เที่ยว “สุรินทร์” ถิ่นช้างใหญ่ ยลเสน่ห์แบบไทยที่ใครๆ ก็หลงรัก

เที่ยว “สุรินทร์” ถิ่นช้างใหญ่ ยลเสน่ห์แบบไทยที่ใครๆ ก็หลงรัก

Explore Surin : Thailand’s Hidden Gem

- November, 2018 -

หนาวนี้ ลองไปเลาะภาคอีสานกันบ้างดีบ่? .. ที่ #อีสาน อากาศดีไม่แพ้ภาคเหนือเลยนา ข้อยสิพาไปเล่นกับช้างที่จังหวัดสุรินทร์ ถิ่นช้างใหญ่ สัมผัสความน่ารักของสัตว์คู่บ้านมิตรคู่เมืองไทยที่ “ชุมชนหนองบัว” หมู่บ้านช้างเลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดในโลก! จอดรถดูอาทิตย์ลับขอบฟ้าริมทุ่งนา ซึมซับบรรยากาศความสวยงามตามธรรมชาติดั้งเดิมที่ประเทศกูมี! แล้วไปเช็คอิน เดินช็อปปิ้งในตลาดชายแดน ณ เมืองสุดขอบชายแดนไทย – กัมพูชา ที่ “บ้านด่านพัฒนา” ก่อนจะวนรถเข้าเมืองไปกินบิงซูเติมความหวานในคาเฟ่ชิคสุด Just a Little” แวะพักผ่อนหย่อนกายที่ “อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง” สถานที่ปิคนิคของชาวสุรินทร์ที่สวยงามเกินคาดหมาย แล้วปิดทริปด้วยการแวะไปดูวิถีชีวิต เรียนรู้อาชีพสร้างชื่อของชาวสุรินทร์ที่หมู่บ้านเครื่องเงิน ณ “ชุมชนบ้านโชค” และหมู่บ้านผ้าไหม “ท่าสว่าง” ที่มีผ้าไหมยกทองโบราณเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นประจำเมือง ซึ่งการไปเยือนสุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ในครั้งนี้เป็นการเดินทางตามเส้นทางของโครงการ OTOP นวัตวิถี ที่ต้องการถ่ายทอดเรื่องราวของชุมชนเล็กๆ ให้ผู้สาวผู้บ่าวขาเลาะทั้งหลายได้รู้ว่าการท่องเที่ยวแนววิถีชุมชนแบบนี้ก็สนุกได้เด้อพี่เด้อออ : )

First Time in Surin

สารภาพตามตรง นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีโอกาสได้ไปเที่ยวภาคอีสานแบบจริงๆ จังๆ เพราะปกติไม่เคยขับรถเลยไปไหนไกลกว่าเขาใหญ่สักที แต่ทริปนี้มีโอกาสได้ Road Trip ไปเที่ยวบุรีรัมย์ และสุรินทร์ ยาวนานถึง 7 วันเต็ม! เจอเรื่องราวมากมายที่ไม่คิดว่าภาคอีสานจะเซอร์ไพรส์เราได้ขนาดนี้ แถมช่วงปลายปี อากาศยังดี๊ดีไม่แพ้ภาคเหนือ ช่วงเช้าและกลางคืนอุณหภูมิ 19-20 องศา ตอนกลางวันพออยู่ใต้ร่มเงาก็ไม่ร้อนอบอ้าว ท้องฟ้าแจ่มใส ไร้เมฆ ตกเย็นอาทิตย์ตกสีสวยเจอฟ้าระเบิดทุกวัน เอาจริงๆ เราไม่เคยเห็นพระอาทิตย์ตกที่ไหนสวยเท่าที่นี่มาก่อนเลย เพราะพระอาทิตย์ที่ภาคอีสานดวงใหญ่มากกกกก ได้จอดรถดูแสงสุดท้ายริมทุ่งนาบ้าง ตามห้วยหนองคลองบึงบ้าง เข้าใจแล้วว่าทำไมคนบ้านนอกที่มาทำงานในกรุงเทพฯ ถึงโหยหาความรู้สึกที่บ้านเกิดกันนัก เพราะความสุขมันหาง่ายรายทางแบบนี้นี่เอง

