แผนเที่ยว “พัทยา” ใน 48 ชั่วโมง กับมุมมองใหม่ที่ชวน “ว้าว!”

คาเฟ่น่ารัก สไตล์ซัมเมอร์มุ้งมิ้งติดริมทะเล ตั้งอยู่ข้างๆ รีสอร์ทชื่อดังอย่าง “วีรันดา (Veranda Resort Pattaya)” ฉะนั้นจึงสามารถใช้พิกัดการเดินทางเดียวกันได้เพราะใช้ทางเข้าเดียวกัน อันที่จริงร้านนี้เด่นเรื่องไอศกรีมโฮมเมด แต่ก็มีเมนูดับร้อนให้เลือกหลายเมนู เราว่าถ้าไม่อยากจัดหนักมากเพราะเกรงใจไขมัน สั่งแค่ “คุกกี้เนื้อนิ่มสอดไส้ไอศกรีม” (เลือกรสชาติได้) มากินคู่ “คาราเมล มัคคิอาโต้” แบบเราก็ได้ แล้วก็จิบกาแฟดูวิวทะเลไป มันก็จะเพลินๆ เผลออิ่ม (ใจ) ไปโดยไม่รู้ตัว ร้านนี้มีทั้งโซน Indoor และ Outdoor นะ ถ้าร้อนจะนั่งตากแอร์อยู่ข้างในก็ได้ หรือจะนั่งข้างนอกที่มีให้เลือกทั้งที่ร่มภายในร้าน และเก้าอี้ชายหาดริมทะเลก็ได้รับลมทะเล เย็นสบายไม่แพ้กัน

ร่มรื่นใต้เงา “ศิลปะ” ในคาเฟ่ที่ต้องเรียกว่า “อาร์ต” สมชื่อ เพราะภายในร้านเต็มไปด้วยผลงานด้านศิลปะ ทั้งภาพวาดสีน้ำสวยๆ ที่ประดับประดาอยู่เต็มพนังร้าน รวมถึงหนังสือหนังหาทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้หยิบจับมาอ่านระหว่างรออาหาร และถ้าจะนับรวมว่าธรรมชาติเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่งก็คงต้องขอพรีเซนต์บรรยากาศภายนอกของร้าน เพราะที่นั่งโซน Outdoor อบอุ่น ร่มรื่นไปด้วยร่มไม้นานาพันธุ์ สามารถเลือกได้ว่าจะนั่งเย็นๆ อยู่ภายใน หรือนั่งสูดอากาศบริสุทธิ์อยู่ที่โซน Outdoor ส่วนกาแฟเราว่าใช้ได้ทีเดียว เมนูแนะนำ คือ ลาเต้เย็น แต่สูตรของที่ร้านจะมีวิปครีมโรยผงมัทฉะเพิ่มเข้ามาด้วย หวานนิดๆ มันหน่อยๆ อร่อยดี ถ้ายังไม่หายร้อนก็สั่ง ปังเย็น มากินต่อเลย รับว่าชื่นใจ!

ถ้าอยากเปลี่ยนฟีลให้หนีจากความซัมเมอร์ซะหน่อย ที่พัทยาเขาก็มีโครงการสวยๆ สไตล์สวนยุโรปที่ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในนิยายเป็นอีกหนึ่งจุดให้เช็คอินอยู่นะ โครงการที่ว่านี้คือ A’ La Campagne อเวนิวเล็กๆ ที่ตั้งของ Tea Factory นั่นเอง ร้านนี้เต็มไปด้วยสารพัด “ชา” มากมายหลายรสชาติให้เลือก สมชื่อ Tea Factory เขาล่ะ พร้อมด้วยเมนูขนมหวาน และอาหารฝรั่ง เช่น มักกะโรนีชีส หรือสปาเก็ตตี้ ฯลฯ ไว้เสิร์ฟเป็นมื้อหนักด้วย อิ่มแล้วก็ออกมาเดินเล่นในสวน หรือช็อปปิ้งสินค้าน่ารักๆ ติดไม้ติดมือกลับบ้านก็ได้ มีร้านค้าเล็กๆ ตั้งอยู่ข้างร้าน หรือถ้าอยากถ่ายรูป เช็คอิน ที่นี่ก็มีหลายมุมที่ชวนว้าวเลยทีเดียว ^^

