แผนเที่ยว “ฮ่องกง” ฉบับ กิน เที่ยว ถ่าย(รูป) แค่ 24 ชั่วโมง ก็ชิคได้
24 Hours in Hong Kong
- September, 2017 -
แป่ะ! แผนนี้จะชวนเดินเล่นที่ “ฮ่องกง” กัน ประเทศยอดฮิตติดลมบนตลอดกาลของคนไทย เพราะเดินทางไปง๊ายง่าย นั่งเครื่องบินจากไทยแค่ประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึง เป็นประเทศที่เที่ยวเองง่ายสุดๆ การเดินทางสะดวก มีความวาไรตี้หลากหลาย มากมายสถานที่ท่องเที่ยว ที่สำคัญ ของอร่อยเพี๊ยบ! ยิ่งเดี๋ยวนี้ฮ่องกงเขามีสถานที่ชิคๆ ไว้ให้ถ่ายรูป เช็คอิน เยอะขึ้นด้วย ไปมั้ยล่ะ ไปด้วยกัน ขอเวลาแค่ 24 ชั่วโมง รับรอง ชิคเลย!!

แผนเที่ยว "ฮ่องกง" ใน 24 ชั่วโมง
Tsim Sha Tsui ⇨ PMQ ⇨ Central ⇨ Victoria Peak ⇨ Victoria Harbour

พาสแนะนำ
เราแนะนำว่าควรซื้อ Octopus Card เพื่อใช้สำหรับการเดินทางเที่ยวฮ่องกงนะ เพราะนอกจากจะสะดวกแล้วยังสามารถใช้ขึ้นรถไฟ MTR ได้ราคาถูกกว่าปกติด้วย สามารถซื้อได้ตั้งแต่ที่สนามบินเลย ราคา HK$ 150 เป็นค่ามัดจำบัตร HK$ 50 ฉะนั้นเงินที่สามารถใช้ได้ในบัตรคือ HK$ 100 ถ้าตังค์หมดก็สามารถเติมเงินผ่านตู้เติมเงินตามสถานีรถไฟ MTR ได้ทุกสถานีเลย : )
01
Tsim Sha Tsui





ศูนย์รวมเอเวอร์รี่ติง จิงเกอเบลล์ นับเป็นย่านที่คึกคักสุดๆ ของฝั่งเกาลูน โดยพิกัดบนเกาะจะอยู่ตรงข้ามกับเขตเซ็นทรัลของฝั่งเกาะฮ่องกงพอดี จึงนับเป็นชุมทางที่สำคัญเพราะมีรถไฟ MTR ผ่านถึงสองสาย รวมถึงเป็นจุดสำหรับขึ้นเรือเพื่อข้ามไปฝั่งฮ่องกงด้วย เรื่องสถานที่ท่องเที่ยวไม่ต้องพูดมาก แค่เอ่ยคำว่า “อ่าววิคตอเรีย” ทุกคนก็ร้อง อ๋อ! แล้ว สำหรับสาวๆ ยิ่งแล้วใหญ่ คงไม่มีใครเผลอลืมใส่ลงแผนเที่ยวอย่างแน่นอนเพราะ จิมซาจุ่ย ถือเป็นสวรรค์สำหรับนักช็อปฯ ทีเดียว มีทั้งร้านค้าแบรนด์เนมและห้างสรรพสินค้าเรียงรายให้เสียทรัพย์เล่นอยู่แทบทุกตารางนิ้ว ช็อปปิ้งจนเหนื่อยก็แวะเพิ่มพลังได้ทันทีเพราะย่านนี้อัดแน่นไปด้วยของอร่อยเพียบ! เรียกว่าเป็นทำเลทองสำหรับนักท่องเที่ยวทีเดียว อ้อ! ที่นี่ยังเป็นหนึ่งในย่านที่พักยอดนิยมของคนไทยด้วยนะ ตอนเราไปก็พักย่านนี้แหละ เพราะเดินทางไปไหนมาไหนสะดวกดี แถมคึกคักทั้งคืน หิวตอนดึกแค่ไหนก็ไม่อดตายแน่นวลล
✍️ วิธีการเดินทาง : รถไฟ MTR Tsuen Wan Line (สายสีแดง) ลงสถานี Tshim Sha Tsui
ทีเด็ดย่านจิมซาจุ่ย