.. และนี่คือทริปสุรินทร์ครั้งแรกของเรา ที่อยากมาถ่ายทอดเรื่องราวความทรงจำผ่านตัวอักษรและรูปภาพต่างๆ เหล่านี้ อยากให้หลายๆ คนลองเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อการท่องเที่ยวแบบวิถีชุมชนว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อแบบที่คิด ซ้ำจะมีโอกาสได้มองเห็นอีกหลายๆ มุมที่ปกติเราไม่มีวันได้สัมผัส เพราะชาวบ้านในท้องถิ่นพร้อมให้คำแนะนำอย่างเป็นมิตร .. ไปกันเนาะ ไปเลาะสุรินทร์ ถิ่นช้างใหญ่ ยลเสน่ห์แบบไทยที่รับรองว่าใครๆ ก็ต้องหลงรักด้วยกันเด้อออ ^^   

“บ้านหนองบัว” หมู่บ้านช้างเลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดในโลก

พูดถึงจังหวัดสุรินทร์ มีใครบ้างไม่คิดถึงสัตว์คู่บ้านคู่เมืองไทยอย่าง “ช้าง” .. ก็สุรินทร์เขาเป็นถิ่นช้างใหญ่ แถมยังมีชุมชนเลี้ยงช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย เรียกว่าน่าจะเป็นที่เดียวในประเทศไทยที่สามารถสัมผัสวิถีชีวิตคนกับช้างได้แบบใกล้ชิด ฉะนั้นขับรถไปไกลถึงสุรินทร์จะไม่แวะไปเล่นกับช้างได้ไง จริงบ่?

ตัวนี้เป็นพระเอกของหมู่บ้านช้างเขาล่ะ ออกงานมาน่าจะมากพอๆ กับไชยา มิตรชัย ทั้งงานเล็ก งานใหญ่ ไปมาหมดแล้ว อายุอานามก็ไม่มากไม่มาย แค่ 60-70 ปีเท่านั้นเอง คุณลุงควาญช้างบอก แค่นี่อึ้งเหรออีหนู .. แม่ของพี่ช้างเขาอายุ 105 ปี ลุงยังไม่คุย! เชื่อแล้วจ้าว่าช้างเป็นสัตว์อายุยืนมากจริงๆ

หมู่บ้านช้างของจังหวัดสุรินทร์ ตั้งอยู่ที่อำเภอท่าตูม อยู่ห่างจากตัวเมืองไปประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง แต่โคตรคุ้มค่าต่อการขับรถไป เพราะเราจะได้สัมผัสบรรยากาศของชุมชนคนเลี้ยงช้างอย่างแท้จริง ซึ่งโดยปกติแล้ว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมุ่งตรงไปเที่ยวกันที่ ศูนย์คชศึกษา ซึ่งจะมีการแสดงของช้างให้ชมทุกวันตามเวลา แต่เราขอแนะนำว่าถ้าอยากใกล้ชิดกับน้องช้างมากกว่านั้น ให้ลองติดต่อโดยตรงไปยัง หมู่บ้านช้างหนองบัว ซึ่งเป็นชุมชนชาวกวยที่มีวิถีชีวิตใกล้ชิดกับช้างมาอย่างยาวนาน ช้างส่วนใหญ่เป็นช้างบรรพบุรุษ คือตกทอดจากต้นตระกูลมาสู่ลูกหลาน จนป่านนี้ หากจะพูดกันถึงมูลค่าของช้างหนึ่งตัว ราคาก็พุ่งสูงไปหลักหลายล้านบาทแล้ว แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ผูกพันกับช้าง ฉะนั้นช้างจึงเปรียบเสมือน “เพื่อน” มากกว่าจะเป็นเครื่องมือทำมาหากิน

ปล. ชาวกวย หรือชาวกูย คือกลุ่มชาติพันธุ์ที่อพยพจากประเทศกัมพูชาเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทย โดยเฉพาะแถบภาคอีสาน เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีวิถีชีวิต เอกลักษณ์ และวัฒนธรรม รวมถึงเครื่องแต่งกายเป็นของตัวเอง และเป็นชุมชนคนเลี้ยงช้างมาตั้งแต่อดีตเลยนา

