5 ออนเซ็นสุดว้าว ที่ต้องไปเช็คอินสักครั้งในชีวิต!
5 Awesome onsen experience!
- June, 2017 -

01
Houshi Onsen Chojukan Ryokan
Minakami, Gunma


ออนเซ็นแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี พ.ศ. 2549 โดยตัวอาคารถูกสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2418 แบ่งเป็นอาคารใหญ่ 3 หลัง ที่นี่มีทั้งบ่อออนเซ็นแบบ indoor และ outdoor เปิดให้บริการ โดยส่วนใหญ่ของออนเซ็นเกือบทุกที่ มักจะมีไฮไลท์เป็นทิวทัศน์ภายนอกที่สวยงามชวนว้าวแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่นและบรรยากาศ แต่ที่โฮชิออนเซ็นแห่งนี้ แม้ว่าจะมีบ่อให้เลือกแช่ 3 แบบ แต่ไฮไลท์ของบ่อออนเซ็นที่นี่กลับต้องยกให้ ‘โฮชิโนะยุ’ ซึ่งเป็นบ่อรวมชาย – หญิง ที่อยู่ในอาคารไม้เก่าแก่ของตัวเรียวกัง แบ่งออกเป็น 4 บ่อ ซึ่งจะให้อุณหภูมิความร้อนของน้ำที่ต่างกันเล็กน้อย ว่ากันว่าตัวน้ำแร่ที่ผุดขึ้นมาจากชั้นหินด้านล่างบ่อ ประกอบไปด้วย แคลเซียมซัลเฟต และโซเดียมซัลเฟต ซึ่งมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการโรคกระเพาะ, แผลไฟไหม้ และโรคหลอดเลือดตีบอีกต่างหาก — นอกจากตัวอาคารจะเก่าแก่งดงามจนได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกแล้ว ภายในอาคารยังมีของตกแต่งอีกหลากหลายที่ชวนให้ว้าวไม่แพ้กัน เราว่าแค่เดินเสพความสวยงามแปลกตาภายในก็คุ้มแล้ว นี่ขนาดยังไม่ได้รวมวิวสวยๆ ของต้นไม้ร่มครึ้มด้านนอก และแม่น้ำ Nishi ที่อยู่ใกล้ๆ เข้าไว้ด้วยเลยนะ — เอาน่า ชีวิตนึง จะมีสักกี่ครั้งกันล่ะ ที่เราจะได้นอนพักภายใต้หลังคาของสิ่งปลูกสร้างที่เรียกว่าเป็นมรดกของโลก แค่นี้ก็คุ้มแล้วละ หรือคุณว่าไม่จริง?


พีคที่สุด: แม้จะได้ชื่อว่าสวยทุกฤดู แต่เราว่าพีคสุดต้องนี่เลย ไม่ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็ต้องหิมะละน่ะ
การเดินทาง: จากสถานีโตเกียว นั่งชินคันเซ็นมาลงที่สถานี Jomo – Kogen จากนั้นให้นั่งรถบัสมาลงที่ Sarugakyo Onsen ใช้เวลาประมาณ 40 นาที แล้วต่อรถบัสหรือแท็กซี่ไปที่โฮชิ เรียวกัง ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : http://hoshi-onsen.com/english/index.html
02
Hotel Rankeisou Inn
Sanjo, Niigata