วาฟเฟิลฮ่องกง ร้าน Mammy Pancake
สารภาพก่อนว่า ก่อนไปฮ่องกงเราไม่เคยกินวาฟเฟิลฮ่องกงเลย เพราะตอนนั้นยังไม่ฮิตเท่าไร แต่ไปถึงฮ่องกงแล้วมันต้องลอง! เพราะฉะนั้นเลยได้มีโอกาสกินของออริจินัลก่อน แล้วก็ติดเลยจ้า! ยิ่งมีร้านเด็ดอย่าง “Mammy Pancake” อยู่ในย่านจิมซาจุ่ยซึ่งเป็นที่พักด้วย เลยซื้อกินสองวันติดเลย ร้านนี้ติด 1 ใน 23 Michelin Street Food In Hong Kong ปี 2016 ด้วยนะ เพราะฉะนั้นถ้าจะไปลองแล้วเจอแถวยาวเหยียดก็ไม่ต้องตกใจ ที่ร้านมีหลายไส้ หลายรสให้เลือก เราว่าออริจินัลอร่อยสุด ชอบตรงที่แป้งมันเหนียวหนึบและไม่หวานเท่าของไทย แต่บางคนก็บอกว่าที่ไทยอร่อยกว่าเพราะแป้งของฮ่องกงไม่หวาน ก็แล้วแต่คนชอบเนาะ แต่ไม่ว่ายังไงไปถึงฮ่องกงแล้วก็ต้องกินวาฟเฟิลฮ่องกง! เพราะมันคือออริจินัลลนาจา
? ราคา : ออริจินัล ชิ้นละ HK$ 16
⏰ เวลาเปิด : 11:00 - 23:00 น. โดยประมาณ
? พิกัด : 22.298188, 114.173307
? วิธีการเดินทาง : สถานี Tsim Sha Tsui ทางออก D2
น้ำมะม่วงปั่น ร้าน Hui Lau Shan
อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่อยากให้ติ่งของหวานพลาดนั่นก็คือ “น้ำมะม่วงปั่น” ขนาดเราเป็นคนไม่ค่อยอินน้ำมะม่วงปั่นเท่าไรยังอดเครซี่ไม่ได้ ซื้อกินสองวันติดอีกเช่นเคย (ฮา) ร้าน Hui Lau Shan โด่งดังมากเรื่องขนมหวานและน้ำผลไม้ โดยเฉพาะสารพัด “มะม่วง” ที่เห็นในรูปคือ Mango & Coconut Juice with Sago น้ำมะม่วงปั่นท็อปบนสาคูแล้วราดด้วยกะทิอีกชั้น โอ้ววว! แค่ฟังชื่อก็เบาหวานขึ้นแล้วเป็นไง แต่อยากจะบอกสาวๆ ว่างานนี้ยอมเถอะ ถึงแม้ว่าจะต้องกลิ้งกลับไทยก็อยากให้ลองชิมดูสักแก้ว จริงๆ ที่ร้านมีหลายเมนูให้เลือกนะ รวมถึงมีหลายสาขาด้วย แต่สาขาจิมซาจุ่ยหาไม่ยาก เอาเป็นว่าเดินเล่นอยู่ในย่านนี้ยังไง้ ยังไงก็ต้องเดินผ่านร้าน Hui Lau Shan แน่นวล
? ราคา : Mango & Coconut Juice with Sago แก้วละ HK$ 30
⏰ เวลาเปิด : 12:00 - 24:30 น. (เที่ยงวันยันเที่ยงคืนเลยจ้า)
? พิกัด : 22.299517, 114.173558
? วิธีการเดินทาง : สถานี Tsim Sha Tsui ทางออก A2