หมู่บ้านช้างชาวกวยแห่งนี้ เปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวให้ได้มาสัมผัสวิถีชีวิตคนกับช้างแบบใกล้ชิด แถมยังมีโฮมสเตย์ไว้สำหรับคนที่อยากอยู่กับช้างอย่างเต็มอิ่มด้วย หรือถ้าใครพักในตัวเมือง จะให้เขาจัดโปรแกรมสำหรับเที่ยวแบบ One Day Trip ก็ได้นะ อยากเที่ยวกับช้างแบบไหน เราสามารถรีเควสได้หมด ไม่ว่าจะเป็นพาช้างเดินเล่นในป่า อาบน้ำให้ช้าง หรือเที่ยวชมวิถีชีวิตของคนเลี้ยงช้างแบบซอกแซกทุกหลืบมุม พี่เขาสามารถจัดให้ได้หมด! ใครสนใจสามารถติดต่อเข้าไปนัดแนะวันและเวลาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 090 – 8271858 / 092 – 9948020 (คุณวรรณา ศาลางาม) หรือ Line ID : jaguw57 จ้า

นอกจากศูนย์คชศึกษาและหมู่บ้านเลี้ยงช้างแล้ว ยังมี วัดป่าอาเจียง ที่นับเป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชนคนเลี้ยงช้าง ที่นั่นมีศาลาเอราวัณให้ขึ้นไปชมวิวเมืองสุรินทร์ได้แบบ 360 องศา รวมไปถึงมีศูนย์เรียนรู้การทำผลิตภัณฑ์ OTOP ของชุมชนหนองบัวที่ได้มาจากช้าง ไม่ว่าจะเป็น กระดาษมูลช้าง ปุ๋ยมูลช้าง รวมไปถึงผ้าไหม และของฝากต่างๆ ด้วย อ้อ แล้วอย่าลืมแวะชมสุสานช้างที่ชาวบ้านสร้างไว้สำหรับฝังศพช้างด้วยนะ รับรองว่าจะได้รับรู้เรื่องราวและสัมผัสวิถีชีวิตคนกับช้างได้อย่างลึกซึ้งแน่นอน : )

แผนที่หมู่บ้านช้างหนองบัว 

“บ้านด่านพัฒนา” เมืองสุดขอบชายแดนไทย - กัมพูชา

จำได้ว่าเคยดูพี่โน๊ต อุดม เดี่ยวถึงจังหวัดสุรินทร์ว่าเคยเป็นบ้านที่พี่โน๊ตเคยใช้ชีวิตอยู่ช่วงนึงในวัยเด็ก เราถึงได้รู้ตอนนั้นว่าสุรินทร์เป็นจังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศกัมพูชาหรือเขมร ฉะนั้นมาเยือนสุรินทร์ ถิ่นเซราะกราวทั้งที ขอขับรถไปเที่ยวชายแดนไทย – กัมพูชาด้วยตัวเองซะหน่อย โดยเราขับรถจากตัวเมืองสุรินทร์มุ่งตรงไปยัง อำเภอกาบเชิง เพื่อแวะเที่ยวที่บ้านด่านพัฒนา หนึ่งในชุมชน OTOP นวัตวิถี ซึ่งมีวิถีชีวิตผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมไทยและเขมร เนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวเขมรที่อพยพเข้ามาค้าขายที่ ตลาดช่องจอม ตลาดชายแดนไทย – กัมพูชาที่เต็มไปด้วยสินค้ามากมาย แต่ที่เห็นเด่นสุดคงจะเป็นจักรยาน เพราะเราจะเห็นร้านขายจักรยานเรียงรายอยู่เต๊มไปหมด หรือถ้าใครมักของมือสอง อยากได้เสื้อกันหนาวใส่ไปเที่ยวเมืองนอกสักตัวสองตัว แนะนำว่ายิ่งไม่ควรพลาดตลาดช่องจอมแห่งนี้ เพราะที่นี่ก็เต็มไปด้วยร้านขายเสื้อกันหนาวมือสองมากมายหลายร้านเช่นกัน

นมเหนียว ราคาแก้วละ 30 บาท กินตอนอากาศร้อนๆ นี่มันชื่นใจจริงๆ เพราะเท่าที่สัมผัสมา เราแอบรู้สึกว่าที่อำเภอกาบเชิงจะอากาศค่อนข้างร้อนกว่าในตัวเมืองอยู่มากโข

