
ถ้าเทียบอันดับความนิยมของภูมิภาคในญี่ปุ่น “คิวชู (Kyushu)” อาจไม่ได้อยู่ในลิสต์ลำดับต้นๆ แต่เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของคิวชูอย่าง “ฟุกุโอะกะ” นับเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงติดอันดับต้นๆ ของโลกเชียวนา เพราะเคยได้รับตำแหน่ง “เมืองน่าอยู่ที่สุดในโลก” ด้วย ได้ยินแบบนี้ คงมีใครที่อยากไปพิสูจน์กันบ้างล่ะว่าเมืองที่ดูคล้ายจะอยู่นอกสายตาแห่งนี้มีอะไรดีหนอ สำหรับเราที่มีโอกาสได้ไปสัมผัสมาแล้วกับตัวเอง ขอบอกว่าต้องขอยอมรับในความมินิมอลของเมืองฟุกุโอะกะ คือ น้อยแต่มาก เป็นเมืองศิวิไลซ์ที่สุดในเกาะคิวชูแต่ไม่วุ่นวายเหมือนเมืองหลวงของภูมิภาคอื่นๆ ถูกใจคนชอบเดินเที่ยวแบบชิลๆ อย่างเรามากกก ที่สำคัญบรรยากาศที่นี่ยังน่ารัก ดูคล้ายจะเนิบช้าแต่ก็ไม่ขาดความกระฉับกระเฉง เราว่าที่นี่มีความลงตัวในด้านการใช้ชีวิตสูง ไม่วุ่นวาย แต่ก็ไม่ร้างความเจริญ ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าสมตำแหน่ง “หนึ่งในเมืองที่น่าอยู่ติดอันดับโลก” อ้ะ ว่าไปจะหาว่าอวดอ้างเกินจริง ถ้าอ่านแผนนี้จบแล้วยังมีคำถามว่า ฟุกุโอกะ มีอะไรดี คงต้องลองจองตั๋วเครื่องบินแล้วบินข้ามน้ำไปพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วล่ะ!

รู้จักเมือง ฟุกุโอกะ (Fukuoka) กันสักหน่อย
❤️ ฟุกุโอะกะ ได้ชื่อว่าเป็น “ประตูสู่ภูมิภาคคิวชู” เพราะเป็นด่านแรกของเส้นทางรถไฟชินคันเซ็นสายคิวชูซึ่งเชื่อมระหว่างเกาะคิวชูกับเกาะฮนชู อีกทั้งยังนับเป็นเมืองหลวงของเกาะคิวชูด้วย เพราะอัดแน่นด้วยความเจริญหลากหลายด้าน ยั๊ง ยังไม่จบ นอกจากเป็นประตูสู่ภูมิภาคคิวชูแล้ว ฟุกุโอะกะยังได้ชื่อว่าเป็น “ประตูสู่เอเชีย” เนื่องจากมีพื้นที่อยู่ใกล้กับประเทศอื่นๆ ในเอเชียมากที่สุดอีกด้วย
❤️ มีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ ถึงสนามบินฟุกุโอกะ (Fukuoka Airport) เลยนะ ความพิเศษของสนามบินแห่งนี้คือเป็นสนามบินที่ตั้งอยู่ใกล้กับตัวเมืองมากที่สุด! ห่างจากสถานี Hakata ซึ่งนับเป็นจุดศูนย์กลางเพียง 3 กิโลเมตรเท่านั้น สามารถนั่งรถไฟใต้ดินเข้าเมืองได้โดยใช้เวลาเดินทางแค่ 5 นาที! ชีวิตดีย์ตั้งแต่ลงจากเครื่องเลย
❤️ ฟุกุโอะกะนับเป็นเมืองฐานสำหรับตั้งต้นเพื่อเดินทางไปเที่ยวยังเมืองอื่นๆ รอบเกาะคิวชู คล้ายๆ นอนพักที่โอซาก้าเพื่อไปเที่ยวเกียวโต นารา โกเบ หรือเมืองในแถบคันไซนั่นแล ฉะนั้นถ้าตั้งใจจะเที่ยวเกาะคิวชูโดยไม่ย้ายไปภูมิภาคอื่น ก็สามารถนอนพักที่ฟุกุโอะกะแล้วจัด One Day Trip ไปเที่ยวยังเมืองรอบๆ ได้ ย่านที่พักแนะนำคือแถวสถานี Hakata เพราะนับเป็นชุมทางที่มีรถไฟหลายสาย หรือจะแว๊บไปนอนเมืองอื่นสัก 2-3 คืนก็ยังได้ เราว่าทุกจังหวัดในคิวชูมีเสน่ห์น่าไปสัมผัสทั้งนั้น : )
แผนที่คิวชู มีหลายเมืองน่าเที่ยวที่นั่งรถไฟจาก ฟุกุโอกะ ไปเที่ยวได้

