ยืนหนึ่งทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะร้อนหรือหนาว ใครๆ ก็อยากบินไปเช็คอินกันที่แดนปลาดิบ! ซึ่งนอกจากธรรมชาติสวยๆ แล้ว บอกเลยว่าอีกหนึ่งสิ่งที่ทำเราติดใจจนอยากจองตั๋วไปเที่ยวญี่ปุ่นบ่อยๆ ก็เห็นจะเป็นคาเฟ่ที่มีสไตล์มินิมอล เรียบง่าย แต่เก๋ไก๋ ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศญี่ปุ่นนี่แหละ โพสต์นี้ก็เลยเอารีวิว 10 คาเฟ่ญี่ปุ่น มายั่ว Coffeeholic ทั้งหลาย เป็น 10 คาเฟ่ที่นอกจากจะมีกาแฟหอมๆ ให้จิบแล้ว ยังมีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปเช็คอินอีกด้วย งานนี้ไม่ได้มาแค่โตเกียวเด้อ แต่จะพาขึ้นเหนือ ลงใต้ ไปนั่งเสพคาเฟอีนที่ฮอกไกโด โตเกียว และโอกินาวาด้วย ใครรู้ตัวว่าเป็นสายคาเฟ่ ชวนเพื่อนมาปักหมุดไว้สำหรับทริปต่อไปได้เลย!

Shozo Coffee
ร้านนี้ค่อนข้างฮ็อตฮิตใน Location ของ Instagram พอสมควร ตั้งอยู่ในย่าน Omote-Sando ของเมืองหลวงอย่างโตเกียวนี่แหละ เป็นร้านที่สายคาเฟ่ไม่ว่าชาติไหนก็ต้องแวะไปเช็คอิน เนื่องจากบรรยากาศร้านดีงามมากกกก แม้จะเป็นเพียงคาเฟ่เล็กๆ แต่ก็ให้ฟีลอบอุ่น ไม่ว่าใครเดินผ่านก็ต้องสะดุดตา เพราะเขาออกแบบตกแต่งสไตล์คอทเทจหรือบ้านไม้ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางตึกรามสูงใหญ่อันแสนวุ่นวาย เดินเที่ยวมาเหนื่อยๆ ได้นั่งลงแบบเนือยๆ แล้วจิบกาแฟหอมๆ สักแก้ว ก็เป็นที่สุดของความฟินสำหรับ Coffeeholic อย่างเราแล้วล่ะ จริงมั้ย : )




วิธีการเดินทาง : รถไฟ Tokyo Metro สายสีส้ม (Ginza Line) สายสีเขียว (Chiyoda Line) หรือสายสีม่วง (Hanazomon Line) ลงสถานี Omote-Sando ทางออก A4
พิกัด : https://goo.gl/maps/Y6oujwcBrSQjePRK6
Cafe Kitsune
เดินถัดมาจากร้าน Shozo Coffee แค่นีสเดียว ก็จะถึงอีกหนึ่งคาเฟ่ที่เรียกว่าโด่งดังพอตัวเลยสำหรับร้านนี้ เพราะกลายเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินยอดนิยมของโตเกียวไปแล้ว ไม่ว่านักท่องเที่ยวหรือแม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็ต้องแวะมาเช็คอินกันที่นี่ โดย Cafe Kitsune เป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์แฟชั่นชื่อดังจากฝรั่งเศสอย่าง ‘Maison Kitsune’ ที่มาเปิดช็อปอยู่ในย่านโอโมเตะซันโดะแล้วสร้างคาเฟ่ไว้ข้างๆ กัน ภายในร้านกว้างขวางพอสมควร มีที่นั่งทั้งโซน Indoor และ Outdoor รสชาติกาแฟก็เข้มข้น กลมกล่อม สมชื่อ แต่ราคาจะค่อนข้างสูงกว่าร้านอื่นในย่านนี้อยู่นิดหน่อยจ้า