แวะช็อปปิ้งตลาดช่องจอมเสร็จเราก็แว่บเข้าไปนั่งคุยกับกำนันของชุมชนบ้านด่านพัฒนาที่กำลังสาละวนจัดงานทอดกฐินครั้งใหญ่อยู่ภายในวัดพัฒนาธรรมาราม แอบไปสอบถามดูถึงได้รู้ว่าที่บ้านด่านพัฒนาก็มีโฮมสเตย์ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่อยากเที่ยวบริเวณชายแดนไทย – เขมรอย่างเต็มเหนี่ยวด้วย

กำนันบอกว่าสถานที่ท่องเที่ยวแถวนี้มีเยอะ ถ้ามาแค่วันเดียวก็คงเที่ยวไม่หมดหร๊อก ฉะนั้นถ้าใครมาพักที่โฮมสเตย์ก็จะมีโปรแกรมพาเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวตามชายแดนด้วย เพราะจะว่าไปแถวนี้ก็เป็นเขตพื้นที่ที่มีความเปราะบางทางความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเขมรมาก่อน สังเกตได้จากจุดตรวจที่มีเยอะมากเป็นพิเศษ แล้วก็ทหารที่ยังคงอยู่ประจำการเพื่อรักษาพื้นที่ตามจุดต่างๆ ฉะนั้นถ้าได้คนในพื้นที่พาเที่ยวก็จะมั่นใจในความปลอดภัยได้แน่นอน เพราะเขาจะพาทหารมาคอยนำทางพาไปเที่ยวด้วย

เฟอร์นิเจอร์คือหนึ่งในสินค้า OTOP ขึ้นชื่อของชุมชนบ้านด่านพัฒนา ที่นี่มีศูนย์เรียนรู้ให้เข้าไปดูวิธีการทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ด้วยนะ

ส่วนตัวแล้วเราไม่ได้นอนพักที่โฮมสเตย์และมีเวลาน้อย กำนันจึงแนะนำให้ลองไปเที่ยวที่ เขื่อนห้วยด่าน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากชุมชนบ้านด่านพัฒนาและตลาดช่องจอมดู ตรงนั้นเป็นอีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวกาบเชิง เป็นเขื่อนที่อยู่ติดชายแดนเลย เช้าๆ หมอกลงสวย แต่ถ้าไปช่วงกลางวันก็จะร้อนๆ หน่อยเด้ออ 5555

ปล. ใครสนใจโปรแกรมท่องเที่ยวในอำเภอกาบเชิง เมืองสุดขอบชายแดนไทย – กัมพูชา สามารถติดต่อโดยตรงไปที่กำนันศิริวุธ วงษ์เจริญ เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่เบอร์โทรศัพท์ 061 – 1587648 จ้า

แผนที่บ้านด่านพัฒนา

Just a Little Cafe

สายคาเฟ่ถ้ามาสุรินทร์แล้วโหยหากลิ่นกาแฟหอมๆ หรือบิงซูหวานๆ แนะนำให้ลองไปนั่งชิลที่ร้าน Just a Little ดู เธอจะรู้สึกเซอร์ไพรส์ว่านี่หรือคือสุรินทร์! เพราะบรรยากาศร้านน่ารักและชิลเวอร์ มีทั้งโซนอินดอร์และเอาท์ดอร์ เห็นว่าช่วงหน้าหนาวอากาศดีๆ แบบนี้ โซนเอาท์ดอร์ก็จะฮ็อตๆ หน่อย แถมที่ร้านยังมีทั้งเมนูเครื่องดื่ม ของหวาน และอาหารอีกต่างหาก ราคาก็ไม่แพง รสชาติก็อร่อย (ไม่ได้อวยเวอร์นะ แต่อร่อยจริงๆ)

เราแวะไปตอนเย็นก็เลยจัดข้าวมากินกันก่อนคนละจาน แล้วต่อด้วยบิงซูช็อคโกมิ้นต์อีกหนึ่งถ้วย มื้อนี้โดนไปแค่ 3xx บาทเท่านั้น เฮ้ย! อยู่กรุงเทพฯ ราคานี้ได้แค่บิงซูหนึ่งถ้วยเท่านั้นนะ ฉะนั้นถ้าใครแวะไปเที่ยวสุรินทร์แล้วพักในตัวเมือง แนะนำว่าห้ามพลาดร้านนี้เด็ดขาดเลยเด้อพี่เด้อออ