เราหลงรักการเดินทางในเกาะคิวชูมาก! รู้สึกว่าภูมิภาคนี้ฉลาดในการนำเสนอไอเดียการท่องเที่ยวที่ไม่ซ้ำแบบใคร ประเทศอื่นๆ หรืออื่นเมืองๆ อาจพยายามสร้างแลนด์มาร์กหรือสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้แห่แหนมา แต่คิวชูไม่ทำแบบนั้น กลับเลือกสร้าง “รถไฟ” เป็นแลนด์มาร์กเพื่อนำเราท่องไปในหลายๆ พื้นที่แทน ทำให้เราเผลอลดความสำคัญของจุดหมายปลายทางลง เพราะคิวชูเสิร์ฟความสวยงามให้ชมตลอดเส้นทาง โดยไม่จำเป็นต้องสร้างสถาปัตยกรรมล้ำๆ หรือทำลายธรรมชาติเลย เพราะ “สิ่งที่มี” มันสวยงามที่สุดอยู่แล้ว ฉะนั้นถ้าใครมีโอกาสได้ไปเยือนฟุกุโอะกะ อย่าลืมหาเวลาจัดแพลนเพื่อไปเที่ยวยังเมืองอื่นๆ ของคิวชูบ้างนะ แล้วจะเข้าใจว่า เสน่ห์ของคิวชูคืออะไร ^^
แนะนำ Pass สำหรับเที่ยว ฟุกุโอกะ ใน 1 วัน
ฟุกุโอะกะมีรถไฟใต้ดินแค่ 3 สาย คือ Kuko Line, Hakozaki Line และ Nanakuma Line ซึ่งครอบคลุมถึงสถานที่ท่องเที่ยวเกือบทั้งหมด ฉะนั้นการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองฟุกุโอะกะจึงสะดวกง่ายดายและไม่ชวนสับสนเหมือนรถไฟใต้ดินของโตเกียวอย่างแน่นอน มีพาสแนะนำที่เหมาะสำหรับแผนเที่ยวฟุกุโอะกะในหนึ่งวัน คือ “Fukuoka Tourise City Pass” ราคา 820 เยน สามารถใช้ขึ้นรถไฟใต้ดิน รถบัส และรถไฟของ Nishitetsu ในเขตเมืองฟุกุโอกะได้ทั้งหมด (ยกเว้น JR) ภายใน 1 วัน แต่สำหรับแผนนี้ เราจะพาไปเที่ยวที่ Dazaifu ด้วย ฉะนั้นถ้าจะตามรอยเที่ยวตามแผนนี้เลย จะต้องซื้อพาส “Fukuoka City and Dazaifu” ราคา 1,340 เยน เพื่อใช้นั่งรถไฟไป Dazaifu สามารถซื้อพาสได้ที่สถานีรถไฟ Hakata และสถานีอื่นๆ ในฟุกุโอะกะ อ้อ สองพาสนี้ยังมีส่วนลดค่าสถานที่ให้หลายแห่งด้วยนะ เช็คได้จากที่นี่เลยจ้า Click

เตรียมตัวพร้อมแล้วก็ไปเที่ยวกันเลย!
ถึงแม้ฟุกุโอะกะจะเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของญี่ปุ่น ทั้งยังเป็นเมืองที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในคิวชู แต่สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่กลับไม่วุ่นวาย มีความเรียบง่ายเหมือนที่เราเกริ่นไว้ว่า “น้อยแต่มาก” แต่ไม่เงียบเหงานะ! ฉะนั้นเพื่อเอาใจเพื่อนๆ ให้ครบทุกแนว ทั้งสายกิน สายช็อป สายวัฒนธรรม สายธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นคนขี้เหงาที่โหยหาความคึกคัก หรือเบื่อหน่ายความคึกคักแล้วโหยหาความเงียบสงบ เราจะพาไปเที่ยวให้ครบทุกแนวในแผนนี้เลย! พิสูจน์กันให้เห็นจะๆ ว่าฟุกุโอะกะเป็นเมืองน่าเที่ยว น่าอยู่มากแค่ไหน ^^