02
PMQ




กลายเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินยอดนิยมของสายชิคที่ไปเที่ยวฮ่องกงสมัยนี้ไปแล้ว เอาจริงๆ เราว่าที่นี่มีอะไรดีมากกว่าจุดถ่ายรูปฮิปๆ นะ เป็นอีกหนึ่งมุมที่ทำให้มองฮ่องกงเปลี่ยนมิติไปได้เลย มองภายนอกอาจดูเหมือนอพาทเมนท์หรือตึกแถวสำหรับอยู่อาศัย แต่เขารีโนเวทอาคารแห่งนี้ให้กลายเป็นชุมชนคนรักงานออกแบบขนาดใหญ่ ทุกห้องเต็มไปด้วยร้านขายสินค้าดีไซน์ สินค้าแฟชั่น รวมไปถึงคาเฟ่เก๋ๆ ที่ทำเอาคนรักศิลปะถึงกับเมื่อยขาเพราะต้องแวะมันทุกชั้น ทุกห้อง! สำหรับสายเที่ยวผ่านเลนส์ มาที่นี่แล้วแนะนำให้เดินเล่นบริเวณรอบๆ สักหน่อย เพราะมีงานสตรีท อาร์ท ไว้เป็นจุดให้ถ่ายรูปเก๋ๆ ชิคๆ ด้วย เปลืองเมมกล้องแน่นอน งานนี้!
⏰ เวลาเปิด : 07:00 - 23:00 น.
? พิกัด : 22.283342, 114.151921
? วิธีการเดินทาง : รถไฟ MTR Island Line (สายสีน้ำเงิน) ลงสถานี Sheung Wan ทางออก E2
✍️ Note : ถ้ามาจากจิมซาจุ่ยตามแผนนี้ต้องนั่ง MTR Tsuen Wan Line (สายสีแดง) ลงสถานี Central ก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนมานั่ง Island Line (สายสีน้ำเงิน) นะ ^^
03
Central




เยือนหัวใจของฝั่งเกาลูนไปแล้ว นั่งรถไฟตามเส้นเลือดมังกรมาต่อกันที่หัวใจของฝั่งฮ่องกงบ้าง ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า “Central” ฉะนั้นแน่นอนว่าย่านนี้คือศูนย์กลางเอเวอร์รี่ติง จิงเกอเบลล์ของทางฝั่งเกาะฮ่องกงเขาล่ะ โดยเฉพาะตึกสูงที่ขึ้นอัดแน่นอยู่เรียงรายสะท้อนความเป็นเมืองเศรษฐกิจระดับแนวหน้าของโลกได้เป็นอย่างดี บรรยากาศของย่านนี้ออกจะแตกต่างจากฝั่งเกาลูนตรงที่มีความศิวิไลซ์แบบเต็มขั้น เทียบชั้นได้กับวอลล์สตรีทของนิวยอร์กอะไรประมาณนั้น คนแน่นคึกคักตลอดทั้งวัน และถึงแม้จะเป็นเขตเศรษฐกิจ แต่ก็กลับเป็นย่านที่เดินเล่นได้สนุกและแฝงด้วยเสน่ห์ความชิคแบบไม่น่าเชื่อทีเดียว
? วิธีการเดินทาง : รถไฟ MTR Tsuen Wan Line (สายสีแดง) หรือ MTR Island Line (สายสีน้ำเงิน) ลงสถานี Central
✍️ Note : ถ้าจะลอกตามแผนนี้เลย จะสังเกตเห็นว่าเราเลือกไป PMQ ซึ่งอยู่เลยสถานี Central ไปหนึ่งสถานีก่อนแล้วย้อนกลับมาเที่ยวย่านเซ็นทรัล เหตุผลเพราะสถานที่ต่อไปของแผน เราจะต้องขึ้นรถจากเซ็นทรัลเพื่อไปเที่ยวบนยอดเขาวิคตอเรียพีคกัน เลยขอแอบโฉบไปชิคที่ PMQ ก่อน จะได้ไม่ต้องนั่งรถย้อนไปย้อนมาน้า ^^
ทีเด็ดย่านเซ็นทรัล
Starbucks Coffee : Duddell Street