แผนที่ร้าน Just a Little

อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง

เวลาไปเที่ยวต่างจังหวัด เราชอบใช้เวลาว่างๆ ช่วงเย็น ไปเดินเล่นตามสวนสาธารณะหรือสถานที่พักผ่อนของชาวเมืองในจังหวัดนั้นๆ เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่จะได้สัมผัสความเป็นธรรมชาติของวิถีชีวิตได้ดีที่สุด .. พอมีทริปมาสุรินทร์ก็เช่นกัน หลังจากที่ลองจิ้ม Google ดูก็ได้ข้อมูลว่า อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง คือหนึ่งในสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวสุรินทร์ที่น่ามานั่งชิลและดูพระอาทิตย์ตกมากที่สุด พอลองขับรถมาดูก็พบว่าสถานที่แห่งนี้ฮ็อตฮิตในกลุ่มชาวสุรินทร์มากจริงๆ ยิ่งช่วงแดดร่มลมตก ใกล้สิ้นแสงสุดท้ายมากเท่าไร ยิ่งครึกครื้น และเต็มไปด้วยชาวสุรินทร์ที่หอบเสื่อมานั่งปิคนิคกันริมอ่างเก็บน้ำ มีร้านอาหารอยู่รายทางที่เดินเอาอาหารใส่ถาดมาขาย บ้างก็มาถ่ายรูป หรือเดินวิ่งออกกำลังกาย มองดูแล้วรู้สึกว่าเป็นอีกภาพที่สะท้อนถึงความน่ารักของวิถีชีวิตของชาวสุรินทร์ได้เป็นอย่างดีทีเดียวเชียว : )

แผนที่อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง

หมู่บ้านเครื่องเงิน “ชุมชนบ้านโชค”

หมู่บ้านเครื่องเงินเขวาสินรินทร์ หรือ กลุ่มหัตถกรรมเครื่องเงินบ้านโชค คืออีกหนึ่งสถานที่น่าไปเยือนในจังหวัดสุรินทร์ เพราะมีโฮมสเตย์สำหรับคนที่อยากเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องการทำเครื่องเงิน อันเป็นวิชาชีพสร้างชื่อให้กับชาวบ้านโชคด้วย โดยคำว่า “โชค” แท้จริงแล้วเป็นภาษาเขมร แปลว่า ดอกบัว เนื่องจากบริเวณของชุมชนแต่ก่อนนั้นเต็มไปด้วยบึงบัว แม้ปัจจุบันจะเหลือดอกบัวอยู่น้อยมากแล้ว แต่ชาวบ้านโชคก็ได้เปลี่ยนอัตลักษณ์นี้ให้กลายเป็นของฝาก ของที่ระลึกขึ้นชื่ออีกหนึ่งสิ่งของชาวสุรินทร์นั่นก็คือลูกปะเกือมลายกลีบบัวนั่นเอง

ภายในชุมชนมีบ้านผลิตเครื่องเงินของคุณปู่ป่วน เจียวทอง ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เปิดบ้านให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาดู มาเรียนรู้วิธีทำเครื่องเงินได้ เราเองก็มีโอกาสได้เข้าไปนั่งคุยกับคุณปู่ที่ยึดอาชีพการทำเครื่องเงินมาอย่างยาวนานจนเรียกว่าเข้าขั้นปรมาจารย์ ได้เห็นขั้นตอนการตีเงิน ขึ้นรูป ซึ่งเห็นแล้วเข้าใจเลยว่าทำไมสินค้า OTOP ประจำชุมชนบ้านโชคอย่างเครื่องเงินนี้จึงมีราคา เพราะกว่าจะได้ลูกปะเกือมมาเม็ดนึงต้องใช้เวลาและเป็นงานละเอียดมากจริงๆ ฉะนั้นถ้าใครผ่านไปเที่ยวสุรินทร์แล้วสนใจอยากซื้อเครื่องเงินกลับมาเป็นของฝากหรือต้องการเรียนรู้วิธีการทำเครื่องเงินก็สามารถแวะเข้าไปเที่ยวที่หมู่บ้านเครื่องเงินแห่งนี้ได้ ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเลย ใช้เวลาเดินทางแค่ประมาณ 20 นาทีเท่านั้นเองจ้า