08:00 – 09:00
Dazaifu

☝️ เดินทางจาก : สถานีรถไฟใต้ดิน Tenjin
✍️ วิธีการเดินทาง : การเดินทางไปเมืองดาไซฟุนั้นจะต้องนั่งรถไฟจากสถานี Nishitetsu Fukuoka Station ซึ่งเป็นสถานีที่อยู่ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟใต้ดิน Tenjin ฉะนั้นถ้าพักอยู่ย่านอื่น เช่น สถานี Hakata ก็จะต้องนั่งรถไฟใต้ดินจากสถานี Hakata มาลงที่สถานี Tenjin ก่อน แล้วเดินตามป้าย Nishitesu เพื่อไปขึ้นรถไฟที่สถานี Nishitetsu Fukuoka Station (เดินไกลนิดนึงน้า สถานีไม่ได้อยู่ติดกัน) หลังจากนั้นขึ้นรถไฟ Nishitetsu Tenjin-Omuta Line ลงสถานี Nishitestsu Fukakaichi Station แล้วเปลี่ยนไปนั่งรถไฟสาย Nishitetsu Dazaifu Line ลงสถานี Dazaifu
⌚ ใช้เวลา : 30 นาที
⌨️ ค่าเดินทาง : 400 เยน (ถ้าซื้อพาสแล้ว ก็ใช้พาสได้เลยเด้อ)
ดาไซฟุ (Dazaifu) คือเมืองเล็กๆ แต่แฝงด้วยความอบอุ่นและกลิ่นอายวัฒนธรรมที่อัดแน่น ตั้งอยู่ห่างจากเมืองฟุกุโอะกะประมาณ 15 กิโลเมตรเท่านั้นเอง สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญคือ ศาลเจ้าดาไซฟุ (Dazaifu Tenmangu) ศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงในหมู่เด็กนักเรียนญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก เพราะนิยมมาอธิฐานขอพรให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยติด

ระหว่างทางเดินไปศาลเจ้ามีถนนคนเดินซึ่งเรียงรายด้วยร้านค้ามากมาย นับเป็นเอกลักษณ์ของแดนปลาดิบเขาล่ะ เพราะไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้าหรือวัดที่เมืองไหนๆ ก็จะต้องมีถนนสายช็อปปิ้งเอาไว้ให้คนอย่างเราลดน้ำหนักในกระเป๋าสตางค์ตัวเอง ; p
พิกัดศาลเจ้าดาไซฟุ : https://goo.gl/maps/fiVFH9WzyysP1fpa6



ไฮไลท์ของถนนเส้นนี้คือ “Starbucks” สาขา Dazaifu Tenmangu ที่ออกแบบได้โดดเด่นแปลกตา เป็นผลงานของสถาปนิกชื่อดัง ‘Kengo Kuma and Associates’ ภายใต้คอนเซปต์การสร้างสตาร์บัคส์ให้กลมกลืนกับบรรยากาศของศาลเจ้าดาไซฟุนั่นเอง ภายในร้านมีที่นั่งไม่มาก แต่ส่วนใหญ่เป็นขาจร แวะมาสั่งกาแฟแล้วออกไปเดินจิบชิลๆ ซะมากกว่า พนักงานที่นี่น่ารักมากกก ถึงจะพูดภาษาอังกฤษไม่คล่อง แต่แนะนำดี และยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลาเลย ^^
พิกัด Starbucks : https://goo.gl/maps/SHaoX3fxpAMM3Wnw5


ใครอยากเดินเที่ยวไปยังสถานที่อื่นๆ ในดาไซฟุต่อก็ได้นะ เมืองเล็กๆ แบบนี้ สามารถเดินเท้าเที่ยวได้สบายเลย แต่สำหรับแผนตะลุยฟุกุโอะกะใน 24 ชั่วโมงนี้ เราจะแวะเวียนมาที่ศาลเจ้าดาไซฟุแค่แห่งเดียว เพราะเดี๋ยวต้องไปลุยเที่ยวในเมืองฟุกุโอะกะกันต่อ!


12:00
ห้างสรรพสินค้า Tenjin Core
แวะเติมพลังที่ร้าน Kisuitei (喜水亭 和樂)