ไม่เถียงว่าประเทศไหนๆ ก็มี “สตาร์บัคส์” แถมมีหลายสาขาให้เห็นจนลายตา แต่สตาร์บัคส์ ฮ่องกง สาขา Duddell Street เซ็นทรัล เก๋กว่าตรงที่บรรยากาศภายในร้านตกแต่งสไตล์คลาสสิคและย้อนยุค จนรู้สึกเหมือนได้หลุดเข้าไปนั่งกินกาแฟในฮ่องกงสมัยก่อนเลยทีเดียว ที่สำคัญสาขานี้ยังมีขนมฮ่องกงสูตรดั้งเดิม เช่น ทาร์ตไข่รสกาแฟ (ชิ้นละ HK$ 13) ฯลฯ ขายด้วย ตอนที่เราไปคนไม่เยอะเท่าไรนะ ที่นั่งมีให้เลือกหลายมุม โดยเฉพาะใครที่ชอบถ่ายรูป ขอบอกว่ามันก็จะได้ภาพที่ชิคๆ สำหรับเอาไว้เช็คอินหลายรูปเลยทีเดียว
⏰ เวลาเปิด : จันทร์ - ศุกร์ 07:00 - 21:00 น. (วันศุกร์ ปิด 22:00 น.) / เสาร์ 08:00 - 22:00 น. / อาทิตย์ 09:00 - 20:00 น.
? พิกัด : 22.279735, 114.156699
? วิธีการเดินทาง : รถไฟ MTR Tsuen Wan Line (สายสีแดง) ลงสถานี Central ทางออก D1

ซาลาเปาอบไส้หมูแดง ร้าน Tim Ho Wan
ถึงจะมีสาขามาเปิดที่ไทยแล้ว แต่ไปถึงฮ่องกงยังไงก็ต้องกินของออริจินัลนะ ซึ่งใครที่หาข้อมูลเที่ยวฮ่องกงคงไม่มีใครไม่รู้จักร้าน “Tim Ho Wan” เป็นแน่ เพราะร้านนี้เขาระดับ Michelin Star นาจา เมนูเด็ดที่หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ต้องสั่งมากินก็คือ ซาลาเปาอบไส้หมูแดง คือมันดีมากกก อร่อยมากกก อร่อยจนต้องยอมแวะไปที่ร้านอีกครั้งเพื่อสั่งใส่กล่องเอาไปกินตอนขึ้น Victoria Peak อันที่จริงก็ไม่เคยได้นั่งกินที่ร้าน เพราะไม่ว่าสาขาไหนๆ คนก็เยอะจนต้องต่อคิวยาว เราเลยตัดสินใจสั่งใส่กล่องมานั่งกินข้างนอกดีกว่า เพราะถ้าสั่งกลับบ้านจะได้เร็วกว่า สาขาอื่นเราไม่เคยไปนะ เคยไปแต่สาขา IFC Mall ที่สถานี Hong Kong เพราะเดินทางสะดวกดี ร้านตั้งอยู่ชั้นล่าง (P1) ของอาคาร Airport Express Link ใครไปครั้งแรกก็อาจจะงงๆ หน่อย ถ้าจะให้บอกพิกัดง่ายๆ ก็คือ อยู่อาคารเดียวกับจุดที่เขาให้บริการ In-town Check-in นั่นแล
⏰ เวลาเปิด : 09:00 - 21:00 น.
? พิกัด : 22.285066, 114.157723
? วิธีการเดินทาง : รถไฟ MTR Tsuen Wan Line (สายสีแดง) ลงสถานี Central แล้วเดินผ่านทางเชื่อมไปยังสถานี Hong Kong (หรือนั่ง MTR Tung Chung Line / Airport Express ลงสถานี Hong Kong เลยก็ได้) เดินตามป้าย Airport ไปเรื่อยๆ จะถึง IFC Mall ร้านอยู่ชั้น P1
04
Victoria Peak