ท่าจอดเรือขนาดใหญ่ซึ่งเป็นจุดจอดเรือยอร์ช เรือหรู เรือส่วนตัว และอีกสารพัดเรือในเมืองพัทยา ฉะนั้นสำหรับทริปล่องเรือ ถ้าเป็นทัวร์เรือยอร์ชก็ต้องมาขึ้นเรือกันที่นี่แหละ แต่ Ocean Marina Yacht Club ไม่ได้เป็นแค่ท่าเรือเท่านั้นนะ เพราะที่นี่เป็นโรงแรมที่เปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปได้เข้าพักด้วย เรทราคาค่าห้องก็เริ่มต้นประมาณ 2,xxx บาท ซึ่งถือว่าคุ้มค่าสมราคา เพราะวิวที่เห็นมีความแตกต่างจากรีสอร์ททั่วไปในพัทยาที่มีแต่ทะเลให้มอง แต่ที่นี่มีเรือยอร์ชนับสิบ นับร้อยจอดเรียงรายอยู่ ดูแปลกตาทีเดียว

ได้เวลาก็ขึ้นเรือจากท่าเรือ Ocean Marina Yacht Club บนเรือมีทั้งหมด 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นห้องนอน และห้องนั่งเล่น มีห้องน้ำ พร้อมครัวเล็กๆ ด้วย ส่วนชั้นบนเป็นที่นั่งของคนขับ แต่ก็มีที่นั่งซึ่งนั่งได้ประมาณ 4-5 คนเลย คนขับเรือแนะนำว่า ถ้าเมาเรือควรนั่งข้างบน หรือไม่ก็ท้ายเรือ ให้สายตาได้มองเห็นทิวทัศน์ไกลๆ ได้รับลมทะเล เพราะเรือจะโคลงเคลงมากโดยเฉพาะในห้องนอนและห้องนั่งเล่น ขนาดเราว่าเป็นคนไม่เมาเรือแล้วยังต้องซัดยาแก้เมาเรือเข้าไปหนึ่งเม็ด ยิ่งเป็นการออกทะเลแบบนานๆ ติดต่อกันทั้งวัน เราว่ายังไงก็ต้องมีเมากันบ้าง ฉะนั้นใครคิดจะไปอย่าลืมติดยาแก้เมาเรือไปด้วยน้า

เกาะนี้ชื่อ “เกาะเป็ด” ชาวบ้านบางคนเรียกกันว่า “เกาะเกล็ดแก้ว” แต่ดันเป็นเกาะที่มีลิงอาศัยอยู่เต็มไปหมด ฉะนั้นนักท่องเที่ยวหลายคนอาจคุ้นเคยกันในชื่อ “เกาะลิง” มากกว่า แต่ไม่ว่าจะเรียกเกาะนี้ว่าอะไร ที่นี่ก็เป็นแหล่งอนุรักษ์ลิงแสมที่มีชื่อเสียงมากทีเดียว โดยเฉพาะชาวต่างชาติจะนิยมซื้อแพ็กเกจ One Day Tour ล่องเรือออกมาชม บ้างก็ลงไปซื้ออาหารเลี้ยงลิง เกาะนี้อยู่ไม่ไกลจากฝั่งเท่าไร แต่เราไม่ได้ขึ้นไป ได้แต่ส่องน้องลิงอยู่ไกลๆ ได้ยินมาว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่ลิงบนเกาะต้องทนหิวโหย เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวซื้ออาหารไปเลี้ยงเลย ก็เลยต้องมีคนเข้ามาช่วยดูแล เอาอาหารไปให้ลิงกิน เราว่าแบบนี้ดีนะ น้ำพึ่งเรือ เสือก็ต้องพึ่งป่า เราอาศัยธรรมชาติอยู่ ฉะนั้นก็ต้องช่วยดูแลเพื่อนร่วมโลกและธรรมชาติเหมือนกัน โลกจะได้ยังน่าอยู่ทุกวัน : )