นี่คืออีกหนึ่งที่สุดของโรงแรมสไตล์เรียวกังที่ขลังและเก่าแก่จนได้รับเลือกให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น! อย่างแรกขอพูดถึงที่ตั้งอันสุดลึกลับ เพราะตั้งอยู่ท่ามกลางวงล้อมของภูเขา เวิ้งที่ราบเดียวในละแวกหุบเขานี้คือที่ตั้งของโรงแรม ดังนั้น ตัดเรื่องความพลุกพล่านวุ่นวายออกไปได้เลย ต่อมาคือเรื่องของตัวอาคารโรงแรม ที่ต้องย้ำอีกที ว่าที่นี่ได้รับเลือกให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น ทุกมุมด้านในตัวอาคาร คุณจะสัมผัสได้ถึงความชาญฉลาดปราดเปรื่องในการก่อสร้าง ไม้ทุกส่วนเข้าลิ้นโดยไม่ใช้ตะปู ช่องแสงแต่ละห้องเป็นไม้แกะสลักเป็นรูปต่างๆ อย่างอ่อนช้อยสวยงามโดยไม่ซ้ำกัน ความสลับซับซ้อนของแปลนอาคารอาจทำให้คุณเดินหลงเหมือนที่เราหลง แต่ถ้าถือว่าเป็นการได้โอกาสทัศนศึกษาให้ทั่วไปในตัวก็เพลินดีนะคุณ หากคุณเป็นคนรักความสงบและเป็นส่วนตัว บอกเลยว่าที่นี่จะไม่มีทางทำให้ผิดหวัง เพราะแม้กระทั่งการกินอาหารแต่ละมื้อ เขาก็จะจัดห้องให้เป็นพิเศษ แขกทุกคนจะได้ห้องกินข้าวเป็นสัดส่วนและส่วนตัวไม่ต้องนั่งปะปนกัน ในส่วนของอาหารก็บอกได้เลยว่า ‘โคตรอร่อย’ เป็นอาหารสด ใหม่ สะอาด จากธรรมชาติ ที่เรียบๆ ง่ายๆ ไม่ผ่านการปรุงแบบวิเศษอลังการ แต่อร่อยน้ำตาคลอเลยคุณขา จนถึงตอนนี้อาหารของที่นี่ก็ยังทำให้เราคิดถึงอยู่ไม่รู้คลายเลยละ
ความเจ๋งอีกอย่างของที่นี่คือชัยภูมิที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะมีลำธารไหลผ่านด้านข้าง ทำให้ออนเซ็นนี้เป็นอีกหนึ่งจุดยอดนิยมของการมาพักผ่อนในหน้าร้อนเลยนะ เพราะแค่เดินออกจากที่พักไม่กี่ก้าวก็แหย่เท้าลงเล่นน้ำได้เลย ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็เป็นอีกฤดูที่น่าจะสวย ด้วยความที่แวดล้อมไปด้วยภูเขา เราจึงเดาเอาว่าสีสันของต้นไม้ที่รายล้อมตัวโรงแรมอยู่น่าจะไม่ธรรมดา และในฤดูหนาวที่เรามาก็ถือว่าสวยไปอีกแบบ คือมันให้ความรู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ในฉากหนังญี่ปุ่นโบราณสักเรื่องที่ทั้งสวย ทั้งสงบ ทั้งตระการตา ไปได้ในเวลาเดียวกันละคุณ


พีคที่สุด: เดาเอาว่าหน้าหนาวที่หิมะท่วมแบบตอนที่ได้มานี่ละ น่าจะเจ๋ง!
การเดินทาง: จากสถานีโตเกียว นั่งชินคันเซ็นมาลงที่สถานี Jomo-Kogen จากนั้นต่อรถรับ – ส่งของโรงแรม ซึ่งมีให้บริการวันละ 1 เที่ยว ใช้เวลาประมาณ 50 นาที แต่หากใครพลาดรถรับ – ส่ง เที่ยวที่ว่า ต้องนั่งรถแท็กซี่มาเอง โดยราคาจะอยู่ที่ประมาณ 6,000 เยน แต่พิเศษตรงที่คุณสามารถหาเพื่อนร่วมทางเพื่อแชร์ค่าแท็กซี่กันได้ด้วยนะ ลองโทรคุยกับทางโรงแรมดู
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.rankei.com/english.htm
03
Takaragawa Onsen
Minakami, Gunma


ออนเซ็นชื่อดังแห่งเมืองมินาคามิ ที่เชื่อได้ว่าเหล่าคนรักออนเซ็นต้องเคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้าง ไม่มากก็น้อย ความเด็ดที่สุดของที่นี่คือ เป็นออนเซ็นกลางแจ้งที่อยู่ติดกับแม่น้ำแห่งเดียวของเมืองมินาคามิ แถมวิวรอบด้านยังสวยชนิดลืมหายใจ โดยเฉพาะถ้าไปในช่วงฤดูกาลใบไม้เปลี่ยนสี รอบด้านตั้งแต่ทางเข้าออนเซ็นไปจนถึงบ่อแช่จะมีหลากเฉดของใบไม้ให้ดูแบบละลานตา ไล่ไปตั้งแต่เขียว เหลือง ส้ม แดง ทั้ง 360 องศารอบตัว! อีกอย่างที่คงถูกใจชาวไทยขี้เขินอายอย่างเราๆ น่าจะเป็นการแช่ในบ่อรวมโดยไม่ต้องเปลื้องผ้า เพราะเขามีชุดให้ใส่สำหรับสาวๆ ทั้งหลาย ส่วนฝ่ายชายหนุ่ม เชิญนุ่งผ้าขนหนูจ้ะ แต่ยังไงๆ ก็ยังดีกว่านั่งแช่แบบโล่งโจ้งมองหน้ากันไปมาละน่า… จริงมั้ย??