แผนที่หมู่บ้านเครื่องเงินชุมชนบ้านโชค

หมู่บ้านผ้าไหมท่าสว่าง

ผ้าไหม คือ ศิลปะที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองไทยมาแต่โบราณตั้งแต่ก่อนจะเกิดโครงการสินค้า OTOP เสียอีก ซึ่งหลังจากที่มีโอกาสได้ลงไปเที่ยวมาหลายชุมชน เราก็พบว่าการทอผ้าไหมนั้นคือหนึ่งในวิถีชีวิตที่ยากจะแยกออกจากชุมชนของประเทศไทยจริงๆ แต่ หมู่บ้านผ้าไหมท่าสว่าง นั้นค่อนข้างมีความโดดเด่นมากกว่าชุมชนอื่นๆ อยู่พอสมควร เนื่องจากที่นี่มีผ้าไหมยกทองซึ่งเป็นการทอผ้าไหมที่ต้องใช้ตะกอในการทอมากถึง 1,416 ตะกอ และใช้คนทอในครั้งเดียวกันถึง 4 คนเลยทีเดียว ทำให้ผ้าไหมยกทองนั้นมีความงดงามมากกว่าผ้าไหมที่ผ่านการทอแบบปกติอยู่มาก นับเป็นเอกลักษณ์สำคัญของหมู่บ้านผ้าไหมท่าสว่างที่ใครไปใครมาจังหวัดสุรินทร์ก็ต้องแวะมาเยี่ยมชม

โดยหมู่บ้านผ้าไหมท่าสว่างนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศเชียวนา เพราะเขาได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านผ้าไหมเอเปค (APEC) ด้วย เนื่องจากผ้าไหมยกทองของบ้านท่าสว่างเคยมีโอกาสได้ไปอวดโฉมอยู่บนเรือนร่างของผู้นำเอเปคมาแล้ว ฉะนั้นหมู่บ้านผ้าไหมท่าสว่างจึงนับเป็นอีกหนึ่งจุดหมายห้ามพลาดเมื่อมาเยือนจังหวัดสุรินทร์เลยล่ะจ้า ใครมาเที่ยวสุรินทร์แล้วก็อย่าลืมแวะไปบ้านท่าสว่างเพื่อหาซื้อผ้าไหมไว้เป็นของฝากคุณพ่อ คุณแม่นะ ที่นี่มีร้านขายผ้าไหมอยู่เรียงรายมากมายจริงๆ จ้าพี่จ๋า : )

แผนที่หมู่บ้านผ้าไหมท่าสว่าง

อันนี้เป็นแผนที่เส้นทางการท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ของจังหวัดสุรินทร์ เผื่อใครสนใจอยากไปตามรอย

route surin
Niichiiz *
Niichiiz *http://www.movearound-journey.com
IG : https://www.instagram.com/niichiiz13

Related Stories

Discover

เที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ 3 วัน 2 คืน ในนางาซากิ คิวชู

เราเคยไปเที่ยวคิวชูมาทั้งหมดสามครั้ง แต่ไม่เคยเห็นนางาซากิอยู่ในสายตา ล่าสุดเลยลองแวะไปนอนเล่นสัก 2-3 คืน ไปแบบไม่มีแผนเที่ยว อะไรในหัว นอนตื่นสายๆ เดินเล่นไปเรื่อยๆ เปื่อยๆ เมื่อยก็ขึ้นรถราง กระโดดขึ้นรถเมล์บ้าง ถ่ายรูปบ้านเมืองที่ลดหลั่นเป็นเอกลักษณ์ หาคาเฟ่นั่งพักกินกาแฟแล้วเดินเล่นต่อ...

ไอเดียเที่ยวเกียวโต 2 วัน 1 คืน เดินทางชิลๆ เปลี่ยนฟีลจากโอซาก้า

เกียวโต เมืองหลวงเก่าแห่งวัฒนธรรมของภูมิภาคคันไซ ได้ลองไป เที่ยวเกียวโต อีกครั้งก็ยังชอบ เพราะเป็นเมืองที่มีเสน่ห์มากจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักท่องเที่ยวถึงแน่นมหาศาลตลอดกาล เพราะมีดีทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรมเลย เรามีโอกาสได้ลองไปเที่ยวเกียวโตมาสองฤดู คือ ช่วงซากุระ และใบไม้เปลี่ยนสี สวยได้ฟีลคนละแบบเลยค่ะ แต่อากาศใกล้เคียงกันอยู่นะ...

