จะสะดวกตรงที่จุดรับรถจะอยู่ใกล้กับสถานี JR แล้วก็มีหลายสาขาค่า
ปล. มีคำถามอีก ปรึกษาเพิ่มได้เลยนะคะ ทางนี้หรือจะ inbox มาทางเพจ https://www.facebook.com/movearoundjourney ก็ได้ค่ะ แล้วแต่สะดวกเลย ^^
เช่า 3 วัน เงินไทยประมาณ 4 พันเอง ราคาดีมากเลย ไป 2 คนคุ้มกว่ารถไฟอีก
ใช่เลยค่าา
เราจะเช่าบัตรทางด่วนแบบเหมา ภูมิภาคเพราะไปหลายที่ จะต้องไปซื้อที่ไหนค่ะ หรือวันรับรถค่อยบอกเค้าว่าต้องการบัตรนี้ เค้าจะหาให้ได้เลยไหม ?
ระบุกับบริษัทรถที่เช่าไปเลยตั้งแต่ตอนจองดีกว่าครับ