พีคที่สุด: ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีคือที่หนึ่งในดวงใจเรา
การเดินทาง: จากสถานีโตเกียว นั่งชินคันเซ็นมาลงที่สถานี Jomo – Kogen จากนั้นต่อรถบัสรับ – ส่งของโรงแรม หรือ จากสถานี Jomo – Kogen นั่งรถไฟท้องถิ่นมาลงที่สถานี Minakami แล้วต่อรถบัสรับ – ส่งของโรงแรม ซึ่งรถบัสจะมีแค่วันละ 1 เที่ยวเท่านั้น รับ – ส่งทั้งจากสองสถานีด้วยเวลาที่ต่างกัน ควรโทรจองที่นั่งไว้ก่อน และไปให้ตรงเวลา
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.takaragawa.com/english.html
04
Hotel Futaba
Yuzawa, Niigata


ใกล้และง่าย คือนิยามการเดินทางมาที่นี่ เพราะนี่คือหนึ่งในโรงแรมสไตล์ออนเซ็นที่อยู่กลางเมืองยูซาว่า เมืองที่เวลานี้มาแรงนักหนาในหมู่ชาวไทยที่คลั่งไคล้การตะลุยหิมะ เพราะดูจากสถิติที่พุ่งทะยานขึ้นพรวดๆ ของชาวไทยที่เดินทางมายังลานสกี Gala Yuzawa อันโด่งดัง ซึ่งถือว่าเป็นลานสกีที่ใหญ่และเดินทางมาได้สะดวกง่ายดายที่สุดแห่งหนึ่งเลยทีเดียว อ่ะ ออกจากลานสกีมาว่ากันถึงเรื่องโรงแรมต่อ ทีเด็ดของฟุตาบะ นอกจากความสะดวกง่ายดาย ที่นี่ยังมีบ่อออนเซ็นถึง 28 บ่อ! โดยแบ่งเป็นบ่อกลางสำหรับแขกที่เข้าพัก 8 บ่อใหญ่ ทั้ง indoor และ outdoor แตกต่างกันทั้งขนาดและวิวทิวทัศน์ นอกจากนั้นเป็นบ่อออนเซ็นส่วนตัวที่อยู่ในห้องพัก โดยห้องที่ขอบอกว่าถ้าคุณกำสตางค์ไปมากพอต้องเป็นห้องนี้ นั่นคือห้องพิเศษของโรงแรมที่เรียกว่าห้อง Hanamizuki ซึ่งมีเพียงแค่สองห้องเท่านั้น — ความอลังการอยู่ตรงที่ไซส์กว้างขวางเหมือนเดินอยู่ในบ้านเดี่ยวสักหลัง สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีทั้งห้องนอนแบบเตียงและแบบฟูก มีทีวีจอยักษ์ มีเก้าอี้นวดไฟฟ้า มีบ่อออนเซ็นส่วนตัวซึ่งจะนั่งแช่แบบส่วนตั๊วส่วนตัวด้านใน หรือจะแหวกว่ายออกมานั่งแช่ชมวิวภูเขาด้านนอกก็เชิญเลือกได้ตามอัธยาศัย แต่ความอลังการชวนตะลึงที่สุดของห้องนี้ที่ทำให้เราว้าวแบบตาค้าง คือวิวนอกหน้าต่างบานใหญ่ปานจอภาพยนตร์ที่กินเนื้อที่ผนังห้องไปเต็มๆ หนึ่งด้าน ทันทีที่รูดม่านผืนใหญ่ออกจากกัน สวรรค์ก็ปรากฏอยู่หน้าเรา!


พีคที่สุด: วิวหน้าหนาวที่ราวกับหลุดเข้าไปในฉากหนังคือสิ่งที่เราให้ทั้งใจ!
การเดินทาง: จากสถานีโตเกียว นั่งชินคันเซ็นมาลงที่สถานี Echigo – Yuzawa จากนั้นเดินมาไม่เกิน 15 นาที หรือใครเลือกนั่งแท็กซี่ก็ได้ ไม่ว่ากัน
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.hotel-futaba.com/
05
Hotel Ryuudou
Minakami, Gunma


ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งซึ่งหลงใหลการแช่ออนเซ็น บอกได้เลยว่านี่ต้องเป็น ‘สวรรค์’ สำหรับคุณ! เพราะที่โรงแรมริวโดะแห่งนี้ มีบ่อออนเซ็นแบบส่วนตัวให้เลือกแช่ถึง 18 บ่อ!! ใช่ อ่านไม่ผิดหรอกคุณ 18 บ่อจริงๆ แถมยังเป็น 18 บ่อที่ไม่ซ้ำคอนเซ็ปท์กันเลยอีกต่างหาก แล้วถ้าคุณมานะอุตสาหะแช่จนครบ ยังสามารถมาขอรับของที่ระลึกจากทางโรงแรมไปได้เลย! โดยทางโรงแรมจะมีแผนที่ให้หนึ่งแผ่น แต่ละแผ่นคุณสามารถถือไปเพื่อใช้ตราประทับที่มีให้ในแต่ละบ่อ แปะโป้งลงไปจนครบเมื่อไหร่ นำไปแลกของรางวัลเลยจ้า และนั่นละ จึงทำให้ที่นี่ได้รับสมญานามว่า Onsen Theme Park แห่งมินาคามิ! — อ่ะ กลับมาพูดถึงออนเซ็นทั้ง 18 บ่ออีกครั้ง ย้ำอีกทีว่าทุกบ่อเป็นแบบส่วนตัว วิธีการใช้คือด้านหน้าทางเข้าจะมีป้ายไม้บอกชื่อแต่ละบ่อเสียบไว้ ให้คุณหยิบป้ายที่อยากแช่ติดมือไป แล้วเสียบไว้หน้าประตูทางเข้าบ่อของคุณ เป็นอันรู้กันว่าบ่อที่มีป้ายเสียบอยู่กำลังมีคนใช้ ดังนั้น หมดปัญหาเรื่องความกังวลว่าจะมีคนเปิดผลัวะเข้ามาในขณะที่คุณเอนกายเปลื้องผ้าแช่อย่างสบายใจไปได้เลย
ในส่วนของทั้ง 18 บ่อ จะมีชื่อและคอนเซ็ปท์ต่างกัน อย่างห้องแม่น้ำ จะเป็นบ่อกว้างซึ่งทำทางน้ำเป็นรูปยาวๆ คดเคี้ยวไปมา สุดปลายจะไปจ๊ะเอ๋เข้ากับแม่น้ำที่อยู่ด้านข้างบ่อพอดี หรือห้องดวงดาวที่ก้นบ่อด้านล่างจะฝังไฟดวงเล็กๆ เอาไว้ เมื่อคุณแช่ในยามค่ำคืน จะเหมือนยืนอยู่กลางดวงดาวเลยละ ฝ่ายใครที่รักความเร้าใจสักหน่อย เราขอแนะนำห้องถ้ำ จ้ะ ตามชื่อเลยคุณ ตั้งแต่เปิดประตูเข้าไปจะเจอทางเดินยาวทำจำลองผนังถ้ำให้เดินตามไป สุดทางจะเจอบ่อแช่ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก รายล้อมรอบด้านด้วยความตะปุ่มตะป่ำเหมือนผนังถ้ำจริงๆ เลยคุณ — โอ๊ยยยย พรรณนายังไงก็คงไม่หมด เอาเป็นว่าถ้ามีโอกาส ไปลองเองเถอะ มันเพลินดีจริงๆ


พีคที่สุด: เนื่องจากมินาคามิจะสวยสุดในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เราจึงขอเดาว่านี่ละน่าจะเป็นช่วงพีคของออนเซ็นนี้เช่นกัน แต่เราไปในช่วงฤดูหนาวที่หิมะพรั่งพรูลงมา ขอบอกว่าก็ไม่เลวนะเออ
การเดินทาง: จากสถานีโตเกียว นั่งชินคันเซ็นมายังสถานี Jomo – Kogen นั่งรถบัสต่อมาอีก 30 นาทีจนถึงตัวเมืองมินาคามิ จากนั้นจึงต่อรถบัสไป Yunokawa อีกราว 40 นาที ก็จะถึง — เอาน่ะ ช้างเผือกก็ต้องอยู่ในป่าลึกยังไงก็ยังงั้นละคุณ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.ryuudou.com/onsen.html (translate จากภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาอังกฤษเอาหน่อยนะคุณขา)
AUTHOR

S.J.
สาว (เหลือ) น้อย ที่ชอบคิดว่าตัวเองยังเอ๊าะ
รักการแบกเป้ตะลุยโลก (โดยเฉพาะฝั่งเอเชีย) ชอบที่จะได้
เรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างของแต่ละตารางเมตรบนแผนที่ผ่าน
อาหารการกินและการเม้าท์มอยกับผู้คนท้องถิ่นเป็นอย่างยิ่ง
แต่ยังไปได้ไม่กี่ประเทศเพราะทุนยังไม่อำนวย …
รวยเมื่อไหร่จะพาทุกคนในเว็บนี้ไปให้ได้ ไม่เชื่อคอยดู!