วิธีการเดินทาง : รถไฟ Tokyo Metro สายสีส้ม (Ginza Line) สายสีเขียว (Chiyoda Line) หรือสายสีม่วง (Hanazomon Line) ลงสถานี Omote-Sando ทางออก A4
พิกัด : https://goo.gl/maps/HdGWVduxvfTZeGQS8
Chop Coffee
เราเห็นร้านนี้จากใน Instagram แล้วก็ปักหมุดไว้รัวๆ เลยว่าทริปโตเกียวมาถึงเมื่อไรจะต้องไปร้านนี้ให้ได้! เพราะบรรยากาศและสไตล์ของร้านมันน่าไปถ่ายรูปมากจริงๆ แลดูโมเดิร์น ชิค คลีน มินิมอลสุดๆ โดย Chop Coffee เป็นคาเฟ่เล็กๆ ค่ะ ภายในร้านมีที่นั่งไม่มากนัก แต่เท่าที่สังเกต คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะนิยมซื้อแบบ Take away ออกไปถือกินนอกร้านมากกว่าอยู่แล้ว แต่ร้านนี้เขาเก๋ตรงที่มีเก้าอี้นั่งเล็กๆ อยู่หน้าร้านด้วย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเป็นมุมถ่ายรูปเช็คอิน ถ้าใครเป็นสายคาเฟ่แล้วอยากมีรูปเก๋ๆ อัพขึ้น IG ยังไงก็ต้องไปโดนจ้า




วิธีการเดินทาง : รถไฟ Tokyo Metro สายสีส้ม (Ginza Line) สายสีเขียว (Chiyoda Line) หรือสายสีม่วง (Hanazomon Line) ลงสถานี Omote-Sando ทางออก A1
พิกัด : https://goo.gl/maps/ZpgciFPyYPBFoNKx6
Ampere (アンペア)
ใครเป็นแฟนพันธุ์แท้แซนวิชโทสต์ ขอบอกเลยว่าต้องไปโดนร้านนี้! เพราะเขาเด่นเขาดังเรื่องขนมปังมาก โดยเฉพาะแซนวิชแฮมชีส ที่อร่อยจนต้องร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว ส่วนบรรยากาศของร้านเป็นสไตล์เรียบง่าย สบายๆ มีทั้งโซน Indoor และ Outdoor ตั้งอยู่ระหว่างย่านโอโมเตะซันโดะและชิบุยะ ฉะนั้นจะเดินมาจากทางไหนก็ได้ค่ะ กระซิบไว้ว่าเดินไกลจากสถานีนิดนึง แต่เพื่อแซนวิชโทสต์แสนอร่อยนั้น การันตีได้เลยว่าคุ้มค่าเหนื่อยค่า : )




วิธีการเดินทาง : รถไฟ Tokyo Metro สายสีส้ม (Ginza Line) สายสีเขียว (Chiyoda Line) หรือสายสีม่วง (Hanazomon Line) ลงสถานี Omote-Sando ทางออก B1
พิกัด : https://goo.gl/maps/Hrf6KeLR8WwndU7r6
Sakanoue Cafe
ตั้งแต่แพนด้าน้อย Xiang Xiang คลอด ย่านอุเอะโนะก็เต็มไปด้วยแพนด้า จนเรียกได้ว่าแพนด้ากลายมาเป็นสัญลักษณ์ของย่านอุเอะโนะไปเรียบร้อยแล้ว ไม่เว้นแม้แต่ขนม ของฝาก รวมไปถึงคาเฟ่ ซึ่ง Sakanoue Cafe ก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ใกล้สถานีอุเอะโนะซะทีเดียว แต่ก็สามารถนั่งรถไฟใต้ดินไปได้ ไม่ไกลเลย

ร้านนี้มีเค้กหน้าแพนด้า หน้าตาน่ารักน่ากิน รวมไปถึงโกโก้ร้อนที่ท็อปด้วยมาสเมลโล่ดุ๊กดิ๊ก จิบช่วงอากาศหนาวๆ นี่โคตรฟิน ถ้าใครไปเที่ยวแถวย่านอุเอะโนะ แล้วอยากหาคาเฟ่น่ารักอบอุ่นนั่งสักร้าน แนะนำว่าควรแวะไปเช็คอินที่ร้านนี้เลยจ้า


วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro Ginza Line ลงสถานี Suehirocho ทางออก 4
พิกัด : https://goo.gl/maps/EGvjiaG5ACwWPYg49
Cafe Morihiko
ขอพาบินลัดฟ้าไปสัมผัสความหนาวที่ฮอกไกโดกันบ้าง เพราะเราเชื่อว่าสายคาเฟ่ต้องเคยฝันถึงโมเมนต์ที่ได้นั่งจิบกาแฟกลิ่นหอม รสชาตินุ่ม ในบ้านไม้สไตล์คอตเทจกลางป่าที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะ ซึ่ง Cafe Morihiko ตรงสเป็คตามที่เคยฝันเลยค่ะ

ร้านนี้ตั้งอยู่ที่เมืองซัปโปโร บรรยากาศภายนอกร้านน่ารักมากกกกก เหมือนกระท่อมไม้กลางป่าที่หยุดเวลาเอาไว้อยู่หลังเดียวท่ามกลางบ้านเรือนสไตล์ญี่ปุ๊นญี่ปุ่นในยุคปัจจุบัน หน้าร้านมีหิมะหนาท่วมจนเกือบถึงขอบหน้าต่างที่เต็มไปด้วยเถาวัลย์ แต่มันแลดูเข้ากับสไตล์ของบ้านคอตเทจหลังนี้ชะมัด ยิ่งได้บรรยากาศของหิมะที่กำลังตกโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่องด้วยแล้ว .. บอกเลยว่าเป็นโมเมนต์ที่โรแมนติกมาก บรรยากาศแบบนี้แหละที่มัดใจคอกาแฟหลงถิ่นอย่างเราได้อยู่หมัด ใครไปซัปโปโร ต้องแวะไปเช็คอินค่า



วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินสาย Tozai Line (สายสีส้ม) ลงสถานี Maruyama Koen ทางออก 4
พิกัด : https://goo.gl/maps/nnQ3gJmtYsZQicec9
Garden Cafe Raurau
ยังคงอยู่ที่ฮอกไกโดค่ะ แต่ขอเปลี่ยนฟีลจากหนาวๆ ย้ายมานั่งอุ่นๆ อยู่ในคาเฟ่กลางสวนดอกไม้กันบ้าง โดย Garden Cafe Raurau เป็นคาเฟ่ที่ตั้งอยู่ในสวนป่าพันปีโทคาจิ (Tokachi Millennium Forest) สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองโอบิฮิโระ ซึ่งเป็นสวนที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่มากกกก มีความกว้างมากถึง 400 เฮกเตอร์เลยทีเดียว ภายในยังมีสวนดอกไม้ที่ได้รับรางวัล SGD Award 2012 รวมไปถึง Art Garden ที่มีคาเฟ่ไม้สไตล์คอตเทจน่ารักแห่งนี้ตั้งอยู่ด้วย มาทีเดียวได้เช็คอินถึงสองที่ คุ้มเลย!