อันที่จริงเกาะครามมีสองเกาะ คือ เกาะครามน้อย กับ เกาะครามใหญ่ สำหรับเกาะครามน้อยนั้นนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปเที่ยวชมได้ แต่เกาะครามใหญ่เป็นศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของกองทัพเรือ ฉะนั้นจึงไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวชมได้ วันนี้เราก็เลยมีโอกาสได้มาเที่ยวบนเกาะครามน้อยแทน ที่เกาะครามน้อยน้ำค่อนข้างใสกว่าฝั่งพัทยาอย่างเห็นได้ชัด แต่ชายหาดตรงทะเลจะเป็นทรายผสมหินกรวดเม็ดใหญ่ เวลาเดินก็เลยจะเจ็บๆ หน่อย ส่วนชายหาดมีรูปร่างโค้งยาวและมีสันทรายเล็กๆ ด้วย เรือจะจอดใกล้ๆ เกาะ แล้วก็จะมีเรือเล็กพาเราขึ้นไปบนเกาะอีกที เราว่าน้ำที่นี่ใสนะ ถ้าเทียบกับน้ำทะเลแถวฝั่งพัทยา แต่จะออกเป็นสีเขียวเข้มๆ ชวนแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าห่างออกมาจากฝั่งไม่เท่าไรแต่ระดับความใสของน้ำแตกต่างกันถึงเพียงนี้เลยหรือนี่

เกาะนี้แหละที่ชวนติดว้าว!! เพราะน้ำใสเวอร์ ระดับน้องๆ มัลดีฟส์เลยทีเดียว ชายหาดก็ขาวสะอาด เม็ดทรายละเอียดเนียนนุ่ม ในฐานะที่เคยไปมัลดีฟส์มาแล้ว กล้าพูดได้เต็มปากว่าสีน้ำและระดับความใสมีความใกล้เคียงกันมากกก ไม่น่าเชื่อเลยว่าทะเลพัทยาจะมีเกาะที่น้ำใสขนาดนี้อยู่ด้วย แต่เกาะริ้นเป็นอีกหนึ่งเกาะที่อยู่ภายใต้การดูแลของกองทัพเรือซึ่งเป็นเขตทหาร ฉะนั้นเรือที่นำคนขึ้นเกาะจึงต้องขออนุญาตจากกองทัพก่อน เท่าที่เห็นก็จะมีทัวร์ของ Ocean Marina Yacht Club นี่แหละที่พาไปเกาะริ้นด้วย เกาะนี้เหมือนเกาะครามน้อยคือต้องนั่งเรือเล็กเพื่อขึ้นเกาะอีกที เสียดายวันที่เราไปฝนเพิ่งหยุดตก ท้องฟ้าไม่แจ่มใส ไม่งั้นคงได้เห็นน้ำใสเป็นประกายกว่านี้แน่ๆ แต่แค่นี้ก็สวยประทับใจมากๆ แล้ว ใครจะไปคิดว่าทะเลใกล้กรุงเทพฯ แค่เอื้อมอย่างพัทยาจะสวยใสจนทำเราอดใจแปลกไม่ได้ จากนี้คงต้องเปลี่ยนมุมที่มองพัทยาใหม่ เพราะบางครั้ง สิ่งที่ใกล้ตัวก็อาจมีดีมากกว่าที่เราคิด ถ้าเราไม่เลือกที่จะมองข้ามไป ว่ามั้ย : )

จบทริปทัวร์สามเกาะ เรือก็จะพาเรากลับมาส่งยังท่าเรือของ Ocean Marina Yacht Club ซึ่งเป็นช่วงเย็นๆ แล้วล่ะ ถึงเวลานี้จะกลับกรุงเทพฯ เลยก็ได้ หรือจะนอนพักให้หายเหนื่อยที่โรงแรมสักคืนก็ได้ เพราะเขามีแพ็กเกจล่องเรือรวมที่พัก 1 คืนด้วย (สามารถสลับแผนวันแรกกับวันที่สองได้ตามความสะดวกของแต่ละคนเลยนะ ^^)

➡️ ทัวร์ 3 เกาะ ไม่รวมที่พัก 2,900 บาท
➡️ ทัวร์ 3 เกาะ รวมที่พัก 1 คืน 8,300 บาท