เอาล่ะ มาถึงแลนด์มาร์กของฮ่องกงกันแล้ว ยอดเขาวิคตอเรีย นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของฮ่องกงที่กล้าฟันธงเลยว่านักท่องเที่ยวทุกคนต้องมาเช็คอิน! โดยซิกเนเจอร์อีกอย่างของการเดินทางสู่ยอดเขาวิคตอเรียคือการนั่งรถรางเก่าแก่ (The Peak Tram) ไต่ระดับขึ้นไปผ่านวิวอันงามงดของเมืองฮ่องกง แต่ข้อเสียคือคนเยอะอลังการล้านแปดมาก โดยเฉพาะช่วงวันหยุดอาจต้องรอคิวนานเป็นชั่วโมงทีเดียว ฉะนั้นเราขอแนะนำอีกหนึ่งวิธีที่มั่นใจว่าจะได้มองเห็นวิวไม่ด้อยไปกว่าการนั่งรถรางแน่นอน นั่นก็คือ รถบัสสาย 15 ซึ่งข้อดีมีมากมายหลายอย่างคือ ไม่ต้องรอคิวนานและเบียดเสียดไปกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ราคาถูกกว่านั่งรถราง แล้วก็ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเท่านั้น (ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรด้วยน้า)

บนยอดเขาวิคตอเรีย เราจะสามารถมองเห็นเมืองฮ่องกงได้แบบท็อปวิว โดยเฉพาะใครที่ซื้อตั๋วขึ้นไปชมบน The Peak จะสามารถมองวิวได้แบบ 360 องศาทีเดียว แต่! เรามีตัวเลือกมานำเสนออีกแล้ว ทางเลือกนี้ดีดี๊ดีสำหรับคนงบน้อย เพราะมีอีกหนึ่งมุมที่สวยงามไม่แพ้เสียตังค์ขึ้นไปชมบน The Peak เลย แม้อาจจะต้องเดินไกลสักนิดแต่รับรองว่าถ้าเป็นสายเที่ยวผ่านเลนส์แล้วต้องเลิฟมุมนี้อย่างแน่นอน

วิธีการเดินทางคือหลังจากลงรถรางหรือรถบัสสาย 15 ให้เดินไปทางซ้าย จะมีทางเล็กๆ ซึ่งเป็น Trail สำหรับ Hiking เรียกว่า Lugard Road Lookout เดินไปตามทางเรื่อยๆ ประมาณ 15 นาทีจะถึงจุดที่มีช่างภาพหลายคนนิยมมาตั้งกล้องถ่ายรูปกัน ตรงจุดนี้จะสามารถถ่ายรูปวิวเมืองฮ่องกงได้กว้างกว่า สวยกว่า เอาเป็นว่าสวยเด็ดไม่แพ้ขึ้นไปถ่ายจากบน The Peak เลย

? พิกัด : 22.278169, 114.146723
? วิธีการเดินทาง : สถานี Central ทางออก A เดินตามป้าย Bus Terminus ออกมาแล้วขึ้นบันไดเลื่อนข้ามไปอีกฝั่งจะเจอตึก Exchange Square เดินลงมาข้างล่างจะเป็น Bus Terminus ซึ่งเป็นจุดจอดรถบัสหลายสาย เดินมองหาป้ายของรถบัสสาย 15 แล้วต่อแถวรอได้เลย ส่วนขากลับจะเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการนั่งรถรางก็ได้นะ หรือจะกลับด้วยรถบัสเหมือนเดิมก็สามารถนั่งรถมาลงที่เดิมได้เลยจ้า
05
Victoria Harbour



ปิดท้ายความประทับใจของหนึ่งวันชิคๆ ในฮ่องกงด้วยการชมการแสดง แสง สี เสียง สุดอลังการยามค่ำคืน “A Symphony of Lights” ที่อ่าววิคตอเรีย ฝั่งเกาลูน คือมันอลังการมากจริงๆ นะ เพราะใช้ตึกถึง 44 ตึกรอบอ่าววิคตอเรียในการปล่อยแสง สี เสียง แถมยังเปิดการแสดงให้ชมกันแบบฟรีๆ ตอน 2 ทุ่มของทุกวันอีกด้วย ฉะนั้นบริเวณอ่าววิคตอเรียช่วงค่ำๆ ก็จะเต็มเอียดไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มารอชมการแสดง เลยอยากแนะนำให้มาถึงที่นี่ก่อนเวลาเริ่มแสดงสักหน่อยเพื่อจับจองที่ยืนและที่ถ่ายรูป ไม่งั้นอดมุมดีๆ ไม่รู้ด้วยน้า ^^