นั่งรถไฟเที่ยว Kamakura-Enoshima อีกหนึ่งที่เที่ยวใกล้โตเกียวที่มองเห็นฟูจิซัง!

ใครกำลังมองหาที่เที่ยวใกล้โตเกียว ลองจัดแพลนชิลๆ สักครึ่งวัน นั่งรถไฟไปเที่ยวจังหวัดคานางาวะ (Kanagawa) กันดีกว่า ฟังจากชื่ออาจจะไม่ค่อยคุ้นหูใช่ไหมคะ แต่อันที่จริง คานางาวะคือจังหวัดที่หลายคนคุ้นเคยมากเลยนะ เพราะคานางาวะเป็นจังหวัดที่ตั้งของเมืองฮาโกเน่ (Hakone) และโยโกฮามา (Yokohama) สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของญี่ปุ่นนั่นเอง...

Mojiko Retro เมืองท่าบรรยากาศยุโรป อีกหนึ่งเมืองถ่ายรูปสวยในคิวชู

ใครที่กำลังมองหาแพลนเที่ยว One Day Trip ชิลๆ จากฟุกุโอกะ แนะนำให้ปักหมุดที่เมืองนี้เลยค่ะ Mojiko Retro เมืองท่าที่บรรยากาศโรแมนติกแบบเกินเบอร์! ตั้งอยู่ในเมืองคิตะคิวชู (Kitakyushu) ซึ่งอยู่ห่างจากฟุกุโอกะเพียงนิดเดียวเท่านั้น สามารถนั่งรถไฟมาเที่ยวแบบเช้า...

รวม 9 มุมถ่ายรูปภูเขาไฟฟูจิ แบบสวย Unseen ไม่ซ้ำใคร

เคยมีคำถามกับตัวเองตอนไปญี่ปุ่นครั้งแรกว่า “ทำไมคนเขาถึงตื่นเต้นกับภูเขาไฟฟูจินักหนานะ” ถึงกับพูดกันปากต่อปากว่า ถ้าไปญี่ปุ่นครั้งแรกแล้วได้เห็นฟูจิซัง ก็จะได้ไปญี่ปุ่นซ้ำอีก ทำไมภูเขาไฟลูกนี้ถึงสำคัญกับคนญี่ปุ่นมากขนาดยกให้เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่เปรียบเสมือนศูนย์รวมพลังใจของประเทศญี่ปุ่น .. เราไม่เคยเข้าใจ จนกระทั่งได้ไปเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วยตาตัวเอง จากคนที่เคยมีคำถามมากมายในวันนั้น รู้สึกตัวอีกที เราก็กลายมาเป็นคนที่ตามล่าหามุมถ่ายรูปภูเขาไฟฟูจิแบบ Unseen เหมือนช่างภาพคนญี่ปุ่นบางคนที่ทุ่มเททั้งชีวิตถ่ายแต่รูปฟูจิซังแล้วล่ะโพสต์นี้ก็เลยอยากมาแชร์...

วิธีลงทะเบียน Visit Japan Web แบบละเอียด พร้อมอัพเดทขั้นตอนเข้าประเทศญี่ปุ่น

กลับมาทวงบัลลังก์ "ประเทศในฝันของคนไทย" หลังจากเริ่มกลับมาเปิดประเทศและเปิดฟรีวีซ่าให้คนไทยอีกครั้ง "ญี่ปุ่น" ก็กลายเป็นประเทศที่หลายคนปักหมุดไว้อย่างรวดเร็ว! แต่ถึงแม้ว่าจะกลับมาเปิดฟรีวีซ่าให้คนไทย 15 วัน เหมือนเดิม แต่ก็มีอะไรที่เพิ่มเติมมาจากเดิมเยอะเลยนะ โพสต์นี้เราก็เลยจะมาอัพเดทมาตรการการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นหลังกลับมาฟรีวีซ่าให้แบบละเอี๊ยดละเอียด ทุกขั้นตอนแบบ Step by...

Popular Categories

Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่