☝️ เดินทางจาก : Dazaifu
✍️ วิธีการเดินทาง : วิธีเดินทางกลับนั้นใช้เส้นทางเดียวกับขามาเลย คือ นั่งรถไฟ Nishitetsu Dazaifu Line ที่สถานี Dazaifu ลงสถานี Nishitestsu Fukakaichi Station แล้วเปลี่ยนไปนั่งรถไฟสาย Nishitetsu Tenjin-Omuta Line ลงสถานี Nishitetsu Fukuoka Statio จากนั้นเดินต่อไปที่ห้าง Tenjin Care ซึ่งอยู่ติดกับสถานี Tenjin ขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้น 7 ตรงดิ่งไปที่ร้านได้เลย
⌚ ใช้เวลา : 30 – 40 นาที
⌨️ ค่าเดินทาง : 400 เยน (ใครมีพาส ใช้พาสได้เลยเด้อ)
ร้านอาหารญี่ปุ่นแท้ๆ ในเครือของ Kisuitei Group ตั้งอยู่บนชั้น 7 ของห้าง Tenjin Core มีเมนูอาหารญี่ปุ่นให้เลือกหลายหลาย ไม่ว่าจะเป็น ซาซิมิ ซูชิ หรือข้าวหน้าปลาดิบต่างๆ รวมไปถึงเซ็ตอาหารชุดราคาย่อมเยาว์ด้วย ร้านนี้คนค่อยข้างเยอะในช่วงค่ำ ต้องเขียนชื่อจองแล้วนั่งรอคิวสักพัก รสชาติอาหารอร่อยสมกับเป็นแดนปลาดิบเขาล่ะ สด ใหม่ ไม่คาว เราว่านี่คือความสุขของการเที่ยวญี่ปุ่นอีกอย่างหนึ่งเลยนะ เวลาได้กินซาซิมิสดๆ เนี่ยยย
พิกัด Tenjin Core : https://goo.gl/maps/mfRLrr347zTqKQzU7



14:00
ช็อปกระจายที่ SUPER SPINNS

เติมพลังด้วยอาหารอร่อยๆ จนอิ่มท้องแล้ว ก็ได้เวลาออกกำลังกายบริหารพุงและเงินเยนในกระเป๋าสตางค์! เชื่อว่านักช็อปตัวยงที่มีโอกาสไปเยือนญี่ปุ่นบ่อยๆ คงได้ผ่านเข้าร้าน Spinns ไปละลายทรัพย์กันบ้าง ใครยังไม่เคยไปจะขอเกริ่นเรียกแขกไว้นิดนึงละกันว่า “Spinns” คือร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นวัยรุ่นในราคาที่จับต้องได้ มีหลายสาขากระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศญี่ปุ่น แต่สาขา Tenjin Core นั้นสเปเชียล! เป็นถึง SUPER Spinns เพราะเหมาเอาพื้นที่ชั้น 8 ของห้างไปทั้งชั้น! ย๊าง ยังไม่พอ สาขานี้ยังมีมุมของมือสองไว้ให้สาวกวินเทจใจละลายด้วย ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ไฮเอนด์อย่าง Burberry หรือแบรนด์ญี่ปุ่นทั่วไปก็มีไว้ล่อตาให้สายช็อปทั้งหลายขนกลับบ้าน ถ้าคิดจะแวะไปที่นี่อย่าลืมเตรียมพื้นที่กระเป๋าไว้ใส่ของด้วยล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน ; p
พิกัด Tenjin Core : https://goo.gl/maps/mfRLrr347zTqKQzU7



16:00 – 17:00
Fukuoka Tower

☝️ เดินทางจาก : Tenjin Core
✍️ วิธีการเดินทาง : มีสองวิธีให้เลือกตามสะดวก
1. นั่งรถไฟใต้ดิน Fukuoka City Subway Kuko Line จากสถานี Tenjin ลงสถานี Nishijin ทางออก 1 แล้วเดินต่อประมาณ 20 นาที วิธีนี้ค่อนข้างต้องเดินไกลนะ แต่ฟุกุโอะกะเป็นเมืองน่ารักน่าเดิน ยิ่งถ้าไปช่วงอากาศดีๆ อย่างฤดูใบไม้เปลี่ยนสี หรือฤดูใบไม้เปลี่ยนผลิ รับรองว่าเดินชิลไม่มีเหนื่อย เหมาะสำหรับคนชอบเดินออกกำลังกาย
2. นั่งรถบัส Nishitetsu Bus W1 สาย 302 จากป้ายรถบัส 1A ลงที่ Fukuoka Tower เลย ใช้เวลาประมาณ 15 นาที แนะนำวิธีนี้สำหรับคนที่ไม่อยากเดินไกล ^^
ปล. ทั้งสองวิธีสามารถใช้พาส Fukuoka City and Dazaifu ได้เลยจ้า