วิธีการเดินทาง : แนะนำว่าเช่ารถขับไปจะสะดวกที่สุดค่ะ เพราะถ้าเดินทางเอง ถึงแม้จะสามารถนั่งรถไฟไปลงที่สถานี JR Tokachi Shimizu ได้ก็ยังต้องต่อแท็กซี่ไปเกือบ 20 นาที ซึ่งค่าแท็กซี่ค่อนข้างแพง เช่ารถขับไปเองคุ้มกว่าค่า
พิกัด : https://goo.gl/maps/Gb389QQWGGbDfXfm6
INN Cafe
จากเหนือสุด ย้ายลงมาใต้สุดที่เกาะโอกินาว่ากันบ้าง .. INN Cafe เป็นคาเฟ่กึ่งสตูดิโอ มีทั้งหมด 4 ชั้น แต่ละชั้นตกแต่งไม่ซ้ำกันเลย พอมาถึงก็ขอให้บึ่งตรงขึ้นไปสั่งเครื่องดื่มที่ชั้นบนสุด (ชั้น 4) ก่อน เพราะที่นี่เขามีกฎว่าห้ามเข้ามาถ่ายรูปอย่างเดียว ต้องสั่งเครื่องดื่มอย่างน้อยคนละ 1 แก้วด้วย เช่น มา 2 คน ก็ต้องสั่ง 2 แก้ว แล้วจะไปนั่งตรงไหน ชั้นไหนก็ได้ตามแต่ใจ ซึ่งชั้นที่พีคที่สุดนี่ก็ต้องยกให้ชั้น 3 เพราะมีห้องที่ตกแต่งเป็นห้องนอนและห้องน้ำ โดยมีฉากหน้าเป็นวิวทะเล โอ๊ย สวยเวอร์ จะลั่นชัตเตอร์มุมไหนก็พีคไปหมดทุกมุม อัพลง IG ได้รัวๆ เลย!





วิธีการเดินทาง : ส่วนตัวเราเช่ารถขับค่ะ ซึ่งเป็นวิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวในโอกินาว่าจ้า
พิกัด : https://goo.gl/maps/GfvcLf1Aej9zzLAB6
The Junglila Cafe
ในโอกินาว่ามีคาเฟ่น่านั่งหลายร้านมากจริงๆ ซึ่ง The Junglila Cafe ก็เป็นหนึ่งในร้านดังที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนโอกินาว่าค่ะ ร้านนี้ตั้งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านอเมริกัน มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า คาเฟ่ชิงช้า เพราะภายในร้านมีที่นั่งเป็นชิงช้าด้วย เป็นร้านเล็กๆ ที่มีกลิ่นอายสไตล์โบฮีเมียน หลายคนชอบไปถ่ายรูปแบบชิคๆ เก๋ๆ แต่เราแวะไปช่วงเย็นๆ ตอนพระอาทิตย์กำลังจะตก นั่งดูวิวแสงสุดท้ายจากในร้านโคตรชิลเลย วิวพระอาทิตย์ตกตอนเย็นสวยมากๆ ค่า




วิธีการเดินทาง : ส่วนตัวเราเช่ารถขับค่ะ ซึ่งเป็นวิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวในโอกินาว่าจ้า
พิกัด : https://goo.gl/maps/7oxtLRvK5L6EMMFS9
Hammock Cafe la Isla
ปิดท้ายร้านที่ 10 กันที่โอกินาว่านี่แหละ เพราะคอนเซปต์ของร้านนี้เขาเก๋มาก ปล่อยผ่านไปไม่ได้เลยเชียว ทุกโต๊ะเป็นเปลญวนหมดเลย มานั่งเล่น นอนเล่นนี่โคตรจะชิล ที่สำคัญร้านนี้ยังตั้งอยู่ที่ Umikaji Terrace Senagajima เป็นย่านชิคๆ ริมทะเลที่ตัวอาคารทั้งหมดถูกออกแบบให้เป็นสีขาวตัดกับสีฟ้าครามของน้ำทะเล ด้วยลักษณะที่ลดลั่นกันเป็นชั้นๆ ทำให้ที่นี่ดูคล้ายซานโตรินี ถ่ายรูปมุมไหนก็สวยชิคไปหมดทุกมุม!




วิธีการเดินทาง : ส่วนตัวเราเช่ารถขับค่ะ ซึ่งเป็นวิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวในโอกินาว่าจ้า
พิกัด : https://goo.gl/maps/qmXUmuUngfCdkEPG9
ดูรีวิว คาเฟ่ญี่ปุ่น จบแล้วไปดูรีวิวแหล่งช้อปปิ้งญี่ปุ่นกันต่อเลย
> JAPAN SHOPPING GUIDE : รีวิวแบรนด์แฟชั่นญี่ปุ่น เสื้อผ้าน่ารัก ราคาน่าคบ