“Fukuoka Tower” คือแลนด์มาร์กของเมืองฟุกุโอะกะ เป็นหอคอยที่มีความสูง 234 เมตร พิเศษกว่าหอคอยของเมืองอื่นๆ ตรงที่ตั้งอยู่ริมชายทะเล ฉะนั้นถ้าขึ้นไปชมวิวจากด้านบนก็จะมองเห็นวิวทะเลสวยงามมาก แต่เราไม่ได้ซื้อตั๋วขึ้นไปดูวิวด้านบนนะ เพราะจะรีบไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ชายหาดตรงสวนสาธารณะ Momochi Seaside Park ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ Fukuoka Tower นี่เอง

ระหว่างทางเดินไป Fukuoka Tower เจอแมวญี่ปุ่นตัวอ้วนนอนขดอยู่ตรงที่นั่ง ก็เลยถือโอกาสแวะพักขาข้างๆ เจ้าเหมียว ปรากฏว่านางเดินเข้ามานั่งบนตักเฉ๊ย แถมยังมาซุกตัวนอนหลับปุ๋ยอีกต่างหาก ปลุกก็ไม่ยอมตื่น สงสัยจะหนาว ฮาาา ดูดู๊ เมืองอะไร ขนาดแมวยังชิลเป็นมิตรขนาดนี้ แล้วจะไม่ให้ได้รับตำแหน่งเมืองน่าอยู่ไปครอบครองได้อย่างไรกัน : )



แวะเติมความหวานที่ร้าน Kits 福岡タワー店

ตรงทางเดินไปสวนสาธารณะ Momochi Seaside Park ซึ่งเป็นจุดหมายสุดท้ายของแผนนี้ มีร้านไอศกรีม “Kits” ไว้ให้แวะเติมความหวาน ร้านนี้ตั้งอยู่ก่อนถึงถนนที่จะต้องข้ามเพื่อไปยังชายหาด เป็นร้านไอศกรีมเล็กๆ แต่มีไอศกรีมให้เลือกชิมหลายรสชาติ จะใส่ถ้วยหรือใส่โคนก็ได้ เมนูเด็ดคือ ไอศกรีมนมสดสตรอว์เบอร์รี รสชาติอร่อย หวาน มัน กินเพลิน ลืมอ้วนค่าาา ยังไงถ้าเดินผ่านก็อย่าลืมแวะเติมพลังกันนะ : )


18:00 – 19:00
Momochi Seaside Park

☝️ เดินทางจาก : Fukuoka Tower
✍️ วิธีการเดินทาง : เดินประมาณ 5 – 10 นาที (ขึ้นอยู่กับความชิล)
ปิดท้ายแผนเที่ยว ฟุกุโอกะ เมืองน่าอยู่ ด้วยบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินริมชายทะเลที่ “Momochi Seaside Park” สวนสาธารณะริมอ่าวฮากาตะที่การันตีถึงความน่าอยู่ของเมืองฟุกุโอะกะได้อย่างดีเลิศ ตกเย็นจะมีหนุ่มสาวชาวแดนปลาดิบมานั่งมุ้งมิ้ง กรุ๊งกริ๊ง กินลม ชมวิว ดูพระอาทิตย์ตกดินกัน คาวาอิมั๊กๆ ถ้ามาถึงริมชายหาดแล้วยังพอมีเวลา แนะนำว่าเพิ่มความฟิตให้กำลังขาตัวเองอีกสักนิดแล้วเดินไปไกลจากจุดศูนย์กลางสักหน่อย จะเจอสะพานทอดยาวยื่นออกไปกลางทะเล ตรงจุดนี้จะสามารถเก็บภาพอ่าวฮากาตะรวมถึงแลนด์มาร์กอย่าง Fukuoka Tower ได้แจ่มชัดทีเดียว ยิ่งไปถูกที่ถูกเวลาตอนตะวันใกล้ร่ำลาจากท้องฟ้าไปนะ อืมหืมมม…โรแมนติกอย่าบอกใคร ^^




” .. เดินเที่ยวด้วยกันแบบนี้ ไปอีกหลายๆ ทริปนะ : ) .. “

รีวิวที่เที่ยวคิวชูยังมีอีกนะ
> แผนเที่ยว ยูฟุอิน (Yufuin) เมืองน่ารักกลางหุบเขา หนึ่งวันชิลๆ จากฟูกุโอกะ
> รีวิว ROAD TRIP คิวชู (KYUSHU) อัพเดทเส้นทาง ฟุกุโอกะ-โออิตะ
> Mojiko Retro เมืองท่าบรรยากาศยุโรป อีกหนึ่งเมืองถ่ายรูปสวยในคิวชู
> เที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ 3 วัน 2 คืน ในนางาซากิ คิวชู
> รีวิว “Huis Ten Bosch” เดินเล่นในธีมพาร์กบรรยากาศยุโรปในเมืองนางาซากิ